Tuesday, July 31, 2018

ทำไม Cryptocurrency ถึงเป็นที่ถูกใจสำหรับคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คน

ปัจจุบัน คำว่าเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency เช่น Bitcoin นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักต่อคนหมู่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงที่ราคาของ Bitcoin นั้นเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันจนพุ่งไปแตะจุดสูงสุดในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และในปีนี้ก็มีเว็บเทรดถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากเช่นกัน รวมทั้งมีปริมาณการเทรด และปริมาณการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสนใจของผู้คนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่า อะไรล่ะ คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ Cryptocurrency ถึงเป็นที่ถูกใจสำหรับหลาย ๆ คนนัก

อิสรภาพ

อิสรภาพเป็นสิ่งที่มนุษย์เราตามหากันอยู่ตลอดเวลา แต่ปัจจุบัน หากสังเกตดี ๆ จะพบว่า ไลฟ์สไตล์หรือการดำเนินชีวิตของเราถูกควบคุมโดยสถาบันหรือบริษัทใหญ่ ๆ อยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ซึ่งการถูกควบคุมนั้นเป็นอะไรที่คนเราต่อต้านเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันหากเราต้องการทำธุรกรรมออนไลน์ เราต้องพึ่งธนาคารและบริษัทช่องทางการชำระเงินอยู่

แต่ตอนนี้ทุก ๆ อย่างกำลังจะเปลี่ยนไปเมื่อมี Cryptocurrency ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งมาทำให้ผู้คนไม่จำเป็นต้องพึ่งตัวกลางเหล่านั้นอีกต่อไปในการทำธุรกรรมออนไลน์ ด้วยเทคโนโลยีของมัน ส่งผลให้ผู้ใช้งานที่เข้าใจการทำงานของมันถูกใจและทราบได้ทันทีว่า Cryptocurrency จะสามารถสร้างอิสรภาพให้กับชีวิตของพวกเขาได้มากขึ้น โดยการที่กำจัดตัวกลางเหล่านั้นออกไปจากชีวิตของพวกเขา รวมทั้งยังสามารถประหยัดต้นทุนทั้งด้านเวลาและต้นทุนในการทำธุรกรรมได้อีกด้วย

ผลตอบแทน

นอกเหนือจากการใช้ Cryptocurrency มาเป็นตัวกลางในการชำระเงินแล้ว มันยังถูกพิจารณาว่าเป็นการลงทุนได้เช่นกัน ทำให้มันมีความพิเศษ ซึ่งถูกจัดว่าเป็นสินทรัพย์ชนิดใหม่

คนส่วนใหญ่ที่เข้ามาในวงการคริปโต และถูกใจใน Cryptocurrency นั้นมาจากราคาที่ผันผวนของมันซึ่งสามารถพุ่งขึ้นไปได้หลายเท่าในเวลาอันสั้น ด้วยความพิเศษที่ไม่มีสินทรัพย์ชนิดใดในโลกที่สามารถทำได้ ส่งผลให้ผู้คนเข้ามาลงทุนในคริปโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่พวกเขาคิดว่าสักวัน Cryptocurrency ที่พวกเขาครอบครองจะมีมูลค่าที่พุ่งสูงขึ้น

พร้อมทั้งการลงทุนเหล่านี้ ยังถูกเชื่อมั่นว่าจะมาเป็นอนาคตของหลาย ๆ อุตสาหกรรมในโลกเราอีกด้วย ทำให้ผู้คนมีความเชื่อมั่น และลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนมากขึ้นไปอีก

ส่วนหนึ่งของการปฎิวัติ

Cryptocurrency ถูกเชื่อว่า มันจะกลายเป็นระบบใหม่ที่มาแทนที่ระบบเก่า ๆ เช่นระบบการเงิน ซึ่งจะกระจายอำนาจจากกลุ่ม ๆ หนึ่งออกคืนกลับไปยังทุก ๆ คนอีกรอบ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับผู้คนที่ต้องการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะถูกใจมัน

นอกจากนี้ Cryptocurrency ซึ่งมีเทคโนโลยี Blockchain รองรับยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับยุคที่อินเทอร์เน็ตเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาด้วยว่ามันจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั้งหมดในโลกไปตลอดกาล

สรุป

หากให้สรุปโดยย่อ ผู้คนชอบ Cryptocurrency เนื่องจากมันเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกเคลมว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของเรา พร้อมทั้งสามารถกำจัดตัวกลางในบางอุตสาหกรรมไปได้ และสามารถลงทุนกับมันได้ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับมา

The post ทำไม Cryptocurrency ถึงเป็นที่ถูกใจสำหรับคนรุ่นใหม่หลาย ๆ คน appeared first on Siam Blockchain.

บทความ: Altcoins ตัวใหม่จะสามารถเทียบเท่า Altcoins ในปัจจุบันได้หรือไม่

โลกคริปโตนอกจากเหรียญราชาอย่าง Bitcoin ก็มีเหรียญ Altcoin ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญดัง ๆ ได้แก่ Ethereum, Ripple, Bitcoin Cash และอื่น ๆ โดยเหรียญ  Altcoin ในปัจจุบันนั้นมีจำนวนประมาณ 1,700 กว่าเหรียญแล้ว

และในอนาคตแน่นอนว่าต้องมี Altcoin กำเนิดออกมาอีกอย่างมากมายแน่นอน แต่คำถามก็คือ ทำอย่างไร Altcoin เหล่านี้จะสามารถเป็นที่รู้จัก หรือไต่ระดับขึ้นมาอยู่ใน 100 อันดับบน Coinmarketcap ได้

ทีมงานทำเหรียญ

แน่นอนว่าการที่คนจะสนใจในตัวเหรียญในแต่ละเหรียญนั้น ขึ้นอยู่กับทีมงานและที่ปรึกษา (Advisor) ที่ทำเหรียญนั่นเอง เช่นเหรียญ Edenchain ที่มีทีมที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ด้าน IT ด้านการเงิน หรือนักพัฒนาธุรกิจ หรือเคยทำงานในธุรกิจด้านเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ที่คนส่วนมากรู้จัก

แต่เราไม่สามารถดูแค่ทีมงานที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ได้ เพราะเหรียญหรือ ICO เหล่านั้นอาจสร้าง Profile ปลอมก็เป็นได้ นักลงทุนอาจต้องตรวจสอบดี ๆ ก็ที่จะทำการลงทุนนั่นเอง

ฟีเจอร์การใช้งาน

ในช่วงที่ Bitcoin กำลังโด่งดัง ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีเหรียญหรือ Altcoin ออกมาเสียเท่าไร และสิ่งที่ทำให้ Bitcoin เป็ฌนที่สนใจก็คือฟีเจอร์การโอนเงินหรือการทำธุรกรรมที่เร็วและปลอดภัยเพราะมันอยู่บนระบบ Blockchain

ปัจจุบัน Altcoin ที่ออกมานั้นก็จะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป โดยอาจเคลมว่าโอนเงินเร็วกว่า Bitcoin กี่ xxx เท่า หรือขายความเป็นส่วนตัวอย่างเหรียญ Monero และ Zcoin นั่นเอง ถ้า Altcoin ที่ออกใหม่อาจจะต้องมีฟีเจอร์ที่มาสามารถมาฆ่า Bitcoin ได้นั่นเอง

กระแส

เรื่องที่สำคัญที่จะทำให้เหรียญตัวนั้นดังหรือไม่ดัง ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ Influencer หรือมีกระแสคนพูดถึงหรือไม่ ตามที่เราเห็นกันก็คือนาย John McAfee ที่จะคอยออกมาเชียร์เหรียญที่น่าสนใจ โดยเขาเคยเปิดเผยว่าเขาคิดค่าโปรโมท Cryptocurrency ที่น่าสนใจผ่านทวิตเตอร์ครั้งละ 105,000 ดอลลาร์

ล่าสุดนาย McAfee ถูกลอบทำร้ายถึงกับเข้าโรงพยาบาล และกล่าวว่า “จะไม่โปรโมทหรือร่วมงานกับ ICO อีกต่อไป” หลังถูกก.ล.ต. ข่มขู่

สรุป

สุดท้ายการที่ตัวเหรียญนั้นจะโด่งดังหรือเป็นที่น่าสนใจได้ ก็ต้องอยู่ที่พื้นฐานของเหรียญนั้น ทีมงาน การทำการตลาด และสามารถสร้างความไว้ใจในกับนักลงทุนได้หรือไม่นั่นเอง

The post บทความ: Altcoins ตัวใหม่จะสามารถเทียบเท่า Altcoins ในปัจจุบันได้หรือไม่ appeared first on Siam Blockchain.

ประเทศดูไบ เตรียมตัวสร้าง “ศาลที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการดำเนินการ”

ศาลตุลาการระหว่างประเทศประจำประเทศดูไบ ที่ดูแลเกี่ยวกับข้อพิพาททางแพ่งและการค้าในอุตสาหกรรมการเงิน ได้วางแผนที่จะเริ่มดำเนินการ  “Court of the Blockchain” หรือ ศาลด้าน Blockchain  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการด้านกฎหมาย

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลทางการเงินระหว่างประเทศ ของประเทศดูไบ หรือ DIFC ได้ประกาศว่า  เราได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาล เพื่อที่จะเริ่มก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่จะมาควบคุมและจัดการพัฒนาแพลตฟอร์มกฏหมายที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain

อีกทั้ง ทาง DIFC ยังกล่าวอีกว่า “ เป้าหมายของการร่วมมือครั้งนี้ คือเพื่อพัฒนาระบบเครือข่าย Blockchain และ Smart contract ที่จะทำให้ศาล สามารถใช้มันเป็นสื่อกลางในการกระจายหรือเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งถ้าเราสามารถใช้ระบบนี้ได้จริง การทำสำเนาเอกสารก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากมันเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมาก ๆ ”

ซึ่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษนี้ จะเริ่มจากกระบวนการทำวิจัยและพัฒนาเป็นขั้นแรก เพื่อที่จะได้จัดเป็นข้อมูลทั่วไปและข้อมูลการตัดสินของศาล สำหรับเรื่อง Blockchain นี้ ดังนั้น ทางศาลจะสามารถตรวจสอบและแชร์ข้อมูลได้ทันที และเพื่อทำให้มีการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนที่ดีขึ้นอีกด้วย

อ้างอิงจากงานแถลงข่าว ทาง DIFC อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “สำหรับการวิจัยครั้งต่อไป ทางเราจะรวบรวมความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลเกี่ยวกับทรัพยากร Blockchain เพื่อเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบและตัดสินข้อพิพาท ตามข้อบังคับและข้อกำหนดตามสัญญา ไม่ว่าจะเป็นระหว่างภาครัฐหรือเอกชนก็ตาม”

ในขณะที่รายงาน ดร.Aisha Bint Butti Bin Bishr ผู้บริหารสำนักงาน Smart Dubai Office ได้อธิบายจากคำแถลงการณ์ ว่า กลยุทธ์ Dubai’s blockchain “มุ่งมั่นที่จะเปิดใช้งานระบบดำเนินการทำธุรกรรมของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง Blockchain ภายใน ปี 2020”

ดร.Aisha ระบุบเพิ่มเติมว่า “นวัตกรรมในระดับนี้ต้องการการบังคับใช้กฏหมายที่แบ่งเป็นส่วนๆอย่างชัดเจน นี้คือเหตุผลว่าทำไม ทาง DIFC ต้องการ Partner ที่เข้ามาประสานงานและช่วยกันควบคุมดูแลเทคโนโลยี Blockchain”

อีกทั้งทางรัฐบาลดูไบ คาดว่าภายในปี 2020 รัฐบาลจะประกาศใช้โครงการด้าน Blockchain และเป็นส่วนหนึ่งในข้อกฏหมาย

อาทิ เมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางกรมพัฒนาเศรษฐกิจประเทศดูไบ ประกาศว่า ได้วางแผนที่จะพัฒนาเแพลตฟอร์มการจดทะเบียนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain และเมื่อปีที่แล้ว ทางกรมตรวจคนเข้าเมืองและวีซ่าดูไบ กล่าวอีกว่า “เราจะใช้ระบบที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain แทนการใช้เจ้าหน้าที่ตรงที่คนเข้าเมือง ในสนามบิน U.A.E. city’s international airport”

The post ประเทศดูไบ เตรียมตัวสร้าง “ศาลที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการดำเนินการ” appeared first on Siam Blockchain.

ธนาคารที่มีสินทรัพย์โดยรวมมากที่สุดในโลกได้ทำการปล่อยกู้ด้วย Blockchain สำเร็จ

Agricultural Bank of China หรือ China ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีทรัพย์สินโดยรวมมากที่สุดในโลก ได้สร้างการปล่อยกู้ซึ่งมีมูลค่า 300,000 ดอลลาร์ ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain ได้สำเร็จ

อ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่นรายงานในวันอังคารที่ 31 กรกฎาคม 2018 ธนาคารได้ทำการทดลองเทคโนโลยีเป็นครั้งแรกหนึ่งในสาขาของพวกเขาที่ประเทศจีนในจังหวัดกุ้ยโจว โดยการปล่อยกู้ดังกล่าวนั้นถูกค้ำด้วยที่ดินผืนหนึ่งสำหรับการเกษตร

ABC ระบุว่าระบบ Blockchain นั้นถูกกระจายไปยัง Nodes ต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการปล่อยกู้ เช่น ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ สาขาย่อยตามจังหวัดต่าง ๆ ของ People Bank of China รวมทั้งธนาคารท้องถิ่นเช่น Land and Resources Bureau

ด้วยการใช้บัญชีแบบแยกประเภทเพื่อที่จะทำให้แต่ละฝ่ายอัปเดตข้อมูลของผู้ที่กู้และสิ่งที่พวกเขาค้ำประกันอย่างต่อเนื่อง และธนาคารได้กล่าวว่า Blockchain จะเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการอนุมัติการปล่อยกู้และกำจัดปัญหาการ Double Spending เช่นการที่ผู้ที่กู้นำสินทรัพย์เดิมไปค้ำประกันในหลาย ๆ ธนาคาร

การใช้งาน Blockchain เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของธนาคารในการทำให้เงินกู้สามารถเข้าถึงชาวนาและธุรกิจที่เกี่ยกับที่ดินด้านการเกษตรได้มากขึ้นในประเทศจีน

หลังจากที่พวกเขาได้ทำการทดลองปล่อยกู้สำเร็จ ABC ได้เล็งที่จะขยายการใช้งานที่จะปล่อยกู้โดยการค้ำด้วยสินทรัพย์ชนิดอื่นเช่น อสังหาริมทรัพย์

ปัจจุบัน มีธนาคารทั้งหมด 26 แห่งในประเทศจีน มี 12 แห่งที่ได้เริ่มนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้แล้ว

The post ธนาคารที่มีสินทรัพย์โดยรวมมากที่สุดในโลกได้ทำการปล่อยกู้ด้วย Blockchain สำเร็จ appeared first on Siam Blockchain.

Misthos ได้เปิดตัวกระเป๋าเก็บคริปโตสำหรับคนทำงานแบบ Multi-Sig เพื่อการรับเงินที่โปร่งใส

ถ้า Cryptocurrency คือเงินตราในรูปแบบ Decentralized แล้วล่ะก็ บริษัท Startup ด้านกระเป๋าคริปโตกำลังคิดว่าจะมาช่วยความเป็น Decentralized ในการทำงานได้อีกมาก

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาบริษัท Misthos ได้เปิดตัวกระเป๋าเก็บคริปโตแบบ Multi-Signature บนแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นแบบ Decentralized (DApp) นาม Blockstack โดยกระเป๋าเก็บคริปโตนี้ออกแบบมาสำหรับทีมงานที่ทำโปรเจกต์ (Project Team) หุ้นส่วนในการลงทุนและธุรกิจอื่น ๆ ที่รับเงินด้วย Bitcoin

นาย Justin Carter ผู้ก่อตั้ง Misthos กล่าวว่า จุดประสงค์ขององค์กรที่จะมาใช้บริการนี้ก็เพื่อต้องการความโปร่งใสของรายได้ที่เข้ามาในบริษัท และสามารถแจกจ่ายรายได้ของตนได้อย่างยุติธรรม

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือการได้รับผลตอบแทนตามเงินเดือนหรือสัญญาที่มาจากการเจรจาต่อรองก่อนที่จะเข้าทำงานต้องได้รับความเห็นร่วมกันตามเอกฉันท์ นาย Marcel Kasper ผู้ร่วมก่อตั้ง Coin Trainer กล่าวว่า:

“มันช่วยให้เราสร้างสภาพแวดล้อมที่โปร่งใส ซึ่งทุกคนจะได้รับ Rewards อย่างเป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย”

Free Agents

บริษัท Misthos เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันชุมชน Cryptocurrency เพื่อสนับสนุนให้การจ้างงานรูปแบบ Centralized น้อยลง

ยกตัวอย่างเช่น Opolis เป็นองค์กรการจ้างงานแบบมืออาชีพ (PEO) ที่จัดการเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบ Outsource อย่างเช่นเรื่องเงินเดือนและผลประโยชน์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตามด้วยกระเป๋าคริปโตนี้ออกแบบมาเพื่อลูกค้าโดยเฉพาะโปรเจกต์ด้าน Blockchain และ Startup

ทั้ง Misthos และ Opolis ได้ใช้ Solution ในการหาข้อมูลแบบ Decentralized สำหรับรหัสประจำตัวพนักงานหรือหลักฐานต่าง ๆ มันจะสามารถทำให้รับพนักงานได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยจากมนุษย์

ผู้ประกอบการเหล่านี้ได้เห็นโอกาสในการนำเสนอ Solution ที่เหมาะสมกับการจ้างงานที่ยืดหยุ่น

และปัจจุบันนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์หลายคนชอบระบบ Ecosystem และชอบทำงานอย่างอิสระ และอัตราการเปลี่ยนงานในวงการคริปโตมีจำนวนสูงมาก

นาย Carter เห็นพ้องกันว่าการจัดการทางสังคมจะเกิดขึ้นถ้ามาใช้แพลตฟอร์มเงินเดือนของ Misthos

“จุดมุ่งหมายของ Misthos ก็คือการจัดการฟอร์มเอกสารและการดำเนินการ” เขากล่าว

The post Misthos ได้เปิดตัวกระเป๋าเก็บคริปโตสำหรับคนทำงานแบบ Multi-Sig เพื่อการรับเงินที่โปร่งใส appeared first on Siam Blockchain.

เกม Abstractism ถูกนำออกจาก Steam หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นเกมที่หลอกหลวงและ แอบขุดคริปโต

เมื่อ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวนาม Motherboard รายงานว่า ทาง แพลตฟอร์มซื้อขายเกม หรือ Steam  ได้ลบเกมออกจากแพลตฟอร์มของพวกเขา เนื่องจากเกมดังกล่าวได้ถูกกล่าวหาว่า มีลักลอบใช้คอมพิวเตอร์ของผู้เล่นเกมเพื่อแอบขุดคริปโต

ทาง Steam ได้ถอนเกมนาม Abstractism ซึ่งเป็นเกมที่ถูกกล่าวว่า เป็นเกมที่หลอกลวง และทำการ Cryptojacking โดยได้สั่งห้ามและพักงานนักพัฒนาเกมจากแพลตฟอร์มนี้ด้วย  อีกทั้งทาง Steam อธิบายว่า ทางเขาได้ทำตามคำเรียกร้องที่มากมายจากผู้ใช้งาน ว่า ในไฟล์ติดตั้งเกมตัวนี้ มี Trojan virus และ Malware ที่แฝงตัวมาโดยใช้ชื่อไฟล์ว่า steam.exe   ซึ่งใช้สำหรับเปิดโปรแกรม

การดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ได้ดูแลจัดการโดยหลายหน่วยงาน รวมไปถึงผู้ใช้งานด้วย ซึ่งทางเข้าได้พบว่า เกมนี้เป็นโปรแกรมขุดคริปโต ที่ทำให้ทางคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานขุด Monero โดยไม่รู้ตัว

อ้างอิงจาก  Motherboard เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่เกม Abstractism ได้เปิดตัว ซึ่ง Motherboard ก็ได้มีการเตือนกับผู้ใช้ว่า ทางเกมนี้ อาจจะมีการระบบดำเนินการที่ผู้เล่นไม่คุ้นเคย ตัวอย่างเช่นทางเกมจะกระตุ้นหรือคอยให้ผู้เล่นเปิดเกมไว้ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาที่ไม่ได้เล่นเกมนี้ก็ตาม ซึ่งถ้าผู้ใช้งานทำตามก็จะตอบแทนเป็นไอเทมหายากในเกม

ผู้ใช้งานคนหนึ่ง รายงาน ผ่าน Steam Community Market  ว่าได้มีการหลอกลวงเกิดขึ้นใน Abstractism  โดยทางเกมได้ใช้ชื่อและลักษณะไอเทมเดียวกับเกม Team Fortress 2  เลย นอกจากนั้น ผู้ใช้งานอีกคน ออกมาระบุบว่า เหมือนเป็นการตั้งใจของเกมที่จะตั้งชื่อหรือสร้างลักษณะที่คล้ายกับไอเทมในเกม Team Fortress 2 ซึ่งมีไว้เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานซื้อไอเทมที่มีราคาแพง ที่ไม่สามารถใช้ในเกม Team Fortress 2 อีกด้วย

นอกจากนั้น YouTuber นาม SidAlpha และผู้ใช้งานกลุ่มหนึ่ง ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การเปิดเกมซึ่งมีเล็ก ๆ แต่กลับใช้ทรัพยากรของคอมพิวเตอร์​เป็นจำนวนมากซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ อาจแปลว่ามี Malware ทำงานอยู่ก็เป็นได้

ซึ่งนาย Okalo Union  นักพัฒนาเกม ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้อ้าง การที่ทางเกมเราต้องการกำลัง CPU และ GPU มากๆ เนื่องจากการเล่นด้วยการตั้งค่ากราฟิกที่สูง อีกทั้ง เขาได้กล่าวว่า “Abstractism ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการขุดคริปโตใดๆเลย ซึ่งการที่เกมเราต้องการกำลัง CPU และ GPU เยอะ ๆ ก็เพราะ เรามีการประมวลภาพกราฟิกที่สูงและต้องใช้กำลังเยอะมากกว่าปกติ”

ข้ออ้างและเหตุผลจาก นาย Union สร้างความไม่พอใจต่อผู้เล่นคนหนึ่งมาก และเขาได้กล่าวว่า “ นี้คือการหลอกลวง ไอเทมพวกนี้ไม่ควรอยู่ในเกมของพวกคุณ นี้คือการต้มตุ๋นชัดๆ และนี้เป็นเกมที่สนับสนุน Shovelware ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้คอมพิวเตอร์รวนและเป็นไวรัสที่ทำเพื่อมาหลอกหาเงินกับผู้ใช้”

ในปี 2016 ทางบริษัท Valve ประกาศว่า ทางแพลตฟอร์ม Steam จะรับการชำระเงินผ่าน Bitcoin แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2017 ที่ผ่านมา ทาง Steam ได้หยุดรับ Bitcoin เนื่องจากความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่มากขึ้น

The post เกม Abstractism ถูกนำออกจาก Steam หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นเกมที่หลอกหลวงและ แอบขุดคริปโต appeared first on Siam Blockchain.

ผู้จัดการด้านกองทุนชื่อดังทำนาย “ในหกปีข้างหน้าราคา Bitcoin จะไปแตะ 500,000 ดอลลาร์”

อ้างอิงจากทวิตเตอร์ของนาย Mark Yusko ผู้ก่อตั้งบริษัทด้านการจัดการกองทุนนาม Creek กล่าวว่าราคา Bitcoin จะพุ่งถึง 25,000 ดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้นาย Yusko เคยคาดการณ์ในเดือนมีนาคมว่าราคา Bitcoin จะพุ่งสูงถึง 75,000 ดอลลาร์ในปี 2020, 200,000 ดอลลาร์ภายในปี 2022 และ 500,000 ดอลลาร์สิ้นปี 2024

เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วนาย Yusko เคยทำนายว่าสักวันหนึ่งราคา Bitcoin จะถึง 1 ล้านดอลลาร์ แต่อย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณ 1 ทศวรรษ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาราคา Bitcoin ได้ลดต่ำกว่า 8,000 ดอลลาร์เนื่องจาก SEC ได้ปฏิเสธคำขอกองทุน Bitcoin ETF ของสองพี่น้อง Winklevoss

ทาง SEC เผยว่าความตั้งใจหลัก ๆ ของพวกเขาคือการป้องกันการปั่นราคาของตลาด, การป้องกันการหลอกลวง และรวมถึงการปกป้องนักลงทุน และพวกเขากังวลเกี่ยวกับการปั่นราคาของ Bitcoin เนื่องจากว่ามีตลาดอยู่เป็นจำนวนมากที่เปิดนอกสหรัฐฯ และไม่ได้ถูก Regulate อย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้นาย Morgan Creek ได้ระดมทุนเปิดกองทุนป้องกันความเสี่ยงด้านคริปโต มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ นาย  Anthony Pompliano ผู้ดูแล Digital Assets ของ Morgan Creek กล่าวว่า “เขาและหุ้นส่วนของเขาไม่เคยขายคริปโตที่พวกเขาลงทุน” ในกองทุนคริปโตของพวกเขาเลย และพวกเขากล่าวเสริมว่าอุตสาหกรรมนี้ “จะยังคงอยู่อีกหลายทศวรรษ”

The post ผู้จัดการด้านกองทุนชื่อดังทำนาย “ในหกปีข้างหน้าราคา Bitcoin จะไปแตะ 500,000 ดอลลาร์” appeared first on Siam Blockchain.

CEO ของบริษัท Fatfish กล่าว “ตลาดพร้อมที่จะยอมรับ ETF ของ Bitcoin ภายในไม่กี่เดือน”

นาย Kin-Wai Lau CEO ของบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตนาม Fatfish ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ในวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ตลาดจะ “พร้อมที่จะยอมรับ” ETF ของ Bitcoin ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

เขาได้อธิบายความเชื่อเกี่ยวกับราคา Bitcoin ของเขาว่า:

“มันเป็นกระแสที่กำลังมาแรง ซึ่งถูกขับเคลื่อนด้านความต้องการของสถาบัน และการถูกยอมรับโดยคนส่วนมาก ในตอนนี้มีความสนใจในอุตสาหกรรมคริปโตอยู่มาก ปริมาณการเทรดนั้นสูงขึ้นหลายเท่ากว่าจุดต่ำสุด”

ราคา Bitcoin เริ่มทรงตัวอยู่ได้ในราคา 8,000 ดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลงไปแตะ 7,700 ดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า ETF ของฝาแฝด Winklevoss จะถูกปฎิเสธเป็นรอบที่สองในวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่าราคาจะกลับมายืนเหนือ 8,100 ดอลลาร์ได้ ในเวลาต่อมา

นาย Lau ระบุว่า ราคาที่เด้งกลับขึ้นมานั้น “ยังถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสนับสนุบในช่วงแรก และผู้คนที่มีความสนใจในอุตสาหกรรม”

อ้างอิงจากรายงานก่อนหน้านี้ ได้มีคำร้องสำหรับ ETF จากหลากหลายกลุ่มกำลังรอ SEC อนุมัติอยู่ ซึ่งพวกเขาได้ทำการเลื่อนการพิจารณา ETF ของ Direxion ไปช่วงกลางเดือนกันยายนนี้

นอกจากนี้ นาย Lau ได้กล่าวกับ CNBC ว่า เขาได้เล็งเห็นการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายในอนาคตอันใกล้นี้:

“ผมคิดว่ามันใกล้จะถึงแล้วนะ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กฎหมายจะพร้อมสำหรับการที่ตลาดจะยอมรับ ETF”

ต้องติดตามต่อไปว่าคำทำนายของเขาจะเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งหากเป็นจริงอาจก่อให้เกิดการทะยานของ Bitcoin แบบที่หลาย ๆ คนคาดไว้ก็เป็นได้

The post CEO ของบริษัท Fatfish กล่าว “ตลาดพร้อมที่จะยอมรับ ETF ของ Bitcoin ภายในไม่กี่เดือน” appeared first on Siam Blockchain.

CEO Pantera เผยได้ผลตอบแทนย้อนหลัง 10,136% และคาด Bitcoin จะแตะ 67,500 ดอลลาร์ในปี 2019

เมื่อกลางปี 2013 ตอนที่ราคา Bitcoin อยู่ที่ 104 ดอลลาร์ ซึ่งกองทุน Pantera ได้ตีพิมพ์จดหมายให้กับนักลงทุนว่าสักวันหนึ่งราคา Bitcoin จะพุ่งไปแตะ 5,000 ดอลลาร์

ห้าปีต่อมาราคา Bitcoin ไปแตะ 5,000 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแต่อยู่ในตลาดขาลง แสดงให้เห็นถึงการทำนายอย่างแม่นยำของ Pantera

ผู้ก่อตั้งกองทุน Pantera มีอัตราผลตอบแทนตั้งแต่ก่อตั้งมาที่ 10,000 เปอร์เซ็นต์

บทความดังกล่าวมีชื่อว่า “Blockchain Letter” ของทาง Pantera ได้เปิดเผยว่า พวกเขาได้สร้างผลตอบแทนย้อนหลัง 10,136.15 เปอร์เซ็นต์จากค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าไม่เลวสำหรับกองทุนที่เพิ่งก่อตั้งเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น

ราคา Bitcoin จะแตะ 67,500 ดอลลาร์ในปี 2019

ห้าปีของการทำงานของ Pantera นาย Morehead กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin มีความสอดคล้องและการเติบโตตั้งแต่ปี 2010

ด้วยแนวโน้มดังกล่าว Bitcoin มีความผันผวนน้อยกว่าที่เป็น นาย Morehead กล่าวว่าราคา Bitcoin จะไปแตะที่ 21,000 ดอลลาร์เมื่อสิ้นปี 2018 และจะถึง 67,500 ดอลลาร์ในปี 2019

แน่นอนว่าการดาดการณ์ราคาของนาย Morehead ไม่ได้ถูกเสมอไป ปีก่อนหน้านี้ นาย Morehead เคยทำนายว่า “ราคา Bitcoin จะลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ก่อนที่จะเด้งกลับไปสูงอีกครั้ง” แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

The post CEO Pantera เผยได้ผลตอบแทนย้อนหลัง 10,136% และคาด Bitcoin จะแตะ 67,500 ดอลลาร์ในปี 2019 appeared first on Siam Blockchain.

ผู้สร้างเหรียญ Litecoin ได้กลายเป็น Advisor ของ Exodus มือถือ Blockchain จาก HTC

นาย Charlie Lee ผู้สร้างเหรียญ Litecoin ได้ทวีตในวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า เขาได้เป็น Advisor ของ Exodus SmartPhone ใหม่ของ HTC อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งจะรองรับ LTC และ Lightning Network อีกด้วย

“อีกก้าวเล็ก ๆ สำหรับ @SatoshiLite อีกก้าวสำคัญสำหรับ Blockchain

อ้างอิงจากรายงานก่อนหน้านี้ HTC กำลังมองหาลู่ทางสำหรับการเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตด้วยมือถือ ซึ่งใช้เทคโนโลยีบัญชีแยกประเทศ หรือ DLT โดยเคลมว่า Exodus จะเป็น “มือถือ Blockchain ตัวแรก” ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทได้ชี้แจงว่า Exodus จะมีกระเป๋า Cryptocurrency ในมือถือที่จะรองรับ Bitcoin, Ethereum, Lightning Network รวมทั้ง DApp ชื่อดังอย่าง CryptoKitties

ในฐานะเขาได้ตำแหน่ง Advisor นาย Lee ได้เผยว่า Exodus จะรองรับ LTC และ Lightning Network โดยให้รายละเอียดว่า เขาเข้ามาเป็น Advisor เนื่องจากเขา “เล็งเห็นว่าการมีมือถือด้านคริปโตที่มีความปลอดภัยจะทำให้ LN ได้รับการยอมรับจากคนส่วนมากมากขึ้น”

อ้างอิงจากนาย Phil Chen ผู้ก่อตั้ง HTC Vive และ หัวหน้าธุรกิจ และการพัฒนาองค์กรของ HTC กล่าวว่า ราคาของ Exodus จะ “ใกล้เคียง” กับ SmartPhone ของ Sirin Labs นาม Finney ซึ่งถูกคาดว่าจะมีราคาอยู่ที่ 1,000 ดอลลาร์

ดูเหมือนว่า ตลาด SmartPhone หรือมือถือจะเริ่มประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Blockchain และยอมรับ Cryptocurrency มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าจะทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึง Cryptocurrency และยอมรับมันมากขึ้น

ที่มาภาพ Bitsonline

The post ผู้สร้างเหรียญ Litecoin ได้กลายเป็น Advisor ของ Exodus มือถือ Blockchain จาก HTC appeared first on Siam Blockchain.

โรงเรียนแพทย์ Icahn School เปิดตัวศูนย์วิจัยที่มุ่งเน้น Blockchain ด้านสุขภาพ

โรงเรียนแพทย์ที่ New York โดยตั้งอยู่ที่ Mount Sinai Hospital ได้เปิดตัวศูนย์วิจัยแห่งใหม่ที่มุ่งเน้นการใช้งาน Blockchain ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

CrainsNewYork รายงานเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Icahn School of Medicine ได้กล่าวว่า จะทำการสร้างศูนย์วิจัยทางการแพทย์ด้าน Blockchain ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นภายในตัวสถาบันเพื่อเป็นการวิจัยการดูแลสุขภาพในยุคถัดไป (Next-Generation of Healthcare) ซึ่งบริษัทจะวิจัยด้านการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์, Robotics, การเรียงลำดับ Genome, เซ็นเซอร์และอุปกรณ์สวมใส่สำหรับทางการแพทย์

อ้างอิงจาก Healthcare IT News เจ้าหน้าที่ของศูนย์วิจัยจะดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับ Blockchain ด้านการแพทย์เช่นเดียวกับการสร้างเครือข่ายต้นแบบของตัวเอง พวกเขายังตั้งใจที่จะวิจัยในด้านป้องกันการขายยาปลอม การทดลองด้านการแพทย์ และการวิจัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ศูนย์วิจัยนี้จะดำเนินการโดยนาย Joel Dudley รองประธานบริหารของ Precision Health ที่ Mount Sinai และอดีตนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอาวุโสของ Pivotal Software ซึ่งกำลังศึกษาการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในชีววิทยา

และการวิจัยนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาการใช้ Blockchain ด้านสุขภาพโดยใช้ข้อมูลจากการบันทึกข้อมูลด้านสุขภาพในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เช่นในอุปการ์สวมใส่และแหล่งข้อมูลดิจิทัลอื่น ๆ

The post โรงเรียนแพทย์ Icahn School เปิดตัวศูนย์วิจัยที่มุ่งเน้น Blockchain ด้านสุขภาพ appeared first on Siam Blockchain.

กลุ่ม Blockchain และ Cryptocurrency ระดับประเทศสร้าง แนวทางสำหรับการเติบโตของตลาดคริปโต

อ้างอิงจาก Press Release รายงานในวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา Chamber of Digital Commerce Token Alliance ได้เสนอแนวทางสำหรับ “การเติบโต” ของตลาด Cryptocurrency

สำหรับผู้ที่ไม่ทราบ Chamber of Digital Commerce เป็นกลุ่มที่สนบัสนุน Blockchain และ Cryptocurrency ที่ถูกก่อตั้งโดยนาย Perianne Boring เมื่อปี 2014

แนวทางดังกล่าวมีชื่อว่า “การเข้าใจโทเคนดิจิทัล: ตลาดโดยภาพรวม & แนวทางสำหรับผู้ออกกฎหมาย & ผู้ปฎิบัติ” และได้แบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ ภาพรวมด้านกฎหมายของตลาดโทเคนดิจิทัลใน 5 ประเทศ, แนวทางสำหรับผู้ที่แจกจ่ายโทเคนดิจิทัลที่ไม่ต้องการให้โทเคนเป็นหลักทรัพย์และ เศรษฐกิจโดยภาพรวมของโทเคน

นาย Paul Atkins CEO ของ Patomak Global Partners และอดีตกรรมาธิการของ SEC กล่าวใน Press Release ว่าแนวทางนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการออกกฎหมายที่เหมาะสมที่ “สร้างสมดุลที่ถูกต้องระหว่างการปกป้องนักลงทุนในขณะที่นวัตกรรมยังคงเติบโตต่อไปได้อยู่”

“เราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะอธิบายคุณสมบัติพิเศษของสินทรัพย์แบบดิจิทัลที่ทำงานด้วยเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งไม่ได้เน้นด้านการลงทุนไปซะหมด และการสร้างแนวทางสำหรับผู้บริโภค, ผู้ออกกฎหมาย รวมทั้งอุตสาหกรรม”

Token Alliance นั้นถูกก่อตั้งโดยสมาชิกระดับสากลกว่า 350 คนจากอุตสาหกรรมด้าน Blockchain และโทเคน รวมทั้งผู้มีความชำนาญในประเด็นของเศรษฐกิจไปถึงกฎหมาย และ Press Release ได้ระบุว่าแนวทางของ Alliance จะพัฒนาไปตามสภาพแวดล้อมทางด้านกฎหมายที่พัฒนาไป และส่งเสริมให้ผู้อ่านเข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ที่ GitHub

The post กลุ่ม Blockchain และ Cryptocurrency ระดับประเทศสร้าง แนวทางสำหรับการเติบโตของตลาดคริปโต appeared first on Siam Blockchain.

CEO ของบริษัทเช่าเครื่องขุดคริปโตได้หายตัวไป พร้อมเงินจำนวน 35 ล้านดอลลาร์

อ้างอิงรายงานจาก Newsweek เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า CEO บริษัท Startup เช่าเครื่องขุดเหรียญคริปโตนาม Sky Mining ได้หายตัวไปพร้อมเงิน 35 ล้านดอลลาร์

อ้างอิงจากรายงานวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา นาย Le Minh Tam CEO ของบริษัทเช่าเครื่องขุดเหรียญคริปโตนาม Sky Mining ได้หายตัวไปพร้อมเงิน 35 ล้านดอลลาร์

ในรายงานกล่าวว่านักลงทุนจะได้ผลตอบแทน 300 เปอร์เซ็นต์ต่อปีโดยนักลงทุนจะต้องเช่าอย่างน้อย 15 ถึง 18 เดือน

อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มนักลงทุนได้เข้าไปรับเครื่องขุดที่บริษัทแต่กลับพบว่าบริษัทนั้นว่างเปล่าและร้างพร้อมทั้งเครื่องขุดทั้งหมดได้หายไปหมดแล้ว มีการรายงานว่านาย Tam ได้ขายเครื่องขุดทั้งหมดเพื่อปกป้องความสูญเสียทางการเงินของบริษัทเขา และปกป้องชีวิตของตัวเขาเอง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาได้ส่งข้อความว่าจะกลับมาแต่รอง CEO ของ Sky Mining นาย Le Minh Hieu อ้างว่า CRO ได้ขโมยเงินและย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว

นักลงทุนบางกลุ่มได้ฟ้องร้องเป็นที่เรียบร้อยและหวังว่าจะได้รับเงินคืน

อ้างอิงจาก VnExpress รายงานว่านาย Tam ได้ควบคุมทุกอย่างของบริษัทรวมทั้งเงินด้วย

นาย Hieu กล่าวว่าเขาพยายามจะจัดตั้งคณะกรรมการชั่วคราวเพื่อมาบริหารบริษัท แต่นาย Tam ได้ข่มขู่เขาและครอบครัวจึงทำให้เขาต้องปิดบริษัท

The post CEO ของบริษัทเช่าเครื่องขุดคริปโตได้หายตัวไป พร้อมเงินจำนวน 35 ล้านดอลลาร์ appeared first on Siam Blockchain.

ผลสำรวจเผย นักลงทุนชาวอเมริกันกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ คิดว่า Bitcoin “มีความเสี่ยงสูง”

อ้างอิงจากผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เผยว่า 3 ใน 4 ของนักลงทุนชาวอเมริกันที่มีหุ้น, พันธบัตร และกองทุนรวมมูลค่ากว่า 10,000 ดอลลาร์ คิดว่า Bitcoin เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

ผลสำรวจดังกล่าวถูกจัดทำโดย Gallup and Wells Fargon โดยพวกเขาได้เก็บข้อมูลจากนักลงทุนชาวอเมริกันเกี่ยวกับมุมมองของพวกเขาต่อ Bitcoin

ผลสำรวจพบว่ามีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างเท่านั้นที่ครอบครองพวกมัน และมีมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ “ที่มีไม่ความสนใจในการซื้อ Bitcoin เลย” มี 26 เปอร์เซ็นต์ที่ “รู้สึกสนใจ” แต่ไม่มีแผนที่จะซื้อในเร็ว ๆ นี้

อ้างอิงจาก Gallup พวกเขาได้ทำการเก็บข้อมูลจากผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่ลงทุนอยู่กว่า 2,000 ตัวอย่าง โดยพวกเขาใช้เวลาในการจัดทำประมาณหนึ่งสัปดาห์ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ผลสำรวจพบว่า ความเสี่ยงเกี่ยวกับ Bitcoin เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มน้อยยังคงถือ Bitcoin ไว้ ในขณะที่ 75 เปอร์เซ็นต์พิจารณา Bitcoin ว่ามีความเสี่ยงสูง และมีเพียง 0.5 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่า Bitcoin ไม่มีความเสี่ยงเลย

อ้างอิงจากผลสำรวจ มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ที่คิดว่า Bitcoin ไม่มีความเสี่ยงมากนัก ในขณะที่ 23 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคิดว่า Bitcoin มีความเสี่ยงอยู่บ้าง

อีกหนึ่งเหตุผลที่นักลงทุนเหล่านั้นมีความสนใจใน Bitcoin นั้นอาจจะเกิดจากเหตุว่า มีเพียง 29 เปอร์เซ็นต์ของนักลงทุนเหล่านั้นที่รู้จักเกี่ยวกับ Cryptocurrency

ผลสำรวจนี้อาจเป็นสิ่งที่เผยได้ว่า ผู้คนต่าง ๆ อาจจะยังไม่มีความเข้าใจ และรับรู้ Cryptocurrency มากเท่าที่ควร ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากมันยังเป็นเรื่องที่ใหม่อยู่สำหรับหลาย ๆ คน

The post ผลสำรวจเผย นักลงทุนชาวอเมริกันกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ คิดว่า Bitcoin “มีความเสี่ยงสูง” appeared first on Siam Blockchain.

Monday, July 30, 2018

รายงาน: โรงหนัง Major Cineplex ในไทยเตรียมรับเหรียญ Cryptocurrency

รายงานจาก News Bitcoin เผยว่าผู้นำด้านโรงหนังในประเทศไทย Major Cineplex กำลังเตรียมนำเอาระบบชำระเงินด้วย cryptocurrency มาใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถบริการและสินค้าด้วย cryptocurrency อย่าง Bitcoin และเหรียญอื่น ๆ ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงสินค้าอย่างตั๋วหนัง และ Popcorn ภายหลังจากที่ทาง ก.ล.ต. ในไทยออกกฎหมายมากำกับคริปโตเมื่อเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ทาง ก.ล.ต. ยังเริ่มเปิดรับคำขออนุญาตจากภาคธุรกิจในไทยแล้วด้วยอีกเช่นกัน

เมเจอร์ฯ ผู้เข้าหาเทคโนโลยีใหม่

ผู้นำด้านโรงหนังในไทยอย่าง Major Cineplex นั้นเริ่มที่จะสร้างระบบ ecosystem สำหรับจ่ายเงินผ่านระบบดิจิตอล ภายใต้ความร่วมมือกับบริษัทสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ Rapidzpay

บริษัทดังกล่าวเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1995 โดยในปัจจุบัน Major Cineplex นั้นมีโรงหนังทั่วไทยถึง 143 โรง โดยมี 43 โรงที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ โดยพวกเขายังมี “จอหนังถึง 678 จอ โดยมี 7 จอในกัมพูชา และ 9 จอในลาว และนอกจากนี้พวกเขายังวางแผนที่จะเพิ่มจอหนังให้ได้เป็น 1,000 จอภายในปี 2020 ด้วย” อ้างอิงจาก Forbes เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา

โดยทาง Major Cineplex จะใช้เครื่องมือ point of sale ของ Rapiz เพื่อรับเหรียญคริปโตเป็นช่องทางการชำระเงินได้ และรวมถึงสกุลเงินหลักทั่วไปอีกด้วย “Major และ Rapidzpay จะนำเอาระบบการจ่ายเงินด้วย cryptocurrency มาผนวกกับ payment gateway เพื่อให้ประสบการณ์การจ่ายเงินด้วยคริปโตนั้นมีความไหลลื่นไม่ติดขัด, ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ”

แม้ว่าทาง Major Group จะไม่ได้เผยว่าพวกเขาจะรับเหรียญ cryptocurrency เหรียญใดบ้าง แต่แอพดังกล่าวในปัจจุบันจะให้การรองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ซึ่งจะรองรับเหรียญ BTC, BCH และ LTC

นาง Chanya Tamrongweenichai หรือหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Major Cineplex Group ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Nation ว่าพวกเขาเชื่อว่า “Rapidzpay จะช่วยขยายธุรกิจของเรา และช่วยนำการเปลี่ยนแปลงสำหรับระบบ ecosystem ทางการเงินของไทยให้เป็นสังคมไร้เงินสด” และเสริมว่า

“คุณสามารถที่จะซื้อบริการและผลิตภัณฑ์จากพวกเราอย่างเช่นตั๋วหนัง, ป็อปคอร์น และสินค้าอื่น ๆ ด้วย cryptocurrency ได้”

กฎหมาย Cryptocurrency ในไทย

รพี สุจริตกุล

กฎหมายด้าน cryptocurrency ในไทยนั้นเพิ่งจะเข้ามามีผลได้เมื่อไม่นานมานี้ โดยทาง ก.ล.ต. แห่งประเทศไทยนั้นเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้อยู่ โดยเมื่อเดือนที่แล้วพวกเขาได้ประกาศว่าจะอนุญาตให้มีเหรียญ 7 ตัวอย่าง BTC, ETH, BCH, ETC, LTC, XRP, และ XLM สามารถทำการซื้อขายผ่านเว็บเทรดที่ได้รับอนุญาตได้

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ออกมากล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “ทางก.ล.ต. นั้นกำลังเปิดรับคำแบบคำขอสำหรับขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการด้าน digital asset เนื่องจากทางกระทรวงการคลังได้ประกาศให้มีการออก license ด้าน digital asset ออกมาบังคับใช้” สำนักข่าว The Nation ยังเผยต่ออีกว่า

“Rapidzpay นั้นกำลังเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งานในประเทศไทยในช่วงปีแรก โดยจะดึงดูดทั้งกลุ่มผู้ใช้ cryptocurrency ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ผู้ที่ต้องการจะมองหาแพลทฟอร์มที่สามารถแลกระหว่างเงิน fiat กับ cryptocurrency ได้อย่างสะดวก”

The post รายงาน: โรงหนัง Major Cineplex ในไทยเตรียมรับเหรียญ Cryptocurrency appeared first on Siam Blockchain.

มูลค่าตลาดรวมคริปโตลดลงเล็กน้อย Bitcoin ยังคงยืนพื้นอยู่ได้

วันที่ 30 กรกฎาคมนนี้ เราได้เห็นเทรนด์ของหลาย ๆ เหรียญในตลาดคริปโตที่มีความแตกต่างกัน

ราคาของ Bitcoin ยังคงคงตัวอยู่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และกำลังถูกซื้อขายที่ประมาณ 8,207 ดอลลาร์ โดยมีจุดสูงสุดที่ 8,282 ดอลลาร์ ในขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ราคาของเหรียญดังกล่าวได้ขึ้นไปแตะ 8,431 ดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการขึ้นของราคานั้นเริ่มเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม โดยหากเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้แล้ว ราคาของ Bitcoin นั้นได้เพิ่มขึ้นกว่า 39%

ข้อมูลจาก Cointelegraph

ส่วนแบ่งตลาด Bitcoin กำลังกลืนกินส่วนแบ่งตลาดของเหรียญ altcoin อย่างช้า ๆ โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ค่า BTC Dominance บนเว็บ Coinmarketcap นั้นอยู่ที่ 47.5%

ในขณะเดียวกัน เหรียญอันดับสองของโลกอย่าง Ethereum นั้นได้มีราคาที่ตกลงมาเล็กน้อยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยกำลังทำการซื้อขายกันอยู่ที่ราว ๆ 465 ดอลลาร์ในขณะนี้ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เหรียญดังกล่าวได้มีการผันผวนของราคาอยู่ที่ 460-470 ดอลลาร์ และขึ้นไปจุดสูงสุดในรอบเดือนที่ 483 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ข้อมูลจาก Cointelegraph

ส่วนมูลค่าตลาดรวมของเหรียญ cryptocurrency ทั้งหมดนั้นอยู่ที่ 296.86 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่แตะ 304 แสนล้านดอลลาร์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกันเหรียญ TRON (TRX) นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเหรียญที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2.44 เปอร์เซนต์ในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ โดยเหรียญดังกล่าวได้มีโวลลุ่มที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก จนส่งผลทำให้เข้าไปอยู่ในเหรียญ Top 10 ได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เอาชนะ USDT ได้ โดยมูลค่าตลาดรวมของเหรียญ USDT นั้น ได้ร่วงลงจาก 2.7 พันล้านดอลลาร์มาเป็น 2.5 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ นั้นได้ออกมาประกาศไม่อนุมัติคำขอกองทุน Bitcoin ETF ของสองพี่น้อง Winklevoss

The post มูลค่าตลาดรวมคริปโตลดลงเล็กน้อย Bitcoin ยังคงยืนพื้นอยู่ได้ appeared first on Siam Blockchain.

ตำรวจจับกุม “แกงค์หลอกเทรด Bitcoin” ผิดกฎหมาย ก่อความเสียหายแล้วนับร้อยล้านบาท

รายงานจากเว็บข่าวผู้จัดการเผยว่าทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ได้เข้าจับกุมแก๊งหลอกลงทุนเทรดบิตคอยน์ ทางเว็บไซต์ผิดกฎหมายที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนพาณิชยกิจ โดยมีผู้ที่อยู่ในแก๊ง 8 ราย และเหยื่อผู้เสียหายกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท

โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคือนายภาษุ บางนงค์ และ น.ส.วรรณทนีย์ เนียมสุวรรณ รวมถึงผู้ที่ร่วมมือกันอีก 8 ราย การจับกุมดังกล่าวนั้นมีขึ้นภายในวันที่ 29 กรกฎาคมโดยพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม

ทางผู้ต้องหาใช้ชื่อบริษัทปลอมนามว่า world bittrade โดยหลอกว่ามีการจดทะเบียนบริษัทอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ, เป็นผู้ให้บริการด้านการซื้อขาย และเทรดเหรียญคริปโตอย่างเช่น Bitcoin และ Ethereum

ผู้เสียหายนั้นจะถูกหว่านล้อมให้เข้าไปร่วมลงทุนโดยจะถูกหลอกว่าจะได้รับผลกำไรที่สูง เนื่องจากบริษัทไร้ความเสี่ยง อีกทั้งยังมีการการันตีรายได้ร้อยละหนึ่งของเงินลงทุนต่อวัน สูงสุด 300 วันอีกด้วย นอกจากนี้ยังอ้างว่าผู้ลงทุนจะได้รับรายได้สูงถึง 300% และหากมีการไปหา “ดาวน์ไลน์” มาลงทุนเพิ่มก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มอีกร้อยละ 10 ทว่าภายหลังพอผู้ลงทุนต้องการจะถอนเงิน แต่ไม่สามารถถอนได้ ก่อนที่ทาง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมกล่าวว่า

“เว็บไซต์ดังกล่าวนั้น ไม่ได้มีการจดทะเบียนพาณิชยกิจในประเทศไทย และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อ กว่า 50 รายทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท”

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ผู้นำขบวนการสองคนที่ถูกจับกุมนั้นกำลังถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำจังหวัดชลบุรีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และจะมีการดำเนินการยึดทรัพย์เพื่อมาคืนให้กับเหยื่อผู้เสียหายในภายหลัง

ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนเคยรายงานไปแล้วเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่ามีชาวชลบุรีถูกหลอกให้ลงทุนซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยมีมูลค่าเสียหายรวมกันกว่าร้อยล้านบาท

The post ตำรวจจับกุม “แกงค์หลอกเทรด Bitcoin” ผิดกฎหมาย ก่อความเสียหายแล้วนับร้อยล้านบาท appeared first on Siam Blockchain.

Sunday, July 29, 2018

รายงาน: OneCoin จะไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์วันที่ 8 ตุลาคมนี้ โดยเลื่อนไปปีหน้า

รายงานจาก BehindMLM เผยว่างานประชุมอีเว้นท์ของ OneCoin ที่อาร์เจนตินาได้มีนาย Konstanin Ignatov ออกมาเผยว่า OneCoin นั้นจะไม่ถูกลิสบนตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้

โดยภายหลังจากการร่วงลงของ ROI ของ OneCoin ในช่วงต้นปี 2017 นั้น นักลงทุนรายใหญ่เริ่มที่จะถอนเงินออกจากตลาดเหรียญดังกล่าว

โดยรายงานไม่ได้เผยถึงรายละเอียดของสาเหตุที่จะต้องมีการเลื่อนการลิสขึ้นตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด แต่ได้กล่าวว่าจะถูกเลื่อนออกไปปีหน้าโดยไม่มีการกำหนดวันที่แน่ชัด

“OneCoin นั้นจะไม่ถูกลิสลงตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ ทางบริษัทได้ทำการเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดในปี 2019”

ก่อนหน้านี้ข่าวลือจากนักลงทุน OneCoin ว่าบริษัทดังกล่าวจะถูกลิสลงบนตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี 2018 นี้ ซึ่งก็ยังคงต้องดูกันอีกต่อไปว่าจะมีการเลื่อนอีกครั้งหรือไม่ในปีหน้า

นอกจากนี้เคยมีรายงานว่านักลงทุนในหลาย ๆ ประเทศอย่างจีน, บัลแกเรีย, ฟินแลนด์ และอินเดียถูกทางการตำรวจจับกุม เนื่องจากข้อหาทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่

The post รายงาน: OneCoin จะไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์วันที่ 8 ตุลาคมนี้ โดยเลื่อนไปปีหน้า appeared first on Siam Blockchain.

วิเคราะห์ราคา Bitcoin ประจำสัปดาห์: วันที่ 29 กรกฎาคม 2561

Time Frame 1D

ในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาได้เบรคขึ้นมาเหนือกรอบ Descending Channel และขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านที่ประมาณ 7,700 – 7,800 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเบรคขึ้นไปปิดเหนือโซนแนวต้านนี้และอยู่เหนือเส้น EMA200 หลังจากการเบรคลงมาต่ำกว่าเส้น EMA200 ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ราคายังขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านที่ประมาณ 8,440 – 8,800 ดอลลาร์ แต่ยังไม่สามารถเบรคขึ้นไปได้แล้วถูก reject ลงมาในช่วงกลางสัปดาห์ โดยลงมาทดสอบเส้น EMA200 อีกครั้งซึ่งราคายังสามารถประคองตัวอยู่เหนือเส้น EMA200 ไว้ได้ โดยการปรับตัวขึ้นมาหลังจากลงไปทดสอบเส้น EMA200 ทำให้เกิดรูปแบบ Bullish Engulfing ซึ่งให้สัญญาณกลับตัวไปในทิศทาง Bullish

ล่าสุดแท่ง 1 วัน ของเมื่อวานยังคงปิดบวกอยู่ที่ประมาณ 8,235 ดอลลาร์ (อิงจาก Bitfinex) ซึ่งยังบ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับขึ้นไปอีกครั้งจากสัญญาณที่เกิดขึ้น
หากลองสังเกตุจากการปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดที่ประมาณ 5,755 ดอลลาร์ ราคาก็ได้ทำ Higher High และ Higher low มาตลอด ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มการกลับตัวขึ้นไปในทิษทาง Bullish

Time Frame 4H

หลังจาก sideway อยู่ในช่วง 7,200 – 7,600 ดอลลาร์ ราคาก็ได้เบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านที่ 7,700 – 7,800 ดอลลาร์ และไปทดสอบโซนแนวต้านที่ 8,440 – 8,800 แต่ยังไม่สามารถเบรคขึ้นไปได้ หลังจากนั้น จาการเคลื่อนไหวขอราคาทำให้เกิดกรอบสามเหลี่ยมแบบ symmetric triangle ซึ่งบ่งบอกถึงการพักตัวของราคาก่อนจะเลือกเบรคไปในทิศทางใดทิศงทางหนึ่ง

ล่าสุดราคามีการเบรคขึ้นไปนอกกรอบสามเหลี่ยมดล็กน้อยก่อนจะกลับลงมาทดสอบกรอบสามเหลี่ยมอีกครั้ง
นอกจากนี้เส้น EMA55 ได้เคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่เหนือโซนแนวต้านที่ระดับ 7,800 – 7,700 ดอลลาร์ โดยทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ประมาณ 7,880 ดอลลาร์

Reversal Pattern Time Frame 4H

จากการเคลื่อนตัวของราคาในกรอบสามเหลี่ยม มีโอกาสที่จะเกิดรูปแบบ Inverse Head & Shoulder ซึ่งตอนนี้ยังขาดไหล่ขวาอยู่ หากราคาย่อตัวลงมาอีกครั้ง แต่ไม่เบรคลงไปต่ำกว่ากรอบสามเหลี่ยม ก็มีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปทำไหล่ขวาได้ ซึ่งรูปแบบนี้หากสมบูรณ์ก็จะถือเป็นสัญญาณกลับตัวขึ้นไปในทิศทาง Bullish อีกหนึ่งสัญญาณ

Time Frame 1W

สัปดาห์นี้ราคายังคงปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยจากต้นสัปดาห์จนถึงตอนนี้ราคาปรับตัวขึ้นมาประมาณ 769 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังเบรคขึ้นมาเหนือโซนแนวต้าน และมีโอกาสปิดแท่งคอนเฟิร์มการยืนเหนือเส้น EMA55 ซึ่งบ่งบอกถึงสัญญาณที่ดีในทิศทาง Bullish และยังมีโอกาสที่จะขึ้นไปต่อในสัปดาห์หน้า โดยจุดสูงสุดก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 9,990 ดอลลาร์

Indicator Signal Time Frame 4H

เกิดสัญญาณ Hidden Bullish Divergence ใน TF 4H ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มของราคามีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านที่ 8,440 – 8,800 ดอลลาร์ อีกครั้งในระยะสั้นนี้

Indicator Signal Time Frame 1W

เกิดสัญญาณ Bullish Divergence ใน TF 1W บ่งบอกว่าในระยะยาวราคามีโอกาสที่จะกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ประมาณ 9,990 ดอลลาร์

ความเดิมสัปดาห์ที่แล้ว

จากการคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อิงจากมุมมองขาขึ้น ราคายังคงอยู่ใน Sideway zone โดยมีแนวต้านและแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 7,500 ดอลลาร์ และ 7,200 ดอลลาร์ ซึ่งราคาจะต้องเบรคขึ้นไปเพื่อจะได้ขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านหลักที่ประมาณ 7,700 – 7,800 นอกจากนี้ยังมีแนวต้านของ descending channel และเส้น EMA200 ทำหน้าที่เป็นแนวต้านร่วม ซึ่งหากราคาสามารถเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านหลักนี้ได้ก็มีโอกาสที่จะไปทดสอบโซนแนวต้านหลักอีกแนวอยู่ที่ประมาณ 8,400 – 8,800 ดอลลาร์

และในสัปดาห์นี้ราคาได้เบรคขึ้นมาเหนือโซนแนวต้านที่ 7,700 – 7,800 ดอลลาร์ และขึ้นมาปิดเหนือเส้น EMA200 ใน TF 1D และเบรคขึ้นมาเหนือ Descending Channel นอกจากนี้ยังขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านที่ 8,400 – 8,800 ดอลลาร์ แต่ยังไม่สามารถเบรคขึ้นไปเหนือโซนแนวต้านนี้ได้

ภาพรวมในระยะสั้นนี้

ในมุมมองขาขึ้น :

จากสัญญาณ Hidden Bullish Divergence ใน TF 4H และการทำ Higher low ใน TF 1D บ่งบอกได้ว่า ในระยะสั้นราคายังมีโอกาสขึ้นไปทดสอบโซนแนวต้านที่ 8,440 – 8,800 ดอลลาร์ อีกครั้ง นอกจากนนี้ยังมีโอกาสลุ้น Bullish reversal pattern ใน TF 4H ที่มีโอกาสเกิดรูปแบบ Inverse Head & Shoulder อีกด้วย

ในระยะยาวยังมีโอกาสที่ราคาจะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดก่อนหน้าที่ทำไว้ที่ประมาณ 9,990 ดอลลาร์ จากการเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ใน TF 1W นอกจากนี้ แท่ง 1W ล่าสุดยังมีโอกาสปิดคอนเฟิร์มการขึ้นมายืนเหนือเส้น EMA55 อีกครั้ง

ในมุมมองขาลง :

หากราคามีการปรับตัวลงมา จะมีแนวรับคอยพยุงราคาอยู่ที่ 7,800 – 7,700 นอกจากนี้ยังมีเส้น EMA200 ใน TF 1D ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วมอยู่ที่ประมาณ 7,880 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ราคาเพิ่งทำ Higher low ไว้ ถ้าราคาสามารถเบรคลงไปต่ำกว่าจุดนี้ จะมีโซนแนวรับอีกแนวอยู่ที่ประมาณ 7,300 – 7,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีเส้น EMA55 และเส้น EMA100 ทำหน้าที่เป็นแนวรับร่วม

หมายเหตุ : การลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ทางสยามบล็อคเชน จะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียใดๆในทุกกรณี

The post วิเคราะห์ราคา Bitcoin ประจำสัปดาห์: วันที่ 29 กรกฎาคม 2561 appeared first on Siam Blockchain.

นักพัฒนา Ethereum กำลังทดสอบโค้ดสำหรับการ Hard Fork ครั้งต่อไป

นักพัฒนาเหรียญอันดับสองของโลก Ethereum กำลังติดตั้งโค้ดสำหรับตัวอัพเดต Constantinople สำหรับการอัพเกรดเครือข่ายครั้งต่อไปที่จะถึงนี้

โดยตัวอัพเดตที่ว่านี้คาดการไว้ว่าจะทำให้เครือข่ายของเหรียญ Ethereum มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดค่าธรรมเนียมในการโอนหากันลง โดย Constantinople นี้จะถูกเปิดใช้งานในช่วงก่อนงานประชุม Devcon4 ภายในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ อ้างอิงจากการประชุมนักพัฒนาหลักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

กระนั้น กำหนดการเวลาบล็อคที่จะทำการอัพเดตนั้นยังไม่ได้ถูกกำหนดอย่างแน่ชัด

ทว่า roadmap สำหรับการอัพเกรดนั้นได้มีการกล่าวถึงการติดตั้งโค้ดดังกล่าวว่าจะกินเวลาไปจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม และภายหลังจากนั้นจะเป็นการทดสอบไปอีกสองเดือน และรวมถึงการเปิดตัว test network สำหรับ Constantinople อีกด้วย

ตัวอัพเดตดังกล่าวนี้จะถือเป็นภาคต่อของตัวอัพเดตตัวแรกที่มีชื่อว่า Byzantium ที่เคยถูกเปิดใช้งานไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคมปี 2017

โดยอ้างอิงจากเนื้อหาหลัก ๆ ในการประชุมนั้น ตัวอัพเกรด Ethereum ทั้งหมด 4 ตัวจะถูกติดตั้งโดยนักพัฒนานามว่า Péter Szilágyi หัวหน้าฝ่ายนักพัฒนาของ Geth หรือตัวแอพ client ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของ Ethereum โดยเขากล่าวว่าได้ทำการติดตั้งไปเกือบเสร็จแล้ว

“ส่วนของ EIP นั้นเกือบเสร็จแล้ว” กล่าวโดยนาย Szilágyi ในที่ประชุม

ตัวอัพเดตที่ถูกพัฒนามาจนถึงขั้นตอนติดตั้งนั้นประกอบด้วย EIP210 ที่จะมีการจัดการวิธีการเก็บบล็อกบน Ethereum ใหม่ และ EIP145 ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วด้านการคำนวณคณิตศาสตร์ รวมถึงตัวอัพเดตอื่น ๆ อย่าง EIP1014 สำหรับการเพิ่ม state channel สำหรับ ethereum และ EIP1052 โค้ดตัวใหม่ที่จะช่วยบีบอัดการทำงานของสัญญา

ที่มา Coindesk

The post นักพัฒนา Ethereum กำลังทดสอบโค้ดสำหรับการ Hard Fork ครั้งต่อไป appeared first on Siam Blockchain.

Saturday, July 28, 2018

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเปิดตัวแพลตฟอร์มให้บริการจดทะเบียนพันธบัตรโดยใช้ Blockchain

อ้างอิงจากสำนักข่าว Bangkok Post รายงานในวันที่ 28 กรกฎาคมว่า สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (TBMA) จะมีการนำเอาโซลูชัน Blockchain ไปใช้ในแพลตฟอร์มให้บริการจดทะเบียนของบริษัท

คุณธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (TBMA) กล่าวว่าแพลตฟอร์มการบริการจดทะเบียนแบบใหม่มีกำหนดการจะเปิดตัวในปีนี้ซึ่งตั้งใจที่จะให้ออกตราสารหนี้ได้เร็วขึ้นและคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของตลาดรอง

ในขณะที่สภาพคล่องของตลาดเติบโตขึ้น การออกใบรับรองพันธบัตรยังคงเป็นไปอย่างล่าช้าซึ่งอาจทำให้เกิดขีดจำกัดต่อการเติบโตของพันธบัตรในตลาดรอง คุณธาดากล่าวว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยลดระยะเวลาในการออกหุ้นกู้จากปัจจุบัน 7-15 เหลือเพียง 3-4 วัน

“เรากำลังพยายามจะช่วยให้ตลาดเติบโตได้โดยไร้ความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดข้อจำกัดได้”

ประธานของ TBMA เปิดเผยว่าแพลตฟอร์มการจดทะเบียนแบบใหม่จะถูกนำมาใช้กับ Regulatory Sandbox ในปลายปี 2018 ซึ่งนั่นหมายความว่า TBMA จะเป็นบริการ Fintech แห่งแรกที่ใช้ Regulatory Sandbox กับหน่วยงานของรัฐทั้งสองแห่งซึ่งก็คือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทย

แพลตฟอร์มดังกล่าวจะสร้างขึ้นบน Smart Contract โดยจะใช้ Private Blockchain ซึ่งจะมีฐานข้อมูลการชำระบัญชีแบบดิจิทัล, ระบบสมัครสมาชิกพันธบัตร และการยืนยันธุรกรรมของตราสารหนี้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ออกตราสาร, ผู้กำกับดูแลบริษัท และนักลงทุนสามารถเข้าถึงอัตราดอกเบี้ย การชำระเงินและข้อมูลอื่นๆของพันธบัตรได้อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าทาง TBMA จะพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไปอีกซึ่งเรียกว่า ‘Bond Coin‘ เป็นระบบการหักบัญชีและการชำระบัญชีที่จะพัฒนาขึ้นภายในปีหน้า

รองประธานฝ่ายบริหารของ TBMA เปิดเผยว่าทาง TBMA กำลังสำรวจแนวคิดในการเปิดตัว Utility Settlement Coin ของตัวเองเพื่อสนับสนุนระบบพันธบัตรแบบดิจิทัล

ทั้งนี้มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยของหุ้นกู้ในตลาดตราสารหนี้รองในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยมีมูลค่าถึง 5.09 พันล้านบาทในปี 2017 ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.33 พันล้านจากปี 2016 และเพิ่มขึ้น 800 ล้านบาทจากปี 2011

The post สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยเปิดตัวแพลตฟอร์มให้บริการจดทะเบียนพันธบัตรโดยใช้ Blockchain appeared first on Siam Blockchain.

ผู้สร้างไวรัสเรียกค่าไถ่ Bitcoin รอดพ้นจากคุก หลังจากปล้นเงินไปได้กว่าสามแสนบาท

สองพี่น้องที่ถูกจับกุมได้ หลังจากที่พวกเขาสร้าง Ransomware (ไวรัสเรียกค่าไถ่ที่จะล็อคเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อจนกว่าจะยอมจ่ายค่าไถ่เป็น Bitcoin) ที่ทำการโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายเป็นจำนวนกว่า 1,000 เครื่อง ทว่าภายหลังพวกเขารอดพ้นจากคุก และถูกสั่งให้ไปทำงานรับใช้สังคมแทน

โดยอ้างอิงจาก CNN ที่เคยรายงานไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2015 ในขณะนั้นมี ransomware สองตัวนาม CoinVault และ Bitcryptor ที่ถูกค้นพบและจัดการลบออกโดยความร่วมมือของตำรวจเนเธอร์แลนด์และบริษัทด้านรักษาความปลอดทางไซเบอร์สัญชาติรัสเซีย Kaspersky

CoinVault ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์และเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin

ทางตำรวจเผยว่าไวรัสของแฮคเกอร์สองพี่น้องนี้ได้โจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์กว่า 1,259 เครื่องในช่วงระหว่างปี 2014 ไปจนถึงช่วงที่พวกเขาถูกจับกุม โดยไวรัสดังกล่าวจะทำการล็อคไฟล์ของเหยื่อในคอมพิวเตอร์ไว้ทำให้ไม่สามารถใช้งานและเข้าถึงได้ โดยเหยื่อที่ไม่ทราบนั้นจะถูกหลอกให้ดาวน์โหลดตัวติดตั้งของไวรัสดังกล่าวมาลงเครื่อง และเมื่อเหยื่อทำการเปิดไฟล์ไวรัสนั้น มันจะถูกติดตั้งลงบนเครื่องทันที, ก็อปไฟล์ทั้งหมดไปไว้ที่เซิฟเวอร์ และลบไฟล์ทั้งหมดออกจากแฟ้มที่อยู่เดิม

ภายหลังจากนั้นไวรัส CoinVault ก็จะเปิดหน้าต่างหนึ่งขึ้นมา และทำการ blackmail ผู้ใช้งานให้โอน Bitcoin มาเป็นจำนวนหนึ่ง เพื่อรับรหัสปลดล็อคไฟล์ โดยเหยื่อจะสามารถเช็คดูลิสต์ของไฟล์ที่ถูกล็อคไว้ได้ และไวรัสจะทำการปลดล็อคไฟล์ให้ 1 ไฟล์เพื่อให้เหยื่อเชื่อว่าจะคืนไฟล์ให้จริง ๆ

พ้นคุก

ในตอนแรกสองพี่น้องวัย 21 ปีและ 25 ปีจากเมือง Hoogland, Utrecht ได้ถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 1 ปี และทำงานช่วยสังคมเป็นเวลา 240 ชั่วโมงเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าโทษครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพวกเขา ทางศาลได้ตัดสินให้พวกเขาไม่ต้องจำคุก และให้ทำงานช่วยเหลือสังคมอย่างเดียวแทน

รายงานเผยว่าสองพี่น้องแฮคเกอร์ให้ความร่วมมือในการสืบสวนสอบสวน จนทำให้พวกเขาได้รับโทษที่เบาลง โดยทางการสามารถค้นพบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสดังกล่าวได้ 1,259 เครื่อง และได้ key ปลดล็อคกว่า 14,000 ตัว

ชดใช้ค่าเสียหาย

สองพี่น้องแฮคเกอร์สามารถปล้นเงินมาได้เป็นจำนวนกว่า 11,000 ดอลลาร์ (ประมาณสามแสนหกหมื่นบาท) จากเหยื่อ 100 ราย โดยทางศาลได้สั่งให้พวกเขาจ่ายเงินคืนเหยื่อทั้งหมด โดยอ้างอิงจากรายงานดังกล่าวนั้น เหยื่อส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์

โดยในช่วงที่พวกเขาถูกจับกุมนั้น ทาง Kaspersky สามารถแกะรหัสของ CoinVault และ Bitcryptor ได้สำเร็จ โดยนอกเหนือจาก key ปลดล็อคจำนวน 14,000 ตัวนั้น พวกเขายังได้เปิดให้ดาวน์โหลดเครื่องมือแกะรหัสแบบฟรี ๆ กับเหยื่ออีกด้วย

The post ผู้สร้างไวรัสเรียกค่าไถ่ Bitcoin รอดพ้นจากคุก หลังจากปล้นเงินไปได้กว่าสามแสนบาท appeared first on Siam Blockchain.

Friday, July 27, 2018

เวเนซุเอลาเตรียมเปิดตัวสกุลเงินใหม่ที่ผูกมูลค่ากับเหรียญคริปโตเดือนหน้า

เวเนซุเอลา ประเทศที่กำลังต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงเตรียมเปิดตัวสกุลเงิน fiat (เงินธรรมดาทั่วไป) ตัวใหม่ภายในเดือนหน้านี้ โดยจะมีเหรียญคริปโตที่มีน้ำมันมาแบคไว้นามว่า “petro” มาผูกอยู่ด้วย อ้างอิงจากประธานาธิบดี Nicolas Maduro

เวเนซุเอลาสร้างสกุลเงินใหม่ที่ผูกกับ Cryptocurrency ที่ถูกแบคไว้ด้วยน้ำมัน

โดยอ้างอิงจากเว็บ Telesur นั้น นาย Maduro กล่าวว่าสกุลเงิน fiat ตัวใหม่นี้จะถูกเรียกว่า Bolivar Soberano (Sovereign Bolivar) โดยคาดว่าน่าจะนำมาช่วยลดปัญหาเงินเฟ้อได้ นาย Maduro กล่าวว่า

“การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจครั้งใหญ่นี้จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ด้วยการออก Sovereign Boliva ตัวใหม่ออกมา, ซึ่งจะเป็นแก่นสำคัญของการเงินที่จะเป็นการผูกติดเข้ากับเหรียญ Petro”

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้คือความพยายามของรัฐบาลเวเนซุเอลาในการแก้ไขปัญหาเรทเงินเฟ้อ ก่อนที่ตัวเลขจะแตะ 1,000,000% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่คาดการณ์กันว่าอาจจะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยเป็นที่ทราบกันว่าเศรษฐกิจของเวเนซุเอลานั้นประสบปัญหาอย่างมากตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างมาก โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อรายปีนั้นแตะ 46,000% ไปแล้ว

โดยอ้างอิงจาก IMF นั้น อัตราเงินเฟ้อของเวเนซุเอลาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจส่งผลทำให้พวกเขาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่เทียบเท่ากับของซิมบับเวในช่วงปี 2000 และของเยอรมันในช่วงปี 1920 โดยนาย Maduro ได้เน้นย้ำว่าสกุลเงินตัวใหม่ Bolivar Soberano นี้จะถูกวางแผนมาเพื่อ “เปลี่ยนแปลงการเงินและทำให้มันคงที่ และรวมถึงชีวิตด้านการเงินในประเทศ ในลักษณะที่สุดโต่ง”

The post เวเนซุเอลาเตรียมเปิดตัวสกุลเงินใหม่ที่ผูกมูลค่ากับเหรียญคริปโตเดือนหน้า appeared first on Siam Blockchain.

ข้อมูลเผยเว็บเทรด Cryptocurrency แบบ Decentralized อาจไม่ได้สวยหรูแบบที่หลายคนคาดไว้

บางคนเคยกล่าวไว้ว่าระบบ “เว็บเทรดแบบ decentralized” จะมาเป็นอนาคตของโลกใบนี้ ในขณะที่บางคนไม่เชื่อ และมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

บางทีมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดที่จะมีความฝันที่สูง เมื่อช่วงปีที่แล้ว มีเว็บผู้ให้บริการซื้อขาย cryptocurrency หลายเจ้าที่ได้ทำการตลาด ตั้งตัวเองว่าเป็น dencentralized exchange ซึ่งแม้ว่าระบบของแต่ละคนจะแตกต่างกัน แต่คำจำกัดความของมันก็ไม่ได้หลุดออกไปจากความหมายที่ว่า “การให้ผู้คนเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนแบบ P2P” มากเท่าใดนัก แต่ความแตกต่างคือ “การมีแพลทฟอร์มแลกเปลี่ยนที่ไม่ขึ้นกับใคร และไม่มีใครเป็นเจ้าของ”

ในปัจจุบัน เว็บผู้ให้บริการเทรดเหรียญคริปโตที่เราคุ้นเคยกันอยู่ดีนั้นไม่ได้เป็นแบบ decentralzied กล่าวคือมีบริษัทหรือบุคคลมาเป็นผู้ถือครองเป็นเจ้าของและให้บริการ (อาทิเช่น Bx, Bitkub, Coinbase) ซึ่งความแตกต่างก็คือเว็บเทรดแบบ decentralized นั้นจะไม่บังคับให้ลูกค้านักลงทุนทำการโอนเหรียญของตัวเองขึ้นมาเก็บไว้บนแพลทฟอร์ม แม้ว่าในปัจจุบันนั้นเราจะยังไม่ได้เห็นเว็บเทรดแบบ decentralized ขึ้นมาแบบเป็นรูปเป็นร่าง แต่คำว่า “DEX” (decentralzied EXchange) นั้นก็ยังคงเป็นคำยอดนิยมในกลุ่มนักเทรดคริปโตในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข้อมูลมาบ่งชี้ให้เห็นถึงสาเหตุที่เว็บเทรดในรูปแบบดังกล่าวนั้นอาจไม่ “เจ๋ง” เหมือนที่หลาย ๆ คนวาดฝันไว้

อ้างอิงจากข้อมูลผลสำรวจที่ทางบริษัทนักวิเคราะห์ Ethereum นาม Alethio ได้เก็บไว้ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคมจนถึง 12 กรกฎาคมที่ผ่านมาเผยว่าโมเดลหลัก ๆ ของ decentralized exchange นั้นคือการหยิบยื้นเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ แต่ทว่ามันยังคงมีความเป็น centralization (จุดศูนย์รวม) อยู่ในระดับหนึ่ง

บางคนพยายามที่จะ dencentralize บริษัทผู้ให้บริการเว็บเทรดแบบเก่า ยกตัวอย่างเช่น Huobi Chain Project ที่เคยประกาศตัวไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในขณะที่บางคนพยายามที่จะสร้างกลุ่ม community สำหรับผู้ถือหุ้นบนโมเดลแบบ P2P อย่างเช่น 0x เป็นต้น

“เว็บเทรดแบบ decentralised กำลังจะมากำจัดระบบตัวกลางในวงการเว็บเทรด crypto” กล่าวโดยนักลงทุน Wall Street นาง Jill Carlson

ทว่าเส้นทางนั้นดูเหมือนว่าจะยังต้องใช้เวลาอีกยาวไกล

ยกตัวอย่างเช่นเว็บ Bancor ยกตัวเองขึ้นมาเป็น market maker บนแพลทฟอร์ม decentralized เสียเอง ซึ่งข้อมูลจาก Alethio เผยให้เห็นว่าพวกเขาได้ช่วย swap เหรียญ token ไปแล้วทั้งหมด 9,691 ครั้งให้กับนักเทรด 1,147 รายในช่วงเวลาสองสัปดาห์

การขาดมาซึ่งความหลากหลายที่ว่านี้ชี่ให้เห็นถึงปัญหาของ “สภาพคล่องของเครือข่าย decentralized” โดยเฉพาะ Bancor ที่ถูกแฮคไปเป็นมูลค่ากว่า 13.5 ล้านดอลลาร์ จนส่งผลทำให้ต้อง freeze เงินของผู้ใช้งานด้วยระบบโค้ดภายใน จนภายหลังทำให้มีผู้ใช้งานจำนวนมากออกมาแสดงความไม่พอใจว่าถ้าหากเว็บสามารถ freeze เงินของผู้ใช้งานได้ แปลว่านั่นไม่ใช่เว็บเทรดแบบ decentralized อยู่แล้วตั้งแต่ถูกออกมาแบบมาตอนแรก

“คุณไม่ใช่เว็บเทรดแบบ decentralized ถ้าคุณสามารถเอาเหรียญของลูกค้าของคุณไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจชอบ” กล่าวโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Udi Wertheimer

แล้วจะ Decentralized ได้อย่างไรล่ะ

อีกหนึ่งปัญหาเมื่อพูดคุยเกี่ยวกับความเป็น decentralization นั้นก็คือ มันมีคำจำกัดความที่ไม่ตายตัวค่อนข้างเยอะ เว็บเทรดหนึ่งเว็บอาจจะมีความเป็น centralization ที่สูงมากในมุมหนึ่ง แต่อาจจะมีความเป็น decentralization ที่ไม่สูงมากอีกมุมหนึ่ง

ยกตัวอย่างเช่น 0x ในช่วงที่ Alethio ทำแบบสำรวจนั้น ตัวโพรโตคอลดังกล่าวนั้นต้องขึ้นอยู่กับ relayer (ตัวช่วยในการส่งผ่านคำสั่ง) ในการซื้อขาย token, มี market maker จำนวน 914 เจ้าในการช่วยประมวลผลการซื้อขายเป็นจำนวน 9,017 ธุรกรรมโดยนักเทรดจำนวน 243 ราย ซึ่งบ่งบอกถึงจำนวนตัวเลขที่ไม่สัมพันธ์กันอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนักเทรดเหล่านั้นมักจะหลั่งไหลมาจากช่องทางที่เล็กมาก ๆ อย่าง “บริษัทสตาร์ทอัพด้าน relayer” (17 แห่ง) ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีโมเดลในการทำธุรกิจที่แตกต่างกันไป, และส่วนใหญ่พวกเขามักจะใช้ซอฟต์แวร์ในการจัดการของตัวเอง ที่นำมาพัฒนาอยู่บน 0x แทนที่จะใช้ open-source code แบบที่มีความโปร่งใส และใคร ๆ ก็สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ และแม้้ว่า 0x จะไม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบในด้านกฎหมาย แต่ relayer เหล่านั้นจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเต็ม ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะเรียก DEX ประเภทนี้ว่าไร้เจ้าของและผู้ดูแลแบบ 100%

หนึ่งใน relayer เหล่านั้นคือ Padadex ที่ก่อนหน้านี้ถูกซื้อไปโดย Coinbase หรือบริษัทที่หลาย ๆ คนต่างก็เรียกกันว่าเป็นเว็บเทรดที่มีความเป็น centralized มากที่สุดแห่งหนึ่ง

หากจะกล่าวแล้ว ecosystem ของ 0x นั้นอาจจะมีความเป็น decentralized มากกว่าเว็บเทรดอื่น ๆ เสียอีก

“มันแตกต่างจากเว็บเทรดแบบ centralize เนื่องจากว่า relayer เหล่านี้ไม่ได้ถือเงินของลูกค้าไว้เลย พวกเขา คือพวกเขาไม่ได้เข้าไปแตะมันเลย” กล่าวโดยนาย Amir Bandeali หรือ CTO ของ 0x “เราได้เห็น relayer เป็นจำนวนมากเริ่มที่จะสร้างเครื่องมือสำหรับ market maker แบบ open-source แล้ว”

สำหรับนาง Carlson ผู้ที่เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ 0x นั้น คำว่า “decentralized” ควรที่จะหมายถึงเว็บเทรดที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรเลย โดยเธอเชื่อว่าการแฮคเว็บ Bancor นั้น ความรับผิดชอบทั้งหมดต้องไปตกอยู่ที่ผู้รับผิดชอบเก็บเงินของลูกค้าอย่างเช่นเว็บเทรดประเภท centralized

“เมื่อเรากล่าวถึงเว็บเทรดประเภท decentralized ภัยคุกคามที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้คนในวันนี้ก็คือพวกผู้ที่รับผิดชอบเงินของลูกค้า”

เมื่อนานมาแล้ว

หากลองหันมามองดูอีกทีจะเห็นว่าเราไม่ควรลืมว่าตลาด DEX นั้นยังคงใหม่อยู่ ดังนั้นโวลลุ่มการซื้อขายในตลาดดังกล่าวยังคงต่ำนั่นเอง

อันที่จริงแล้ว แพลทฟอร์มตลาด DEX ที่ถูกวิเคราะห์โดย Alethio นั้น ผลวิเคราะห์เผยว่าเว็บ IDEX ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเป็นเว็บที่ถูกพัฒนาโดยบริษัทฟินเทคนามว่า Aurora ที่ช่วย swap เหรียญไปแล้วกว่า 69,339 ธุรกรรมภายใน 12,400 นักเทรดในช่วงภายใน 2 สัปดาห์

หากนำมาเทียบกับเว็บเทรดประเภท centralized อย่าง Bitfinex ที่ช่วยประมวลผลไปแล้วกว่า 92,024 ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 วันจากวันที่ 9-10 เดือนกรกฎาคมนั้น โวลลุ่มของ IDEX นั้นยังถือว่าเป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นาย Marshall Swatt ผู้ก่อตั้งเว็บเทรดนาม Swatt Exchange ได้เถียงว่าเว็บเทรดแบบ decentralised นั้นเป็นเพียงแค่ “เว็บเทรดแบบ OTC แบบมีกิมมิคก็แค่นั้น” และการซื้อขายจะไม่สามารถถูก scale ให้ใหญ่ขึ้นได้ โดยเข้ากล่าวว่า

“ผมคิดว่าการที่มันไม่สามารถแลกเลี่ยนกับเงิน fiat ได้, ไม่สามารถถูกควบคุมดูแลได้ และไม่มีกฎหมายมารองรับ จะทำให้ลดอัตราการแลกเปลี่ยนอำนาจของเว็บเทรดแบบ decentralized ลง”

นาย Swatt ผู้ที่เคยร่วมก่อตั้งเว็บเทรด Bitcoin นาม Coinsetter ได้ขายกิจการของเขาให้กับ Kraken เมื่อปี 2016 และได้ออกมาเปิดใจในภายหลังว่าการเปิดเว็บเทรดคริปโตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องมาปวดหัวเรื่องการจัดการด้านกฎหมาย, ความปลอดภัย และการดูแลลูกค้า, ทีมธุรกิจที่ต้องจ้างมาทำงานแม้ว่าจะไม่มีความรู้ด้าน Bitcoin เลยก็ตาม

“คุณจะไม่มีวันได้สภาพคล่องในระดับนั้น เนื่องจากว่ามันจะไม่มีวันดึงดูดนักเทรดสายบอทมาแน่” เขากล่าว

ก็จริงอยู่ที่เว็บเทรดแบบ DEX นั้นอนุญาตให้ผู้ใช้งานเพียงแค่ swap เหรียญ cryptocurrency ระหว่างกันเท่านั้น ซึ่งจะไม่สามารถดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่อย่างนักลงทุนสถาบัน หรือบุคคลธรรมดาทั่วไปมาได้แน่

นาง Carlson เชื่อว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึง order book ของเว็บเทรดเหรียญแบบ decentralized, market maker, หรือแม้แต่รูปแบบการทำ KYC ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเว็บเทรดคริปโตส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์ของเธอนั้น เธอไม่เห็นด้วยกับการที่จะบอกว่าเว็บเทรดแบบ DEX เป็นเพียงแค่อีกเวอร์ชันที่ดีกว่าของเว็บเทรดแบบ OTC เท่านั้น

“ความแตกต่างของมันอยู่ตรงนี้ อย่างน้อยวันนี้ มันอยู่ที่ระดับรากฐาน, ไม่ใช่ระดับการจัดทำ” กล่าวโดยนาง Carlson ในการอธิบายว่าเว็บเทรดแบบ DEX สามารถทำให้การแลกเปลี่ยนแบบ P2P โดยไร้การตรวจสอบหรือควบคุม “สิ่งที่คุณจะได้ก็คือการจัดการเอาตัวกลางออกไป”

กระแส DEX

แน่นอนว่าหนึ่งในข้อเสียของเว็บเทรดประเภท decentralzied ในปัจจุบันทำให้ทั้งวงการนั้นต้องสั่นสะเทือน

นาง Linda Xie ผู้ร่วมก่อตั้ง Scalar Capital ได้กล่าวในงานประกาศการซื้อกิจการของ Paradex ว่าความต้องการของเว็บแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตแบบ P2P ที่ไม่ต้องมีตัวกลางนั้นกำลังเริ่มเป็นที่ต้องการสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งกระแสดังกล่าวนั้นอาจส่งผลทำให้ผู้ครองตลาดเว็บเทรดแบบ centralized ทั้งหลายต้องออกมาเปิดให้บริการเว็บเทรดแบบ DEX ด้วยเช่นกัน

จริงอยู่ที่ทาง Bloomberg รายงานว่าเว็บเทรดที่เปิดตัวมาได้ไม่นานอย่าง Binance ต้องการที่จะ “decentralize” ตัวพวกเขาเอง และรวมถึงเว็บเทรดที่เปิดให้บริการมานานแล้วอย่าง Huobi ที่เคยได้ออกมาประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าพวกเขาได้เสนอเงินทุนกว่า 166 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้ที่เข้าร่วมในโครงการ Huobi Chain Project ที่จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบองค์กรกระจายศูนย์แบบอัตโนมัติ หรือ decentralized autonomous organization (DAO)

“เราไม่สามารถแน่ใจได้ 100% ว่าบริษัททั้งบริษัทจะสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่มีคนขับเคลื่อนแบบ 100%” กล่าวโดยนาย Gordon Chen ผู้บริหารของโปรเจค Huobi Chain Project “เราไม่แน่ใจว่ามันจะเป็น dencentralized แบบ 100% ด้วยอีกเช่นกัน แต่เราเชื่อว่ามันจะสมส่วนกันแน่”

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีปัญหาเกี่ยวกับเว็บเทรด HADAX ที่จะเน้นการโหวตของผู้ใช้งานเป็นหลักนั้น แต่ก็ยังมีผู้คนนับร้อยที่เข้ามาร่วมโครงการดังกล่าวอยู่ดี

นอกจากนั้น ผู้ร่วมก่อตั้ง Bancor นาม Eyal Hertzog ได้ออกมาทวีตว่าโปรเจ็คของเขาก็กำลัง “เดินทางสู่ความเป็น decentralization” อยู่

ข้อมูลของ Alethio ยังเผยว่าในขณะนี้ แพลทฟอร์มที่มีโมเดลความเป็น P2P แบบทั่วไปเริ่มที่จะได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่หลายหลายมากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มีกระแสที่หวือหวาอะไรมากขนาดนั้น ยกตัวอย่างเช่นในช่วงสองสัปดาห์ทของเดือนกรกฎาคมนั้น บริษัทสตาร์ทอัพ AirSwap ที่ให้บริการค้นหา token ของ Ethereum นั้นได้ช่วยประมวลผลธุรกรรมไปแล้วกว่า 695 ธุรกรรม ท่ามกลางนักลงทุน 216 ราย ภายใต้ความช่วยเหลือของ market maker นับ 60 ราย

ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงศักยภาพที่ทำให้นาง Xie ยังคงมองโลกในแง่บวกเกี่ยวตลาดเกิดใหม่อย่าง DEX นี้ โดยเธอกล่าวว่า “นี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น”

นาง Carlson ยังเห็นด้วยกับนาง Xie ว่าการมีโมเดลที่หลากหลายนั้นจะช่วยหยิบยื่นจุดเริ่มต้นดีสำหรับเว็บเทรดแบบ decentralization พร้อมสรุปเชิงอุปมาว่า

“ทุก ๆ ด้านของสเปกตรัมนั้นมีบทบาทที่สำคัญด้วยกันหมดทั้งสิ้น”

The post ข้อมูลเผยเว็บเทรด Cryptocurrency แบบ Decentralized อาจไม่ได้สวยหรูแบบที่หลายคนคาดไว้ appeared first on Siam Blockchain.

คำขอกองทุน Bitcoin ETF ของสองพี่น้อง Winklevoss ถูกปฎเสธอีกครั้งหนึ่ง

ทางก.ล.ต. แห่งสหรัฐฯ หรือ SEC ได้ปฏิเสธความพยายามในการยื่นขอใบอนุญาตกองทุน Bitcoin ETF ของสองพี่น้อง Winklevoss ผู้ก่อตั้งเว็บเทรด Gemini เป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคมของปี 2017 ที่ผ่านมา อ้างอิงจาก CNBC

นอกจากนี้ใบขออนุญาตของจากเว็บเทรด BATS BZX Exchange ในการเทรดหุ้นที่มี Bitcoin Trust commodity มาแบคไว้ก็ถูกโหวตไม่เห็นด้วยถึง 3 ต่อ 1 โดยทางคณะกรรมการฯเมื่อวานนี้

ภายหลังจากนั้น ราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงมากว่า 3% ลงมาอยู่ที่ 7,901 ดอลลาร์ อ้างอิงจากเว็บ Coinmarketcap

เมื่อเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว ทางก.ล.ต. สหรัฐฯได้ปฏิเสธการอนุมัติ “Winklevoss Bitcoin Trust” จนกระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางพวกเขาได้ทำการยื่นขอให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎใหม่ ซึ่งภายหลังทางคณะกรรมการฯ ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของสองพี่น้อง ที่บอกว่าตลาด Bitcoin รวมทั้งเว็บเทรด Gemini Exchange นั้น “มีความพิเศษที่สามารถทนต่อการปั่นราคาของตลาดได้” นอกจากนี้ในประกาศยังได้มีการกล่าวถึงปัญหาของการฉ้อโกง และการปกป้องนักลงทุนอีกด้วย

ทาง SEC ยังเน้นย้ำว่าการปฏิเสธการอนุมัติในครั้งนี้่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการที่ Bitcoin หรือเทคโนโลยี Blockchain นั้นมีมูลค่าของการเป็นนวัตกรรม หรือการลงทุนหรือไม่

แต่ทาง SEC เผยว่าพันธกิจหลัก ๆ ของพวกเขาคือการป้องกันการปั่นราคาของตลาด, การป้องกันการหลอกลวง และรวมถึงการปกป้องนักลงทุน และพวกเขากังวลเกี่ยวกับการปั่นราคาของ Bitcoin เนื่องจากว่ามีตลาดอยู่เป็นจำนวนมากที่เปิดนอกสหรัฐฯ และไม่ได้ถูก regulate อย่างเป็นทางการ

ในขณะเดียวกัน VanEck และ SolidX ได้ยื่นคำขอ Bitcoin ETF ร่วมกัน และถูกตีพิมพ์เพื่อแสดงความเห็นไปแล้วเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากคำกล่าวของ Dodd Frank นั้น ทางคณะกรรมการจำเป็นที่จะต้องใช้เวลา 45 วันในการจัดการคำกล่าวดังกล่าว ซึ่งวันสุดท้ายนั้นจะเป็นวันที่ 16 สิงหาคมที่จะถึงนี้

The post คำขอกองทุน Bitcoin ETF ของสองพี่น้อง Winklevoss ถูกปฎเสธอีกครั้งหนึ่ง appeared first on Siam Blockchain.

Thursday, July 26, 2018

หรือมูลค่าหุ้นของ Facebook ที่ร่วงลง อาจมีความเกี่ยวโยงกับการที่พวกเขาแบนโฆษณาคริปโต ?

อ้างอิงจาก Goodtoseo รายงานในวันที่ 26 กรกฎาคม 2018 ดูเหมือนว่า มูลค่าของบริษัท Facebook จะลดลงไปกว่า 130 พันล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้นหลังจากที่ได้ทำการเตือนว่า บริษัทจะมีการเติบโตของยอดขายที่ลดลง

โดยราคาของหุ้น Facebook นั้นดิ่งลงกว่า 24 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงในวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้คู่แข่งเช่น Snap และ Twitter ก็ลดลงด้วยเช่นกัน

เหตุการณ์ดังกล่าวถูกจุดชนวนด้วยโดยนาย David Wehner CFO ของบริษัทกล่าวว่า ยอดขายของบริษัทจะมีการชะลอลงในช่วงระยะเวลาที่เหลือภายในปีนี้

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้นาย Mark Zuckerberg ผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook สูญเสียไปกว่า 16.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีอันดับ 6 จากเดิมอันดับ 3 ของโลก

นอกจากนี้ Facebook ยังเคยถูกรายงานว่ามีการเติบโตของรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่สองอีกด้วย และยังพบว่ามีการเติบโตของจำนวนการ Login โดยผู้ใช้งานที่ช้าที่สุดอีกด้วย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ต้นตอของสาเหตุ

การร่วงลงของหุ้น Facebook นั้นเกิดได้หลากหลายสาเหตุ บ้างก็คาดการณ์ว่า เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากหุ้นของ Facebook นั้นได้ทะยานอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การร่วงลงมาปรับฐานหลังจากเหตุการณ์แง่ลบนั้นถือเป็นเรื่องปกติ

แต่หากลองเชื่อมโยงคำแถลงของนาย Wehner ที่ระบุว่า ยอดขายของบริษัทจะชลอตัวลง และการที่ Facebok ประกาศแบนโฆษณาที่มีความเกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency เช่น โฆษณา ICO เป็นต้น เรื่องทั้งสองอาจมีความเกี่ยวข้องกันก็เป็นได้

โดยปกติแล้ว รายได้ของ Facebook นั้นจะมาจากทางโฆษณา โดยการเปิดให้เพจต่าง ๆ สามารถทำการโฆษณาได้อย่างอิสระ ซึ่งการระงับโฆษณาชนิดใดชนิดหนึ่งนั้น ย่อมส่งผลกับรายได้ของพวกเขาอย่างแน่นอน ผนวกกับกระแสของ Cryptocurrency ที่กำลังมาแรง ซึ่งเม็ดเงินจากบริษัทและบุคคลต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มไหลไปอยู่ที่อุตสาหกรรมคริปโต และการที่โปรเจกต์เหล่านั้นไม่สามารถทำการโฆษณาได้ อาจเป็นสาเหตุที่ยอดขายของพวกเขาลดลงก็เป็นได้

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากผู้ใช้บางคนว่า การแบนโฆษณา Cryptocurrency ของ Facebook นั้นไร้ความแม่นยำ เนื่องจากการโฆษณาข่าวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับ Cryptocurrency เลยก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน

เริ่มสูญเสียอำนาจ

สาเหตุอีกประการหนึ่งซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตของ Facebook อาจจะมาจากการที่ผู้ใช้งานของพวกเขาหันไปสู่ทางเลือกอื่นก็เป็นได้ หลังจากที่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Facebook ได้ถูกเรียกให้ไปชี้แจงต่อวุฒิสภาของสหรัฐฯในประเด็นของความเป็นส่วนตัวในข้อมูลของผู้ใช้งาน เนื่องจากพวกเขาปล่อยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานจำนวน 87 ล้านรายหลุดไปยัง Cambridge Analytica ซึ่งพวกเขานำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ด้านพาณิชย์ต่อ

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ได้มีคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากต่อผู้ใช้ ที่ออกมาแสดงความกังวลถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน และด้วยเหตุนั้นเอง อาจส่งผลให้ผู้ใช้งานตื่นตัวและย้ายไปใช้งานแพลตฟอร์มอื่นที่พวกเขาสามารถควบคุมและเป็นเจ้าของข้อมูลของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

ยังไม่รวมถึงประเด็นที่ Facebook ไม่มีตัวเลือกให้ผู้ที่สร้าง Content ให้กับแพลตฟอร์มของพวกเขาสามารถหาเงินกับมันได้เลย แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Youtube ที่มีตัวเลือกในการสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกับให้กับผู้ใช้ และ Facebook ยังคงเดินหน้าลดความสำคัญของเพจลงเรื่อย ๆ ด้วยการลด Reach ก็อาจส่งผลให้ฝ่ายผู้สร้าง Content ย้ายไปใช้แพลตฟอร์มอื่นเช่นกัน

สรุป

สาเหตุหลัก ๆ ที่ราคาของหุ้นและการเติบโตของ Facebook ลดลงนั้นอาจเกิดจากการที่พวกเขาแบนโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับคริปโต และการที่พวกเขาไม่พัฒนาแพลตฟอร์มให้เอื้อต่อฝ่ายผู้สร้าง Content รวมทั้งผู้ใช้งานเริ่มตื่นตัว ในประเด็นของความเป็นส่วนตัวในข้อมูลของตนมากขึ้นด้วย ทำให้ผู้ใช้งานและการเติบโตของแพลตฟอร์มลดลง ซึ่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังรายได้ที่ลดลงของบริษัท

The post หรือมูลค่าหุ้นของ Facebook ที่ร่วงลง อาจมีความเกี่ยวโยงกับการที่พวกเขาแบนโฆษณาคริปโต ? appeared first on Siam Blockchain.