Wednesday, January 31, 2018

Facebook เตรียมแบนโฆษณาที่เกี่ยวกับ Bitcoin และ ICOs

บริษัทด้านโซเชี่ยลมีเดียยักษ์ใหญ่ Facebook ได้เผยนโยบายใหม่ โดยจะทำการแบนโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin และเหรียญที่ระดมทุนผ่าน initial coin offerings เป็นหลัก

นาย Rob Leathern ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ได้เขียนบล็อกของเขาเมื่อวานนี้โดยนโยบายใหม่นั้นจะเล็งไปที่ “โฆษณาที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการด้านการเงินที่มีการชี้นำไปในทางที่ผิด หรือมีแนวทางการส่งเสริมการขายที่หลอกลวง อย่างเช่น Binary options, initial coin offerings และ cryptocurrency”

นาย Leathern ได้ทวีตข้อความว่า

“พวกเราต้องการที่จะให้ผู้คนค้นพบและเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ผ่านโฆษณาของ Facebook โดยที่ไม่ต้องกลัวเกี่ยวกับการหลอกลวงหรือการชี้นำไปในทางที่ผิด ในขณะนี้มีบริษัทเป็นจำนวนมากที่กำลังโฆษณา binary options, ICOs และ cryptocurrency ที่ไม่ได้ทำธุรกิจอยู่บนสิ่งที่ดีงาม”

ผู้ใช้งานแพลทฟอร์มโซเชี่ยลดังกล่าวอาจจะเคยได้เห็นโฆษณาขายสินค้า ICOs และเหรียญเหล่านี้มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่มีการชักชวนมาให้ลงทุนและสัญญาผลตอบแทนเป็นจำนวนมาก ในขณะที่โฆษณาอื่น ๆ นั้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านการสอนการลงทุนคริปโต

นาย Leathern กล่าวเสริมว่านโยบายใหม่นี้จะถูกขยายผลไปยังผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างหน้า feed ของแอพแชร์รูปภาพ Instagram อีกด้วย กระนั้นเขาก็เผยว่านโยบายดังกล่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกในอนาคต

The post Facebook เตรียมแบนโฆษณาที่เกี่ยวกับ Bitcoin และ ICOs appeared first on Siam Blockchain.

CFTC สหรัฐฯส่งหมายศาลสอบปากคำ Bitfinex และ Tether เกี่ยวกับการออดิต USDT

ดูเหมือนคำถามที่นักลงทุนด้านคริปโตหลาย ๆ คนตั้งขึ้นมาเกี่ยวกับความโปร่งใสของ Bitfinex และ Tether กับเหรียญ USDT ของพวกเขานั้น ได้ส่งผลทำให้ทางผู้ออกกฎหมายในสหรัฐฯถึงกับต้องออกมาเคลื่อนไหว

คณะกรรมการกำกับตลาดฟิวเจอร์แห่งสหรัฐฯ (CFTC) ได้ส่งหมายศาลไปหาสองบริษัทดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อ้างอิงจาก Bloomberg ที่ได้มีการพาดพิงถึงแหล่งที่มาของข่าวที่ไม่เปิดเผยข้อมูลอีกทีหนึ่ง

“เราได้รับการติดต่อเกี่ยวกับขั้นตอนทางกฎหมายจากตำรวจและผู้ออกกฎหมาย เพื่อทำการเข้ามาาืบสวนสอบสวน” Bitfine และ Tether กล่าวให้สัมภาษณ์ Bloomberg เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “มันเป็นนโยบายของเราที่ไม่สามารถออกความเห็นใด ๆ ได้”

เว็บ Bitfinex เป็นหนึ่งในเว็บผู็ให้บริการซื้อขาย Bitcoin ที่เก่าแก่ที่สุด โดยมีหุ้นส่วนและผู้บริหารคือ Tether ที่เป็นผู้ออกเหรียญดิจิตอล USDT ที่อ้างว่ามีการนำมาใช้เพื่อแบคเงินสกุลดอลลาร์ไว้ในอัตราส่วน 1:1

เมื่อเดือนที่ผ่านมานี้ มูลค่าตลาดรวมของ Tether ได้พุ่งขึ้นแตะ 2.3 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลทำให้หลาย ๆ คนสงใสว่าสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวนั้นถูกแบคไว้โดยเงินดอลลาร์ จริง ๆ ตามที่ Tethr อ้างหรือไม่

แกนนำกลุ่มผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่าง Bitfinex’ed ได้กล่าวหา Tether ว่ามีเงินที่แบคไว้ในคลังเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น และใช้เหรียญ​ USDT เพื่อปั่นราคา Bitcoin บนเว็บ Bitfinex ซึ่งส่งผลทำให้ทางบริษัททั้งสองขู่ผู้ใช้นามแฝงดังกล่าวว่าจะทำการฟ้องกลับ

แม้ว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นจะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่ทาง Tether นั้นก็ยังมีบัญชีที่รอคอยการตรวจสอบอีกเยอะมาก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปแล้วว่าความสัมพันธ์ด้านธุรกิจระหว่าง Tether และบริษัทด้านการออดิต Friedman ได้จบลงแล้ว เนื่องจากทาง Tether อ้างว่าบริษัทออดิตดังกล่าวมีขั้นตอนการทำงานที่ละเอียดเกินไป

The post CFTC สหรัฐฯส่งหมายศาลสอบปากคำ Bitfinex และ Tether เกี่ยวกับการออดิต USDT appeared first on Siam Blockchain.

สรุปงานแถลงข่าว “JFin” Coin + บทสัมภาษณ์พิเศษกับนายปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง Zcoin

บริษัทกองทุนรวมยักษ์ใหญ่ OMERS เริ่มไปลงทุนในระบบของ Ethereum แล้ว

หนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศแคนาดานามว่า OMERS กำลังจะลงทุนในการพัฒนาระบบ ecosystem ของ Ethereum 

กองทุน Ethereum ซึ่งเป็นกองทุนแบบล่าสุดที่ OMERS จัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก โดยได้ระดมทุนกว่า 50,000,000 ดอลลาร์และเตรียมพร้อมสำหรับกระบวนการในการซื้อธุรกิจแบบย้อนกลับ (Reverse Takeover) โดยเมื่อรอบการระดมทุนสิ้นสุดลงในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ บริษัทจะนำเงินทุนไปลงทุนในเหรียญ Ether และบริษัท start up ด้าน Blockchain ต่าง ๆ

โดยเป้าหมายสูงสุดของบริษัทคือการเป็น “ธุรกิจส่วนกลางและศูนย์รวมการลงทุนสำหรับ Ethereum” และการที่จะไปสู่จุดนั้น บริษัทจะซื้อหุ้นจากบริษัทต่าง ๆ โดยการใช้เหรียญที่ถูกสร้างขึ้นบนฐานของ Ethereum (Ethereum-based tokens)

OMERS ได้ระบุว่าจะขายหลักฐานการใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ (subscription receipts) จำนวน 2,000,000 ฉบับ ซึ่งมีมูลค่าฉบับละ 2.50 ดอลลาร์ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายในการระดมทุน

และเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่ละหุ้นของบริษัทซึ่งเรียกว่า “Ethereum Shares” จะถูกแทนที่ด้วยหุ้นของบริษัท Movit Media Corp. ซึ่งเป็นบริษัทที่จะเข้าควบคุมกองทุน Ethereum นี้ในภายหลัง โดยบริษัทจะยังคงชื่อของกองทุน Ethereum ไว้

ซึ่งที่ปรึกษาของบริษัทใหม่นี้มีทั้งนักลงทุนในหุ้นและตัวแทนจากบริษัท Start up ด้าน Blockchain ต่าง ๆ ที่น่าสังเกตคือมีนาย Loam Horne ผู้เป็นสมาชิกของ L4 Ventures ของนาย Vialik Buterin ซึ่งเป็นผู้สร้าง Ethereum เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของกองทุน Ethereum อีกด้วย

นาย Joey Krug ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกองทุน Ethereum และผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ทอัพเกี่ยวกับ decentralized oracle นามว่า Augur ได้กล่าวว่า ศักยภาพของ Ethereum นั้นยังไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาเต็มที่

โดยนาย Krug กล่าวว่า

“เครือข่าย Ethereum นั้นเพิ่งจะเริ่มแสดงศักยภาพของมันด้วยการมีการทำธุรกรรมและการใช้งานจำนวนมากที่เกิดขึ้นแทบจะทุกวัน ผมเชื่อว่ามันมีศักยภาพที่จะ disrupt อุตสากรรมต่าง ๆ ในตอนนี้ และผมตื่นเต้นที่จะแนะนำกองทุน Ethereum เนื่องจากขนาดของอัตรา postion ต่อขนาด capital บนบริษัทเหล่านี้”

The post บริษัทกองทุนรวมยักษ์ใหญ่ OMERS เริ่มไปลงทุนในระบบของ Ethereum แล้ว appeared first on Siam Blockchain.

นักวิจัยจาก AIER เผย ราคา Bitcoin เคลื่อนที่ตามข่าวสาร

นักวิจัยจากสถาบัน American Institute for Economic Research (AIER) ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมิสซูรีในการวิจัยราคาของ Bitcoin ว่ามันสามารถถูกปั่นโดยนักลงทุนเพียงไม่กี่คนได้หรือไม่ โดยรายงานวิจัยฉบับแรกนั้นได้เผยถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างราคาของ Bitcoin และข่าวสาร

AIER ไม่คิดว่ามีทฤษฎีสมคบคิดอยู่เบื้องหลัง

รายงานวิจัยของ AIER เผยว่า “แม้ว่าธรรมชาติของเหตุการณ์หรือข่าวจะไม่สามารถอธิบายหรือบ่งบอกความผันผวนของราคา Bitcoin ได้ แต่มันก็สามารถคาดเดาได้ว่าตลาดนั้นไม่สามารถถูกปั่นให้เป็นไปตามความต้องการของคนเพียงไม่กี่คนได้”

นาย Edward Stringham หรือประธานและผู้อำนวยการของ Research and Education และนาย Jeffrey Tucker จาก Foundation for Economic Education ได้เผยให้เห็นถึงการเก็บข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการออกข่าวและอัตราในการเปลี่ยนแปลงราคาในรูปด้านล่าง และมีการกล่าวเป็นบางตอนว่าราคาของ Bitcoin นั้น “น่าจะสะท้อนให้เห็นถึงข่าวที่สำคัญ ๆ ใหม่ ๆ”

ตัวอย่าง

ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนก็ได้ทำการทดลองในลักษณะเดียวกันเช่นกัน โดยหากดูการเคลื่อนไหวของกราฟด้านล่างนั้นจะพบว่าภายหลังจากที่มีข่าวออกนั้น ราคาจะมีอัตราการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างผันผวนไปในทิศทางของข่าวนั้น ๆ (ขึ้นอยู่ว่าเป็นข่าวร้าย หรือดี)

ยกตัวอย่างเช่นข่าวของนาย Jamie Dimon หรือ CEO ของธนาคาร JP Morgan ที่เคยออกมากล่าวว่า Bitcoin นั้นคือสิ่งหลอกลวง ที่ส่งผลทำให้ราคาของเหรียญดังกล่าวร่วงลงอย่างรุนแรง รวมถึงข่าวการประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้าน Bitcoin Futures ของ CME และ Cboe ก่อนหน้านี้ที่ทำให้ Bitcoin ต้องพบกับ new high อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

ทาง AIER ได้ทำการจำแนกลักษณะของข่าวที่มีผลต่อราคาออกเป็น 8 ประเภท ซึ่งประกอบไปด้วย BS (การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ Bitcoin), PO (ความเห็นส่วนตัว), GR (ข่าวเกี่ยวกับกฎหมายของรัฐบาล), OC (ข่าวสกุลเงินอื่น ๆ), NI (ข่าวโอกาสด้านการลงทุนใหม่ ๆ), UI (การสืบสวนสอบสวน), CS (ความปลอดภัยทางไซเบอร์) และ NF (ไม่ค้นพบอะไร)

พวกเขากล่าวสรุปว่าข่าวที่มีผลเกี่ยวกับราคามากที่สุดก็คือข่าวการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของ Bitcoin อย่างเช่นการแก้ปัญหาการ scaling และการ hard fork อีกทั้งยังแนะนำนักลงทุนให้ทำการศึกษาข่าวสารให้ดีก่อนทำการเทรดอีกด้วย

The post นักวิจัยจาก AIER เผย ราคา Bitcoin เคลื่อนที่ตามข่าวสาร appeared first on Siam Blockchain.

นักลงทุน Bitcoin ชาวอังกฤษถูกข่มขู่ปล้น Bitcoin ปืนจ่อหัว

นักเทรด Bitcoin สัญชาติอังกฤษสองคนได้กลายเป็นเหยื่อของอาชญากรในการ “ปล้น Bitcoin ครั้งแรกในสหราชอาณาจักร” ตามการรายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นอังกฤษ โดยพวกเขาถูกปล้นโดยชายสวมผ้าคลุมหน้าติดอาวุธปืน และสั่งให้เหยื่อทำการโอน Bitcoin เข้าไปใน wallet ของโจร

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ในหมู่บ้าน Moulsford เมือง Oxfordshire ในขณะที่นักเทรดคริปโตนาม Danny Aston และภรรยาของเขา Amy Jay กำลังเลี้ยงเด็กทารกของพวกเขาอยู่

โดยอ้างอิงจากรายงานของ The Main on Sunday นั้น ชายสวมผ้าคลุมหน้าสี่คนได้บุกรุกเข้ามาในบ้านของพวกเขาด้วยการเตะประตูบ้านเข้ามา ลักพาตัวเด็กทารกไปไว้นอกบ้าน และบังคับให้นาย Aston และนาง Jay ส่ง Bitcoin เข้ามาในกระเป๋าของอาชญากร

มีรายงานว่านาย Aston อายุ 30 ปีได้ทำการเทรดเหรียญคริปโตไปแล้วกว่า 100,000 ธุรกรรมภายใต้นามแฝง ‘Goldiath’ โดยเขาและนาง Jay ยังได้เปิดบริษัท Aston Digital Currencies ร่วมกันอีกด้วย

“ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ดังกล่าว” กล่าวโดยโฆษกเจ้าหน้าที่ตำรวจ Thames Valley

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวอาชญากรได้ แต่ทางตำรวจเชื่อว่าคู่สามีภรรยาทั้งสองนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเป้าหมายที่ถูกหมายตาไว้แล้ว สื่อท้องถิ่นดังกล่าวยังเผยอีกว่าคดีอาชญากรรมเกี่ยวกับอาวุธปืนนั้นค่อนข้างที่จะหายากในประเทศอังกฤษ

The post นักลงทุน Bitcoin ชาวอังกฤษถูกข่มขู่ปล้น Bitcoin ปืนจ่อหัว appeared first on Siam Blockchain.

ก.ล.ต. ฟิลิปปินส์วางแผนทำให้ Bitcoin และ ICO ถูกกฎหมาย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศฟิลิปปินส์ได้ออกมาประกาศเมื่อวานนี้เกี่ยวกับการร่างกฎหมายออกมาใหม่เพื่อกำกับธุรกรรม cryptocurrency เพื่อปกป้องนักลงทุนและลดความเสี่ยงด้านการฉ้อโกงลง

ข้อกฎหมายดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึงการลงทะเบียน cryptocurrency ที่จะมีการผลักดันแบบร่างสุดท้ายภายในปีนี้ กล่าวโดยนาย Emilio Aquino กรรมการบริหารจัดการด้านการบังคับใช้กฎหมายและปกป้องนักลงทุน อ้างอิงจากรอยเตอร์

นาย Aquino กล่าวในงานแถลงข่าวว่า

“เราต้องการที่จะสร้างกฎหมายในแบบของเรามากำกับมันเอง คุณจะต้องระมัดระวังให้มากเกี่ยวกับการที่นักลงทุนในอุตสาหกรรมนี้จะได้รับการปกป้องอย่างไร”

นาย Aquino ยังเผยอีกว่ากฎหมายนั้นจะผ่านร่างสุดท้ายภายในปีนี้ โดยจะประกอบไปด้วยการรับประกันและการลงทะเบียนเหรียญคริปโต, แนวทางด้านความปลอดภัยไซเบอร์สำหรับ ตลาดเหรียญ cryptocurrency และเงินของนักลงทุน

“ข่าวร้ายก็คือ ก่อนหน้านี้มี ICO หลาย ๆ ตัวที่ออกมาโฆษณาขายเหรียญแล้วจู่ ๆ ก็หนีหายไปเลย เราไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นที่นี่” กล่าวโดยนาย Aquino

สำนักข่าวท้องถิ่น Philstar Global ได้รายงานว่าผู้ขาย ICO นั้นอาจจะต้องมีการมาลงทะเบียนกับทาง ก.ล.ต. ก่อน เนื่องจากพวกเขามอง cryptocurrency ว่าเป็นหลักทรัพย์

The post ก.ล.ต. ฟิลิปปินส์วางแผนทำให้ Bitcoin และ ICO ถูกกฎหมาย appeared first on Siam Blockchain.

“Bitcoin คือเหรียญ fork แต่ Bitcoin Cash คือของจริง” โดยนักวิทยาศาสตร์ NIST

สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIST) ได้ตีพิมพ์รายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี blockchain ของพวกเขา และได้แสดงจุดยืนที่ด้านการ scaling ของ Bitcoin ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนต้องตกใจ

โดยอ้างอิงจากหน้าที่ 57 ของรายงานดังกล่าวที่ชื่อว่า Blockchain Technology Overview (Draft NISTIR 8202) ที่เผยแพร่โดย Computer Security Resource Center (CRSC) ของสถาบันดังกล่าวนั้น พวกเขาได้อ้างว่า Bitcoin Cash คือตัว blockchain ดั้งเดิมที่ถูกสร้างโดยนาย Satoshi Nakamoto แต่ไม่ใช่ Bitcoin

“เมื่อ SegWit ถูกเปิดใช้งาน มันทำให้เกิดการ hard fork และตัว node ของนักขุดและผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการจะเปลี่ยนตามก็จะเรียกตัว blockchain ดั้งเดิมของ Bitcoin ว่า Bitcoin Cash (BCC)” กล่าวโดยรายงานดังกล่าว “โดยทางเทคนิคแล้ว Bitcoin นั้นคือเหรียญ​ fork ในขณะที่ Bitcoin Cash นั้นคือตัว blockchain ดั้งเดิม เมื่อมีการ hard fork เกิดขึ้น ผู้คนจะได้มาทั้งเหรียญ Bitcoin และ Bitcoin Cash มาครอบครอง”

แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะไม่เป็นความจริง แต่ก็ยังมีแฟนพันธุ์แท้ของ BCH ออกมากล่าวว่า “Bitcoin Cash นั้นคือ Bitcoin” และยังเป็นเหรียญที่แบกหามเจตนารมณ์ดั้งเดิมของ Satoshi Nakamoto ไว้ แต่กระนั้น ในหลักความจริงแล้ว เหรียญดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมของปีที่แล้ว

นอกจากนี้ รายงานของทาง NIST ยังแสดงให้เห็นความผิดพลาด โดยกล่าวว่า Segregated Witness (SegWit) นั้นเป็นการเปิดใช้งานผ่านการ hard fork บนเครือข่ายของ Bitcoin เพื่อแก้ปัญหาการ scaling ของเหรียญดังกล่าว แต่ในความเป็นจริงแล้ว SegWit นั้นถูกเปิดใช้งานผ่านการ soft fork ซึ่งนั่นหมายความว่ามันยังรองรับตัว Bitcoin legacy อยู่ได้ตามปกติ

The post “Bitcoin คือเหรียญ fork แต่ Bitcoin Cash คือของจริง” โดยนักวิทยาศาสตร์ NIST appeared first on Siam Blockchain.

ผู้ก่อตั้ง Bx เข้าร่วมประชุม ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถกปัญหาร่างกฎหมาย Bitcoin

ภายหลังจากปัญหาด้านการฉ้อโกงเงินประชาชนของแกงค์คอลเซ็นเตอร์ที่เป็นข่าวอื้อฉาวก่อนหน้านี้ และได้นำเงินนั้นมาซื้อ Bitcoin เพื่อทำการฟอกเงิน นาย David Barnes หรือผู้ก่อตั้งเว็บผู้ให้บริการซื้อขาย Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดในไทยนาม Bx ได้เข้าพบ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์, พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.), นายศิวัช ชาวบางงาม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ นายธานี โอฬารรัตน์มณี ผู้อำนวยการกองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมธุรกิจการค้า ณ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อประชุมเกี่ยวกับการแก้ปัญหาและหามาตรการป้องกันการทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin ของแกงค์คอลเซ็นเตอร์ที่กำลังหากินกับประชาชนด้วยการฉ้อโกงอยู่ในขณะนี้

โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานงานไปยัง Bx เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของแกงค์คอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว โดยพวกเขาพบว่ามีการนำเงินที่ฉ้อโกงมาได้นั้นไปซื้อ Bitcoin เพื่อทำการฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม รายงานจากแหล่งที่มานั้นไม่ได้กล่าวไว้ว่าทางแกงค์คอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวได้ทำการโอน Bitcoin ออกไปนอกเว็บเทรด Bx แล้วหรือไม่อย่างไร กระนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กล่าวว่าพวกเขาทราบถึงเส้นทางการโอนเงินเข้าออกของแกงค์คอลเซนเตอร์หมดแล้ว แต่การทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin นั้นยังไม่มีกฎหมายมาควบคุม จึงทำให้ทาง ปปง. ไม่สามารถเอาผิดได้

โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวผู้จัดการนั้น ร่างกฎหมายดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการร่าง และคาดว่าจะทำให้ Bitcoin มีสถานะทางกฎหมาย โดยจะทำให้เข้าสู่ระบบเหมือนสถาบันการเงิน เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบ และเอาผิดกับแกงค์คอลเซนเตอร์เหล่านี้ได้

หากว่ากฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบนั้น ทางเจ้าหน้านี้ตำรวจจะสามารถดำเนินคดีผู้ที่ใช้ Bitcoin ในการฟอกเงินตามกฎหมายได้

ภาพจากโรงเรียนมัธยมตระการพืชผล

The post ผู้ก่อตั้ง Bx เข้าร่วมประชุม ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถกปัญหาร่างกฎหมาย Bitcoin appeared first on Siam Blockchain.

ผู้คุมกฎหมายการเงินในญี่ปุ่นสั่ง Coincheck รายงานตัวเกี่ยวกับการถูกแฮคระบบ

ภายหลังจากการถูกแฮคของผู้ให้บริการด้านการซื้อขายเหรียญ cryptocurrency นาม Coincheck ส่งผลทำให้ผู้ควบคุมกฎหมายด้านการเงินของประเทศญี่ปุ่นต้องออกมารัดกุมด้านความปลอดภัยในวงการดังกล่าว

การแฮคดังกล่าวได้มีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยส่งผลทำให้ทางเว็บเทรดต้องประกาศหยุดให้บริการ และมีเหรียญ NEM ที่ถูกขโมยไปกว่า 500 XEM ซึ่งมีค่ากว่า 420 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น

โดยอ้างอิงจากการประกาศล่าสุดของ Coincheck นั้น ทางผู้ออกกฎหมายด้านการเงินในประเทศญี่ปุ่นหรือ FSA ได้สั่งให้ทางเว็บเทรดดังกล่าวรายงานตัวและส่งรายงานถึงการแฮคและระบบรักษาความปลอดภัย โดยรายงานดังกล่าวจะต้องถูกส่งก่อนวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ และจะต้องหาแหล่งที่มาของปัญหาให้เจออีกด้วย

สำนักข่าว Nikkei รายงานว่าทาง FSA ได้ประกาศในช่วงแถลงข่าวว่า “การบริหารความเสี่ยงที่ไม่เหมาะสมได้กลายเป็นเรื่องปกติของ Coincheck ไปแล้ว” ซึ่งความผิดพลาดดังกล่าวก่อให้เกิดความสูญเสียที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าของ Mt.Gox เสียอีก

ทาง Nikkei ยังรายงานว่าทาง FSA กำลังขยายผลการสืบสวน รวมถึงการหามาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิขึั้นอีกในอนาคตด้วย

ก่อนหน้านี้ทาง NEM.io Foundation กล่าวว่าการไร้ซึ่งการเตรียมการด้านความปลอดภัยของ Coincheck อาจส่งผลทำให้พวกเขาถูกแฮค

“เราอยากจะแนะนำให้เว็บเทรดทุก ๆ เว็บทำการติดตั้งระบบ smart contract แบบ multi-signature ของเรา ที่ดีที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากว่า Coincheck ไม่ได้ใช้มัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาถูกแฮค พวกเขาใจเย็นกับระบบรักษาความปลอดภัยมากเกินไป” กล่าวโดยนาย Lon Wong ประธานของ NEM.io

เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ทาง Coincheck ยังได้ประกาศว่าพวกเขาจะทำการชดใช้เหรียญ NEM กว่า 260,000 เหรียญให้กับผู้ที่สูญเสียไป แม้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับการชดใช้นั้นยังไม่ถูกเผยออกมาก็ตาม

The post ผู้คุมกฎหมายการเงินในญี่ปุ่นสั่ง Coincheck รายงานตัวเกี่ยวกับการถูกแฮคระบบ appeared first on Siam Blockchain.

Sunday, January 21, 2018

IQeon ผู้ให้บริการด้านตลาดเกมออนไลน์ประกาศลดราคา ICO 30%

IQeon เป็นตลาดเกมแนวใหม่ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีโอกาสพนันผลการแข่งขันแบบตัวต่อตัว (PvP) ของพวกเขาเอง โดยถือเป็นแห่งแรกที่ให้ผู้เล่นสามารถรับเงินจากการพิชิตเป้าหมาย achievements ต่างๆในตัวเกมได้ และด้วยการที่ IQeon ทำงานบนระบบเทคโนโลยี Ethereum Blockchain ทำให้พวกเขาเคลมว่ามันมีความน่าเชื่อถือสูง และมีธุรกรรมทางการเงินที่โปร่งใส

IQeon มี Cryptowallet (กระเป๋าสตางค์ Cryptocurrencies) ให้ผู้ใช้สามารถนำเงินไปแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญ IQN หรือนำเหรียญ IQeon ไปแลกเปลี่ยนเป็น Cyptocurrencies สกุลอื่นได้ หรือแม้กระทั่งเป็นเงิน fiat (เงินสกุลทั้วไป) ก็ได้เช่นกัน โดยรอบหลักของ ICO IQeon จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมจนถึง 13 มีนาคม 2018 ด้วยปริมาณเหรียญที่จำหน่ายที่ 6.5 ล้านเหรียญ ซึ่งมีอัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 325 IQN ต่อ 1 ETH ผู้ที่สนใจสามารถซื้อ IQN ได้ด้วย ETH, BTC และ LTC

ทางทีมบริหารของ IQeon มีระบบลดราคาที่ยืดหยุ่นมาก สำหรับช่วง ICO รอบหลัก ตามรายละเอียด ดังนี้

  • วันแรกของ ICO, จะลด 30%
  • สัปดาห์แรกของ ICO, จะลด 25%
  • สัปดาห์ที่สองของ ICO, จะลด 20%
  • สัปดาห์ที่สามของ ICO, จะลด 15%
  • สัปดาห์ที่สี่ของ ICO, จะลด 10%
  • สัปดาห์ที่ห้าของ ICO, จะลด 5%

ทั้งนี้ ทาง IQeon ได้จัด pre-ICO ถึงสองรอบแล้ว โดยอีกอย่างหนึ่ง Pre-ICO รอบที่สองนี้ เป็นรอบที่เพิ่มขึ้นมามาใหม่ทีหลัง หลังจากที่โครงการแรกสามารถระดมเงินได้ถึง 1,165,000 ดอลลาร์ ซึ่งมันเป็นการทำลายสถิติ จนต้องทำการปิดการระดมทุนรอบแรกก่อนเวลากำหนด

หนึ่งในผู้ลงทุน IQeon เป็นบริษัทที่กำลังดูแลสินทรัพย์จำนวนมูลค่ากว่า 100 ล้านยูโร

โดยอ้างอิงจากการแถลงข่าวนั้น ทางทีม IQeon กล่าวว่าพวกเขากำลังมุ่งมั่นเพื่อความสำเร็จในการสร้างแพลตฟอร์มเกมทแบบี่ Ddecentralized โดย พวกเขาพยายามที่จะสร้างทางออกที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับทุก ๆ คน ทั้งผู้เล่น นักพัฒนาเกม รวมถึงนักลงทุน

สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจใน ICO ดังกล่าวนั้น สามารถเช็คได้ผ่านทางเว็บ Official ของ IQeon รวมถึงผ่านช่องทาง Social media ต่างๆ ของ IQeon ได้อีกด้วย

หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์

The post IQeon ผู้ให้บริการด้านตลาดเกมออนไลน์ประกาศลดราคา ICO 30% appeared first on Siam Blockchain.

หลังจากปิดแพลทฟอร์มไป Bitconnect เปิดการระดุมทุน ICO หวังกำไรอีก 500 ล้านดอลลาร์

ตั้งแต่ที่ได้มีการก่อตั้ง Bitconnect ขึ้นมา บริษัทนี้ก็ได้ถูกผู้คนมากมายในแวดวง cryptocurrency รวมถึงนาย Vitalik Buterin หรือบิดาแห่ง Ethereum และก็ ผู้ก่อตั้ง Litecoin นาย Charlie Lee กล่าวหาว่าเป็นธุรกิจพีระมิดที่หลอกลวง ในมุมมองของพวกเขาแล้ว การล่มสลายของ Bitconnect เป็นสิ่งที่แน่นอนและไม่น่าทึ่ง บางคนยังคิดว่าการที่เหรียญดังกล่าวอยู่มาได้ถึง ณ บัดนี้ก็เป็นอะไรที่เหลือเชื่อ เมื่อทางบริษัท Bitconnect ได้ปิดบริการยืมเงิน (lending) ในวันพุธที่ผ่านมา และราคาของเหรียญก็ร่วงจาก 290 ดอลลาร์หล่นเหลือเพียง 8 ดอลลาร์

แต่ก็มีรายงานว่าในตอนนี้เหรียญ BCC ก็ยังคงถูกแลกเปลี่ยนซื้อขายอย่างคึกคัก และมูลค่าของมันก็ยังได้เพิ่มกลับขึ้นมาอีกด้วย โดยมีการคาดว่าน่าจะมาจากการที่ Bitconnect กำลังที่จะเปิด ICO ตัวใหม่

แม้ก่อนที่จะเกิดการร่วงหล่นอย่างมหาศาลในมูลค่าของเหรียญ Bitconnect Coin (BCC) โครงการ ICO ของ Bitconnect  นามว่า Bitconnect X ก็ได้เปิดรับเงินระดมทุนมาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมแล้ว เมื่อ Bitconnect ได้ร่วงในอาทิดย์ต่อมาและทำการปิดเว็บหลักไปหลายวัน ก็มีการคาดการณ์ว่า Bitconect X ก็จะถูกปิดตามไปด้วยเช่นกัน เพราะนักวิเคราห์ส่วนหนึ่งก็คาดการณ์ว่าคงไม่มีใครที่จะเชื่อถือและลงทุนในโครงการของ Bitconnect อีกต่อไป แต่ในตอนนี้ ICO ของ Bitconnect ก็ดำเนินการต่อไปโดยราบรื่น และนักลงทุนจำนวนมากยังคงนำเงินเข้าไปลงทุนใน ICO นี้ต่อไป

เรื่องยังคงดำเนินต่อไป…

เมื่อ Bitconnect ได้ประกาศปิดแพลทฟอร์มยืมเงินตอนวันพุธที่ผ่านมา เงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ที่เคยเป็นมูลค่าตามราคาตลาดก็ได้เลือนหายไปภายในไม่ถึงสองชั่วโมง ซึ่งได้มีรายงานว่านักลงทุนหลายคนต้องสูญเสียเงินที่ตนเคยเก็บไว้ไปจนแทบไม่เหลือ ในวันพุธที่ผ่านมาเมื่อนักเทรดบน  Twitter กำลังเฝ้าลุ้นและจดจ่อกับการหล่นลงมายัง ‘เลขศูนย์’ ของ Bitconnect ซึ่งเป็น altcoin สกุลแรกที่ได้เจอประกฎการณ์แบบนี้ แต่ในเวลาต่อมา มูลค่าของเหรียญ BCC ได้หยุดร่วงและกลับปีนขึ้นมาใหม่อย่างทันทีทันใด

ในวันที่ 17 มกราคม เหรียญ BCC ได้เป็นสกุล crypto ที่ “ศักยภาพแย่ที่สุด” บน Coinmarketcap ใน 24 ชั่วโมงต่อมา อยู่ๆมันก็กลายเป็นเหรียญที่ “ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุด” เมื่อได้ก้าวขึ้นถึง 410% ในระยะ 24 ชั่วโมง และมูลค่ามันได้ไต่ไปถึง 43 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ซึ่งนั่นก็แปลว่า ผู้คนจำนวนมากก็ยังต้องการที่จะซื้อเหรียญสกุลนี้ ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเหรียญ BCC รวมมูลค่าอยู่กว่า 18 ล้านดอลลาร์ได้ถูกแลกเปลี่ยน และเหรียญที่ในตอนแรกนั้น ได้ถูกหลายคนตราว่า “ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง” ได้ถูกทำการแลกเปลี่ยนซื้อขายในมูลค่า 29 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ในวันพฤหัสบดีมูลค่า BCC ได้เพิ่มขึ้นจาก 8 ดอลลาร์ดิ่งสูงไปถึง 43 ดอลลาร์ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เป็นอย่างนี้ก็น่าจะมาจากการที่เหรียญ BCC นั้นสามารถที่จะนำมาแลกเปลี่ยนเป็น BCCX ได้แทน ซึ่งเป็นสกุลเหรียญของ ICO ใหม่ผลิตขึ้นโดย Bitconnect เหรียญ BCCX มีราคา 50 ดอลลาร์ต่อเหรียญ

เว็บโดเมน Bitconnectx.co ถูกสร้างขึ้นในวันสุดท้ายของ 2017 และได้เริ่มทำการระดมทุนในไม่ถึง 2 สัปดาห์ต่อมา ทางบริษัทได้วางเป้าหมายที่จะขาย 11.76 ล้าน BCCX ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับเงิน 558 ล้านดอลลาร์ และพวกเขาก็จะยังได้กำไรจากเหรียญที่พวกเขาสะสมไว้อีก 145 ล้านดอลลาร์ สรุปแล้ว พวกเขาสามารถรับกำไรได้ถึง 733 ล้านดอลลาร์

แพลทฟอร์ม Bitconnect X ที่มาพร้อมลุคใหม่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะ “ให้ลูกค้าได้รับดอกเบี้ยผ่านการช่วยรักษาความมั่นคงของเครือข่ายผ่านการถือ BCCX บนกระเป๋าสตางค์แบบเดสก์ท็อป (Desktop Wallet) รุ่น Qt ที่ได้มีการเชื่อมต่อมายังเครือข่าย ทำให้การธุรกรรมต่างๆสามารถไหลผ่านมันได้”

หนึ่งในภารกิจแรกบน roadmap ของ Bitconnect X คือการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในรายชื่อบริษัทบน Coinmarketcap ซึ่งทางเว็บก็ได้โปรโมทเหรียญ Bitconnect อยู่ในตอนนี้ หลังจากนี้ทางบริษัทก็จะใช้เวลาช่วงฤดูร้อนทำภารกิจต่างๆเช่น “เพิ่มระดับความปลอดภัยในแพลทฟอร์มซื้อขาย”

ในช่วงสองสามวันหลังจากที่ Bitconnect ล่มจม บัญชีบนโซเชียลมีเดียต่างๆของบริษัทยังคงทวีตเขียนข่าวเกี่ยวกับ bitcoin ซึ่งในแต่ละโพสต์ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามเป็นร้อยๆข้อความ จนสุดท้ายของทาง Bitconnect ก็แถลงชี้แจงว่า:

(แปล: พวกเรายังคาดหวังว่า BCC จะได้มูลค่ากลับคืนมาใหม่ และคุณสามารถถือเหรียญได้ผ่านกระเป๋าเงินบนเว็บไซต์หรือไม่ก็โอนย้ายมันไปยัง กระเป๋า QT แทน พวกเรายังคงทำการสนับสนุนให้ BCC ได้รับมูลค่ากลับมาใหม่ @bitconnect)

ทางบริษัท Bitconnect ได้กล่าวรับประกันว่านักลงทุนทุกคนจะได้รับเงินคืนอย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้ นักลงทุน Bitconnect ได้แสดงความรู้สึก “สิ้นหวัง”, “เหลือเชื่อ” ฯลฯ บนโซเชียลมีเดียเช่น Reddit แล้ว มีนักลงทุนคนหนึ่งได้เล่าว่าตนได้นำเงินที่ตนออมมาทั้งชีวิตกว่า 500,000 ดอลลาร์ไปลงทุนใน Bitconnect “เพื่อที่จะได้เห็นมันหายไปโดยพริบตา”

The post หลังจากปิดแพลทฟอร์มไป Bitconnect เปิดการระดุมทุน ICO หวังกำไรอีก 500 ล้านดอลลาร์ appeared first on Siam Blockchain.

ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียสร้างห้องทดลอง Blockchain

Sberbank ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย (เมื่อวัดผ่านจำนวนสินทรัพย์ที่ครอบครอง) ได้เปิดใช้ห้องทดลอง blockchain เพื่อการพัฒนา ทดลอง และก็นำร่องโครงการ blockchain ต่างๆ

ห้องทดลองที่ถูกจัดตั้งใหม่นี้มุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาทางออกด้านธุรกิจให้มีวงกว้างมากขึ้นสำหรับ Sberbank รวมถึงจะร่วมมือกับธุรกิจสตาร์ทอัพ สมาคม ชุมชน และพันธมิตรต่างๆในการเผยแผ่ความตระหนักรู้ รวมถึงการพัฒนาระบบ blockchain ต่อไป

ผู้เชี่ยวชาญด้าน blockchain จะเข้าห้องทดลองนี้ในฐานะพนักงานคนใหม่ และจะต้องทำงานด้วยกันภายในห้องทดลองโดยพวกที่มีประสบการณ์ในการสร้างและประยุกต์ใช้ทางแก้ไขสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินและผลิตภัณฑ์บริษัทที่มีอยู่ตอนนี้ เมื่อมีคนมาควบคุมการทำงานแล้ว ห้องทดลองก็จะสามารถเริ่ม “ทดสอบวิธีที่ล้ำสมัยในการแก้ปัญหา, แบ่งปันความคิดสำหรับเพื่อการสร้างทางออกผ่านระบบ blockchain, สร้างต้นแบบสินค้า, ดำเนินการโครงการนำร่อง, และการนำวิธีแก้ปัญหาธุรกิจมาประยุกต์ใช้กับ Sberbank Group”

ในคำแถลงการณ์ รองประธานอาวุโสของ Sberbank Igor Bulantsev ได้กล่าวว่า

“Blockchain สามารถที่จะเปลี่ยนโฉมธุรกิจในหลายๆด้านเกี่ยวข้องกับตลาดการเงิน รวมถึงขั้นตอนหลักต่าง ๆ ของธนาคารและลูกค้า… อีกอย่างที่ต้องบอกคือ blockchain จะช่วยให้ผู้ร่วมตลาดสามารถมาร่วมมือกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

ทาง Sberbank อ้างว่าพวกตนได้เริ่มลงมือทำโครงการนำร่องมากว่า 20 โครงการแล้ว ซึ่งก็รวมไปด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐในการพยายามสร้างระบบการแลกเปลี่ยนเอกสารที่มีการปกป้องโดยการล็อครหัส (encrypted)

ทาง Sberbank เองก็ยังเป็นสมาชิกในกิจการค้าร่วมด้าน open-source blockchain ถึงสองแห่ง หลังจากที่ล้มเหลวในการเข้าร่วมกิจการค้าด้านการธนาคาร blockchain นำโดยบริษัทจากนิวยอร์กนามว่า R3 ธนาคารรัสเซียแห่งนี้ก็เลยเข้าร่วมเป็นสมาชิกในโครงการข้ามอุตสาหกรรม Hyperledger Blockchain ในเดือนกันยายนปี 2016 ในปีต่อมา Sberbank ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก Enterprise Ethereum Alliance (EEA) ทำให้กลายเป็นสถาบันการเงินรัสเซียแห่งแรกที่ได้เข้าร่วมคณะทำงานเพื่อพัฒนาหาทางออกที่ดีขึ้นด้านวิสาหกิจผ่านเทคโนโลยี open-source Ethereum Sberbank ยังเป็นผู้เข้าร่วมที่ถูกรับเลือกใน ‘Masterchain’ – แม่แบบระบบ blockchain Ethereum ใช้งานโดยธนาคารกลางรัสเซียเพื่อที่จะทดสอบการทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร (interbank)

ห้องทดลอง blockchain ของ Sberbank นั้นจะปฏิบัติตามการทำนายของ CEO ผู้เป็นนักสนับสนุนระบบ bitcoin Herman Gref เขาได้กล่าวว่า “การใช้เทคโนโลยี blockchain สำหรับกิจกรรมด้านพาณิชยการ” จะเกิดขึ้นในปี 2019

The post ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียสร้างห้องทดลอง Blockchain appeared first on Siam Blockchain.

เกมสุนัข Tron (TRX) Dogs จะมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษสัปดาห์หน้า ราคากลับขึ้นมา 50%

Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron (TRX) เพิ่งได้ประกาศว่าเขาจะปล่อยเกมของเขานามว่า “Tron Dogs” เป็นเวอร์ชั่นอังกฤษในวันจันทร์นี้

เกม Tron Dogs นั้นคล้ายคลึงกับเกมที่ Cryptokitties ที่ซึ่งผู้เล่นจะสามารถซื้อสัตว์เลี้ยงด้วย cryptocurrency และนำมันไปเพาะพันธุ์กับสัตว์เลี้ยงของผู้ใช้ผู้อื่น แต่ Cryptokitties นั้นทำงานบนระบบ Ethereum แมวหรือสุนัขแต่ละตัวนั้นจะมีบุคลิกภาพหลากหลายแบบ แต่ Tron Dogs จะแตกต่างตรงที่ว่าสัตว์สามารถแต่งตัวได้ ในตอนนี้ ผู้ใช้ที่ไม่ได้อยู่ในประเทศจีนบางคนก็ได้โหลดปลั๊กอินแปลภาษาของ Google ไปนำใช้ในการแปลเกมเวอร์ชั่นจีนด้วย

เกม Tron Dogs นี้กำลังที่จะปล่อยเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เกาหลี และญึ่ปุ่นในวันที่ 22 มกราคม และสำหรับในวันที่ 29 มกราคม ระบบการสะสมและเพาะพันธุ์สำหรับสัตว์ รวมถึงระบบอีเวนท์ก็จะมีให้ทุกคนได้ลองใช้กันดู

ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เกม Tron Dogs ก็จะมีเป็นเวอร์ชั่นโทรศัพท์ให้ทุกคนได้โหลดใช้กัน

วันตรุษจีนกำลังจะเริ่มขึ้นในเวลาอีกไม่ถึงเดือน เกมๆนี้จึงน่าจะมีให้โหลดกันภายในวันจันทร์ที่จะมานี้ และทุกคนทั่วโลกก็จะสามารถอ่านและเข้าใจเกมๆนี้ได้

Tron กลับมารุ่ง

อาทิดย์นี้เป็นอาทิตย์ที่หนักหนาสาหัสสำหรับ cryptocurrency เพราะหลายๆสกุลได้ร่วงลงถึง 50%ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในตอนนี้หลายๆสกุลก็ยังคงตกอยู่ในมูลค่าต่ำ แต่ดูเหมือนว่า Tron ได้หันกลับขึ้นไปด้านบนแล้ว

แหล่ง: coinmarketcap.com

Tron ได้ขึ้นไปถึง 60% ซึ่งก็อยู่ในมูลค่า $0.09 หลังจากไม่นานมานี้ มันได้ร่วงลงไปถึง $0.04 เมื่อดูจากตารางด้านบน เหรียญได้ร่วงลง -27.2% ภายในระยะหนึ่งอาทิดย์ แต่มันก็กลับมาขึ้น 166% ในระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ยังไม่แน่ใจว่าอะไรได้ปะทุให้ crypto ตัวนี้กลับขึ้นมา แต่ผมคิดว่าน่าจะมาจากโพสต์ทวิตเตอร์ล่าสุดของ Justin Sun นี่แหละ

เกม Crypto (Crypto Games)

ดูเหมือนว่าระบบเกมเพิ่งได้เจาะเข้าไปในตลาด cryptocurrency เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง มีอีกเกมหนึ่งชื่อว่า “World of Ether” เพิ่งได้วางจำหน่ายไข่ ซึ่งมันก็ใช้ระบบEthereumเหมือนกัน เกมตัวนี้คล้ายคลึงกับ Pokemon ซึ่งปีศาจแต่ละตัวมีจะมีเผ่าพันธุ์และจุดแข็งหลากหลายแบบ World of Ether นั้นแตกต่างจาก Tron Dogs และ Cryptokitties ตรงที่เกมๆนี้มีเนื้อหาที่ลึกล้ำ คุณต้องควบคุมให้ปีศาจของคุณทำการสู้รบและทำการปฏิสัมพันธ์ในหลากหลายรูปแบบ เกมนี้คาดว่าจะถูกปล่อยอย่างเต็มตัวภายในไตรมาสที่1 ของปี 2018 แต่ก็ยังไม่มีการประกาศวันที่ปล่อยเกมอย่างเป็นทางการ ในตอนนี้ ไข่กว่า 1338 ฟองได้ถูกขายบนเว็บไซต์ไปแล้ว พวกมันทั้งหมดถูกขายภายในระยะเวลาหนึ่งอาทิดย์ ไข่เหล่านี้มีราคาฟองละ .46 ETH

The post เกมสุนัข Tron (TRX) Dogs จะมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษสัปดาห์หน้า ราคากลับขึ้นมา 50% appeared first on Siam Blockchain.

Alibaba กล่าวว่าแพลตฟอร์ม P2P อันใหม่นั้นไม่เกี่ยวกับ Crypto

หลังจากที่สยามบล็อกเชนได้รายงานเมื่อวันก่อนว่า Alibaba เปิดตัวแพลตฟอร์มการขุด Cryptocurrency นั้น ทางบริษัท Alibaba ได้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา โดยปฏิเสธว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Virtual Currency หรือการขุดเหรียญ Crypto แต่อย่างใด

ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของบริษัทบนเว็บ Weibo กล่าวว่า ข่าวที่ว่าแพลตฟอร์ม “P2P Nodes” ของ Alibaba เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับ Crypto นั้นเป็นข่าวที่ไม่ถูกต้อง

ในคำแถลงการณ์นี้ยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า แพลตฟอร์มนี้เป็นการบริการส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย (CDN) แบบ P2P (Peer-to-Peer) ซึ่งให้บริการโดย Alibaba Cloud ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับปรุงความเร็วของเครือข่ายของตัวเองโดยการแบ่งปันการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ที่ไม่ได้ใช้ให้กันและกันได้

โดย “P2P Nodes” จะให้คะแนนกับผู้ใช้ที่เข้ามาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลในเครือข่าย ซึ่งแนวคิดนี้ก็จะคล้ายกับการที่นักขุดเหรียญ Bitcoin ได้รับ Bitcoin จากการเข้าไปประมวลผลในธุรกรรมนั้น ๆ

อย่างไรก็ตาม ตามคำแถลงการณ์ของ Alibaba กล่าวว่า คะแนนใน P2P Nodes นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ Cryptocurrency และไม่สามารถใช้ได้ทั้วไป เพียงแต่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าที่อยู่ในร้านค้าบนแพลตฟอร์มของตัวเองได้เท่านั้น

คำแถลงการณ์ของบริษัทได้กล่าวเพิ่มเติมว่า:

“พวกเราขอย้ำว่า Alibaba Cloud ไม่เคยคิดจะออกสกุลเงินดิจิตอลเช่น Bitcoin และจะไม่มีแพลตฟอร์มในการขุดเหรียญ Cryptocurrency แน่นอน”

The post Alibaba กล่าวว่าแพลตฟอร์ม P2P อันใหม่นั้นไม่เกี่ยวกับ Crypto appeared first on Siam Blockchain.

“Bitcoin จะมีราคา 25,000 ดอลลาร์ในปี 2018” กล่าวโดยนาย Tom Lee

ผู้ร่วมก่อตั้งและนักวิเคราะห์จาก Fundstat นาย Tom Lee ได้ทำนายว่าราคา Bitcoin จะขึ้นไปแตะ 25,000 ดอลลาร์ภายในปี 2018 ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2018 โดยก่อนหน้านี้นาย Lee เคยพยากรณ์ว่า Bitcoin จะสามารถทำราคานี้ได้ในปี 2022

เขายังบอกกับทาง CNBC อีกว่า ในปี 2022 จะได้เห็นราคาของ Bitcoin ไปแตะที่ 125,000 ดอลลาร์

การคาดเดาของนาย Lee มาหลังจากสัปดาห์ของความผันผวนของราคาตลาด Crypto โดยราคา Bitcoin ได้ตกต่ำถึง 10,000 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าช่วงราคาตกเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมปี 2017 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้าช่วงนั้น Bitcoin มีราคาสูงสุดเป็นประวัติกาลที่ 20,000 ดอลลาร์

นาย Lee คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin ที่ตกลงมาถึง 9,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้นั้น จะกลายมาเป็นราคาขั้นต่ำสำหรับราคา Bitcoin ในปีนี้ ซึ่งเขาเห็นว่าราคาในช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่จะช้อนซื้อ

“พวกเราคาดว่าราคา Bitcoin จะตกลงมาที่ 9,000 ดอลลาร์ และพวกเราควรจะเข้าซื้อในช่วงเวลานี้ เรามองว่านี่เป็นโอกาสในการซื้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2018 เลยทีเดียว”

นาย Lee ยังคาดการณ์เกี่ยวกับ Altcoin ที่เหลือ เช่น Ethereum และ Ethereum Classic ว่าจะมีการเติบโตประมาณที่ 90% ภายในสิ้นปีนี้และอีก 50% เป็นของเหรียญ NEO

และวันนี้ตลาด Crypto ก็เริ่มเด้งกลับมาแล้ว โดยราคา Bitcoin นั้นเด้งกลับมาประมาณ 15% และเหรียญ Altcoin 20 อันดับแรก ก็เด้งกลับมาที่ 70% ภายในเวลา 24 ชั่วโมงจนถึงขณะที่เขียนบทความ

The post “Bitcoin จะมีราคา 25,000 ดอลลาร์ในปี 2018” กล่าวโดยนาย Tom Lee appeared first on Siam Blockchain.

Hardware Wallet สำหรับ Cryptocurrency นาม Ledger ได้ 75 ล้านดอลลาร์จากการระดมทุน Series B

Ledger หรือ Hardware Wallet สำหรับ Cryptocurrency สัญชาติฝรั่งเศส ได้ 75 ล้านดอลลาร์จากการระดมทุน Series B

ในการประกาศในวันนี้ บริษัท Draper Esprit ที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรรวมถึง Draper Venture Network, FirstMark Capital, Cathay Innovation, และ Korelya Capital และผู้ร่วมลงทุนที่มีอยู่แล้วเช่น  CapHorn Invest, GDTRE และ Digital Currency Group ก็มีส่วนร่วมในรอบนี้

โดย Ledger วางแผนที่จะใช้เงินทุนที่ได้นี้เพื่อขยายธุรกิจท่ามกลางความนิยมของ Cryptocurrency ในตอนนี้

นาย Eric Larcheveque CEO ของ Ledger แสดงความคิดเห็นว่า:

“เงินที่ได้จากการระดมทุนนี้จะถูกนำมาใช้ในการวิจัยและพัฒนาเป็นหลัก รวมถึงใช้เพื่อขยายกิจการและกระจายทีมของเราไปทั่วโลก”

นอกจากนี้ บริษัทยังกล่าวอีกว่ากำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ในการจัดเก็บข้อมูลสำหรับ Cryptocurrency ใหม่ชื่อว่า “Ledger Vault” โดยสินค้าตัวนี้จะเน้นไปที่นักลงทุนสถาบัน เช่น ธนาคารและกองทุน Hedge Fund

เมื่อปี 2014 บริษัท Ledger ได้ออก Hardware Wallet สำหรับ Cryptocurrency เพื่อจัดเก็บ Private Keys และการระดมทุนครั้งนี้ก็เกิดขึ้นเกือบหนึ่งปีหลังจากที่บริษัทปิดการระดมทุนในรอบของ Series A ด้วยเงินทุนมูลค่า 7 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมีนาคม 2017

The post Hardware Wallet สำหรับ Cryptocurrency นาม Ledger ได้ 75 ล้านดอลลาร์จากการระดมทุน Series B appeared first on Siam Blockchain.

สองพี่น้อง Winklevoss สูญเสียเงินเป็นพันล้านดอลลาร์หลังราคา Bitcoin ร่วงตกเหว

คิดว่าคุณกำลังเครียดจากการตกของมูลค่า Bitcoin งั้นหรอ? ใจชื้นหน่อยได้เลย เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ใช่ Tyler และ Cameron Winklevoss

ฝาแฝดคู่นี้ (พวกเขาได้มีชื่อเสียงมากที่สุดผ่านการพยายามแต่ล้มเหลวในการนำ Facebook ให้มาอยู่ในการควบคุมของพวกเขาหลังได้อ้างว่า Facebook ได้ลอกและขโมยแนวคิดของพวกเขา) เพิ่งได้สูญเสียเงินไป $922 ล้าน เมื่อมูลค่า cryptocurrency ได้ร่วงลง

ด้วยวอลเลทที่มี bitcoin ประมาณ 120,000 BTC พี่น้อง Winklevoss นั้นมีโอกาสความเสี่ยงที่สูงกว่าผู้คนอื่นๆต่อความผันผวนทางตลาดที่เกิดขึ้นบ่อยในไม่นานมานี้ แต่ไม่ต้องหลั่งน้ำตาให้มากเกินไป พวกเขายังรวยมากๆ ยังคงเป็นเศรษฐีพันล้าน bitcoin

4 ปีที่แล้ว ฝาแฝดคู่นี้ได้นำเงิน 11 ล้านดอลลาร์ ไปลงทุนใน bitcoin  จนในขณะนี้ ก็ยังไม่มีรายงานใด ๆ ที่ระบุว่าเขาทำการขายใดๆทั้งสิ้น พวกเขาวางแผนที่จะนั่งรอ ดูมูลค่าของพวกมันเพิ่มพูน ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ได้เป็นพยานต่อความมหัศจรรย์ไปแล้วหลัง Winklevoss ได้นำเงินส่วนหนึ่งจาก $65ล้าน ที่พวกเขาได้มาจากการฟ้องชนะบริษัท Facebook มาซื้อ Bitcoin โดยในตอนนั้นเหรียญยังมีมูลค่าอยู่ที่ 120 ดอลลาร์เท่านั้น ในวันพฤหัสบดีล่าสุด ราคามันอยู่ที่ 11,854 ดอลลาร์ แล้ว นั่นก็ทำให้จำนวนมูลค่าที่พวกเขายังถือไว้นั้น อยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์

แต่สองพี่น้องก็ไม่ได้วางแผนเพียงที่จะเก็บกำไรผ่านการถือมันเพียงเท่านั้น ปีที่แล้วพวกเขาได้พยายามที่จะสร้างระบบเทรดกองทุน ETF ที่แบคด้วยราคาของ Bitcoin แต่ก็ต้องล้มเลิกหลังโดนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (United States Securities and Exchange Commission: SEC) ปฏิเสธคำขอ โดยได้อ้างว่ามันเข้าข่ายการหลอกลวง ซึ่งหากพวกเขาสำเร็จละก็ มันคงได้เปิดประตูให้แก่นักลงทุนสถาบันทั้งหลายให้เข้ามาลงทุนในสกุล Bitcoin อย่างกว้างขวางขึ้น

The post สองพี่น้อง Winklevoss สูญเสียเงินเป็นพันล้านดอลลาร์หลังราคา Bitcoin ร่วงตกเหว appeared first on Siam Blockchain.

Morgan Stanley ประกาศที่จะช่วยลูกค้าชำระราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Bitcoin Futures

Morgan Stanley ธนาคารผู้ให้บริการด้านการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 บนโลก ได้ทำการชำระราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Bitcoin Futures อย่างเงียบๆให้กับลูกค้า ซึ่งนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายจำนวนมากของธนาคารสำหรับการประยุกต์ใช้ cryptocurrency ให้มากขึ้นไปอีก

Morgan Stanley ได้มาเป็นแกนนำจากกลุ่มธนาคารของ Wall Street แห่งที่สองที่ทำการเสนอขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Bitcoin Futures ให้กับลูกค้า หลังจากที่ Goldman Sachs ได้เริ่มเสนอขายตอนเดือนที่แล้ว นักบริหารการเงินอาวุโสของ Morgan Stanley Jonathan Pruzan ได้กล่าวกับ Bloomberg ว่าทางธนาคารได้ชำระราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Bitcoin Futures ให้แก่ “ลูกค้าจากสถาบันรายใหญ่”

Bitcoin ได้เข้ามาสู่ Wall Street ตอนเดือนที่ผ่านมาหลังได้มีการเริ่มเปิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าบนกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนของ CBOE ตอนวันที่ 10 ธันวาคมและของ CME Group ในวันที่ 18 ธันวาคม

นอกจากนั้น Pruzan ได้บอกต่อว่าทางธนาคารมักที่จะรวมตัวและทำการประชุมภายในอยู่ตลอดพร้อมกับบรรดาผู้บริหารในเรื่องว่า “มีวิธีอื่นในการมีส่วนร่วมกับ cryptocurrencies อีกมั้ย”

ในขณะที่เขาได้เสงี่ยมหงิมเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องการซื้อหลักทรัพย์เพื่อส่งมอบกรณีผู้ขายผิดนัด (buy-ins) หรือหลักประกันเงินกู้ (collateral) สำหรับการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า bitcoin futures เขาได้กล่าวเพิ่มว่า

 “ถ้ามีใครอยากจะเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า [bitcoin] ขึ้นมา และต้องการรับหลักทรัพย์เป็นเงินสดละก็ เราจะจัดให้ ไม่ใช่ว่าเรามีงานเยอะนะ แต่ว่าสิ่งนี้ก็มีเพื่อลูกค้าจากสถาบันรายใหญ่สำคัญๆที่ใคร่จะเข้าร่วมธุรกรรมอนุพันธ์”

ความผันผวนของ Bitcoin เป็นปัจจัยหนึ่งสำหรับการกำหนดระดับ margin ในการเทรด เขาได้เผย และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้บริหารของ Morgan Stanley ได้คอย “ติดตามเฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิดมาก” ถึงความเป็นไปได้ในการขยายการบริการให้ครอบคลุมถึงลูกค้าที่สนใจcrypto ผ่านการดูแลสภาพคล่อง [market-making] (ซึ่งก็จะทำให้ Morgan Stanley ต้องหันมาถือ cryptocurrencies) หรือแม้กระทั่งการนำ cryptocurrencies ของลูกค้ามาเก็บไว้ก่อน

ตรงกันข้ามคู่อริแห่งอืนใน Wall Street วิถีแห่งการอ้าแขนเปิดรับต่อกระแส cryptocurrencies ของทาง Morgan Stanley นั้นได้เปรยมานับตั้งแต่ปีก่อนโดยผู้บริหารสูงสุด James Gorman แล้ว ในงานสาธารณะบนเวที นักธนาคารผู้ทรงอิทธิพลถูกถามว่าเขาคิดอย่างไรเรื่อง cryptocurrencies ซึ่งผู้บริหารของ JP Morgan Jamie Dimon ได้ให้คำกล่าวอย่างถี่ๆเป็นอาทิดย์ๆว่า bitcoin คือ “เรื่องหลอกลวง” จนได้ถูกกล่าวขานทั่ววงการ ซึ่ง Dimon ก็ได้กล่าวในเวลาต่อมาแล้วว่าตนรู้สึกผิดที่พูดอย่างนั้น

Gorman ผู้ได้แสดงความคิดเห็นว่า bitcoin ไม่ควรที่จะถูกทำให้ “ผิดกฎหมาย” ได้กล่าวไว้ว่า

   “มันเป็นการพัฒนาที่น่าติดตาม และเป็นอะไรมากกว่าแค่กระแสแฟชั่นแน่นอน”

การเสนอขาย cryptocurrency ของ Goldman Sachs และ Morgan Stanley แตกต่างอย่างขาวดำจากท่าทีบริษัทด้านโบรคเกอร์ Merrill Lynch ของธนาคารแห่งอเมริกา ที่ได้ทำการปิดกั้นลูกค้าและที่ปรึกษาไม่ให้เข้าร่วมในการลงทุน bitcoin

The post Morgan Stanley ประกาศที่จะช่วยลูกค้าชำระราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Bitcoin Futures appeared first on Siam Blockchain.

ประเทศเบลารุสเตรียมทำให้ Cryptocurrency ถูกกฎหมายและปลอดภาษีในเดือนมีนาคมนี้

Thursday, January 18, 2018

ราคา Bitcoin ต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์ในรอบ 6 สัปดาห์

กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ปิดกั้นไม่ให้ทหารเข้าเว็บเทรด Cryptocurrency ในประเทศได้

กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้เริ่มปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มเทรด Cryptocurrency ในฐานทัพทหาร

ขณะที่เจ้าหน้าที่การเงินของเกาหลีไต้กำลังพิจารณาที่จะควบคุมตลาดเทรด Cryptocurrency ในประเทศมากขึ้นกว่าเดิม กองทัพทหารของเกาหลีใต้ก็กำลังตัดสินใจและบังคับใช้มาตรการของตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้ทหารในประเทศสามารถเทรด Cryptocurrency เช่น Bitcoin ภายในประเทศได้ อ้างอิงจากเว็บ Korea Times

กระทรวงกลาโหมเริ่มวางระบบเพื่อป้องกันไม่ให้ทหารสามารถเข้าเว็บเทรด Cryptocurrency ตามร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในฐานทัพต่าง ๆ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

ในประกาศของกระทรวงกล่าวว่า:

“ตามกฏภายในกระทรวง เราจะค่อย ๆ ปิดการเข้าถึงเว็บเทรด Cryptocurrency โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์นี้”

โดย “กฏภายใน” ได้จัดเว็บเทรด Cryptocurrency ให้เป็นประเภทเดียวกันกับเว็บการพนันและเว็บไซต์ลามกอนาจาร ซึ่งก็ถูกบล็อกเหมือนกันภายใต้กฏระเบียบของทางทหารเกาหลี นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมยังได้ดำเนินการเพิ่มข้อบังคับเกี่ยวกับการเทรด Cryptocurrency นอกเหนือจากเรื่องปิดกั้นการเข้าถึงแพลตฟอร์มการซื้อขาย Cryptocurrency

“เราจะประกาศมาตรการตอบโต้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมด้าน Cryptocurrency ในค่ายทหาร” เจ้าหน้าที่ในกระทรวงได้รายงานว่า “ทางกระทรวงกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาภายในเพื่อยืนยันว่าสิ่งนี้ขัดต่อข้อบังคับของกองทัพหรือไม่”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกระทรวงยุติธรรมของประเทศเกาหลีใต้ได้เสนอให้มีร่างกฏหมายในการแบนเว็บเทรด Cryptocurrency ทั้งหมดในประเทศ แต่ก็เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที จึงเป็นการบังคับให้ประธานาธิบดีออกแถลงการณ์ในเรื่องดังกล่าว กระทรวงยุติธรรมไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องการแบนเว็บเทรด Cryptocurrency จากหน่วยงานรัฐและกระทรวงการคลังจึงทำให้เรื่องการแบนเว็บเทรด Cryptocurrency นั้นไม่เกิดขึ้น

The post กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ปิดกั้นไม่ให้ทหารเข้าเว็บเทรด Cryptocurrency ในประเทศได้ appeared first on Siam Blockchain.

ราคาตลาด Cryptocurrency ยังคงต่ำลงไปอีก Ethereum, Ripple และ Altcoin ลดลง 20%

ตลาด Cryptocurrency ยังคงมีอัตราการลดลงของราคาอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยเหรียญดังอย่าง Ripple, Ethereum และ Bitcoin Cash มีราคาลดลงประมาณ 20%

นับตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม มูลค่าตลาด Cryptocurrency ลดลงจากเจ็ดแสนล้านดอลลาร์เหลือห้าแสนล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ตลาดแสดงสัญญาณการฟื้นตัว เห็นได้จากมูลค่าตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นจากสี่แสนห้าหมื่นล้านดอลลาร์เป็นห้าหมื่นสามพันล้านดอลลาร์

ราคา Bitcoin ลดลงเล็กน้อย และ Altcoin ตกฮวบ

การที่จะบอกว่าราคา Bitcoin นั้นตกลงมาเพียงนิดเดียว ในขณะที่ราคา Altcoin ตกฮวบนั้นไม่เป็นความจริง โดยจากสถิติที่จะเห็นได้ว่า Cryptocurrency ตัวใหญ่ ๆ นั้นมีมูลค่าลดลงมากกว่า Cryptocurrency ตัวเล็ก ๆ ในตลาดเสียอีก

ราคา Bitcoin นั้นลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Ethereum, Ripple และ Bitcoin Cash แต่โดยรวมแล้วราคา Bitcoin ก็ลดลงมากกว่า 15% เลยทีเดียว โดยนับตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ลดลงจาก 19,000 ดอลลาร์เป็น 11,000 ดอลลาร์

นอกจากนี้ ยังไม่ควรตัดสินว่าราคาของ Cryptocurrency ที่ลดลงนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากการแบนเว็บเทรด Cryptocurrency ในประเทศจีนและเกาหลีใต้ เพราะจริง ๆ แล้ว รัฐบาลจีนนั้นแบนการซื้อขาย Cryptocurrency ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2017 ซึ่งปัจจุบันนี้ volume ในตลาดจีนแทบไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ ต่อมูลค่าตลาด Cryptocurrency ทั่วโลกเลย

นักลงทุนจำนวนมากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เนื่องจากราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็วของ Cryptocurrency แต่จริง ๆ แล้ว ตลาด Cryptocurrency ก็มักมีการทำ Correction ประมาณ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์อย่างสม่ำเสมออยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ธนาคารกลาง (PBoC) และหน่วยงานของจีนมีคำสั่งแบน ICO รวมไปถึงแบนเว็บเทรด Cryptocurrency ก็ทำให้ราคาของ Ethereum ลดลงถึง 30%

หรือจะเป็นการ Correction ที่ยาวนานเกินไป

เมื่อกลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา Cryptocurrency ในตลาดมีมูลค่าเกินกว่าห้าแสนล้านดอลลาร์ ซึ่งนาย Vitalik Buterin เจ้าของ Ethereum ก็ได้ออกมากล่าวว่าเขามีความกังวลเรื่องมูลค่าของเหรียญส่วนมากในตลาด

โดยเขาได้ตั้งคำถามว่า ตลาดเหรียญรวมไปถึงเหรียญต่าง ๆ ที่อยู่ในตลาดตอนนี้มีศักยภาพเพียงพอไหมที่จะทำให้มูลค่าตลาดของ Cryptocurrency สูงถึงห้าแสนล้านดอลลาร์? นาย Buterin ยังเน้นย้ำว่า ถึงแม้ Cryptocurrency ดัง ๆ เช่น Bitcoin และ Ethereum จะมีการให้บริการอย่างเพียงพอแก่ประชาชนและผู้บริโภคทั่วไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้มีศักยภาพมากเท่ามูลค่าของมันในขณะนี้

The post ราคาตลาด Cryptocurrency ยังคงต่ำลงไปอีก Ethereum, Ripple และ Altcoin ลดลง 20% appeared first on Siam Blockchain.

เว็บไซต์ Bitconnect ถูกปิดหลังจากถูกผู้ดูแลกฏหมายสั่งเตือน

บริษัทที่อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งในวงการ Cryptocurrency นาม Bitconnect ได้ประกาศว่าจะปิดแพลตฟอร์มปล่อยกู้และตลาด Exchange ลง

การให้บริการกู้เงินของ Bitconnect ได้ถูกระงับอย่างทันที โดยขณะที่แพลตฟอร์มด้าน Exchange นี้จะถูกปิดภายในห้าวันอ้างอิงจากโพสต์บนเว็บไซต์ของ Bitconnect เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

“ในระยะสั้นนี้ทางเราจะปิดบริการด้านการให้กู้เงินและบริการ Exchange ในขณะที่เว็บ BitConnect.co จะยังคงเปิดให้บริการในส่วนของกระเก็บเหรียญ Cryptocurrency, การให้บริการข่าวสาร และด้านการศึกษาต่อไป” ในโพสต์ได้อธิบายเอาไว้

การประกาศดังกล่าวได้กล่าวโทษปัจจัยต่าง ๆ มากมาย แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ Bitconnect ถูกรัฐบาลรัฐเท็กซัสและนอร์ทแคโรไลนาประกาศห้ามซื้อขายมาแล้วก่อนหน้านี้

โดยรัฐทั้งสองได้ประกาศว่า BitConnect มีส่วนร่วมในการขาย Token โดยที่ไม่ได้มีการลงทะเบียนเอาไว้

“เราได้รับจดหมายให้หยุดและเลิกให้บริการสองฉบับจาก คณะกรรมการหลักทรัพย์แห่งรัฐเท็กซัส (Texas State Securities Board) และจากแผนกหลักทรัพย์แห่งมลรัฐนอร์ทแคโรไลนา” ทีมของ BitConnect ได้เขียนไว้ “การกระทำเหล่านี้ได้กลายเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานของแพลตฟอร์มเนื่องด้วยกฏหมาย”

ในโพสต์นั้นยังตำหนิว่า “เป็นสื่อที่ไม่ดี” เพราะจะทำให้ “สมาชิกในชุมชนมีความไม่สบายใจและสร้างความไม่มั่นใจในตัวแพลตฟอร์ม”

ทีม BitConnect ยังคงตำหนิการโจมตีแบบ DDoS จากผู้ไม่ประสงค์ดีต่อพวกเขาอีกด้วย

ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม บัญชี Twitter ของ BitConnect ได้อ้างว่าการโจมตีแบบ DDoS ทำให้เว็บไซต์ของบริษัทเกิดปัญหา

“นี่ไม่ใช่จุดจบของชุมชนนี้ เราแค่กำลังจะปิดบริการบางอย่างบนแพลตฟอร์มบนเว็บไซต์เท่านั้น และเราจะให้บริการด้าน Cyptocurrency ต่อไปในอนาคต”

ทีมงานกล่าว

บางทีพวกเขาอาจจะให้ความสนใจทางด้านการฝึกกล่องเสียงและการร้องเพลงมากกว่าการลงทุนในตัวคริปโตก็เป็นได้

The post เว็บไซต์ Bitconnect ถูกปิดหลังจากถูกผู้ดูแลกฏหมายสั่งเตือน appeared first on Siam Blockchain.

Wednesday, January 17, 2018

รายงานอย่างไม่เป็นทางการ: Alibaba เปิดตัวแพลตฟอร์มการขุด Cryptocurrency อย่างเงียบ ๆ

บริษัท E-Commerce นาม Alibaba ของจีนได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการขุดเหรียญ Cryptocurrency อย่างเงียบ ๆ ตามการรายงานจากสื่อท้องถิ่นและยังไม่ได้รับการยืนยัน

ตามข่าวของ Tencent บริษัท Alibaba ได้ลงจดเบียนแพลตฟอร์มที่เรียกว่า “P2P Nodes” ในวันที่ 10 ตุลาคมปี 2017 ที่ผ่านมา

“Alibaba ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มการขุดเหรียญ Cryptocurrency ที่เรียกว่า “P2P Nodes” โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มนี้คือบริษัท Alibaba East China Ltd. มีการจดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมาที่เมืองนานกิง”

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าแพลตฟอร์มนี้มีการเปิดให้ผู้ใช้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง

ข่าวดังกล่าวได้รับความสนใจจากชาวตะวันตกอย่างมาก โดยทวิตเตอร์นาม cnLedger ได้ทวีตว่า Alibaba อาจรวมแพลตฟอร์มดังกล่าวเข้ากับแพลตฟอร์ม E-Commerce

โดยอีกข่าวหนึ่งของง Tencent ยังรายงานอีกว่า นี่จะเป็นแพลตฟอร์มแบบ Third-Party ซึ่งน่าจะหมายความว่าระบบนี้จะให้บริการการขุด Cryptocurrency ในรูปแบบ Cloud โดยให้ผู้ใช้สามารถเช่า hashpower จากบริษัทได้

ในรายงานกล่าวว่า Alibaba กำลัง “ระมัดระวัง” มากเกี่ยวกับโครงการนี้ และในขณะที่ผู้ใช้งานสามารถถอนเงินสดผ่าน Alipay ได้ แต่พวกเขาไม่สามารถถอนเหรียญที่พวกเขาขุดได้โดยตรงตามข้อกำหนดในการให้บริการ

และหากข่าวนี้เป็นความจริง นี่จะเป็นการเปลี่ยนแนวคิดกะทันหันของ Alibaba โดยผู้ก่อตั้งนาย Jack Ma เพิ่งให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่าบริษัทจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับ ธุรกิจ Cryptocurrency

ซึ่งช่วงเวลาของข่าวนี้ยังมีนัยสำคัญเนื่องจากธนาคารกลางจีนกำลังพยายามควบคุมอุตสาหกรรมเกี่ยวกับ Cryptocurrency ในประเทศอีกด้วย

 

The post รายงานอย่างไม่เป็นทางการ: Alibaba เปิดตัวแพลตฟอร์มการขุด Cryptocurrency อย่างเงียบ ๆ appeared first on Siam Blockchain.

ราคา Bitcoin จะพุ่งไปแตะ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2018 โดยนักวิเคราะห์จากธนาคาร Saxo

นักวิเคราะห์ผู้หนึ่งจากธนาคาร Saxo Bank กล่าวว่าเขาเชื่อว่าราคาของ Bitcoin นั้นอาจจะพุ่งขึ้นไปแตะ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2018 เนื่องจากความสนใจของสถาบันนักลงทุนนั้นมีมากขึ้น

สถาบันนักลงทุนขนาดใหญ่อาจผลักราคา Bitcoin ขึ้นแตะ 100,000 ดอลลาร์

นาย Kay Van-Petersen ผู้ที่เคยออกมาสร้างกระแสเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เขาเคยทำนายว่าราคาของ Bitcoin อาจจะพุ่งขึ้นไปแตะ 2,000 ดอลลาร์ในปี 2017 ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมาแล้ว

ราคา Bitcoin ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งปีเพื่อไปถึงจุดดังกล่าว โดยหลังจากที่ทะลุผ่าน 2,000 ดอลลาร์ได้แล้วนั้น ราคาของมันก็ยังคงวิ่งผ่านคำทำนายของใครอีกหลาย ๆ คนจนกระทั่งไปปิดที่เกือบถึง 14,000 ดอลลาร์เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

โดยในตอนนี้ นาย Van-Petersen ได้กลับมาอีกครั้ง เขาให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า เขานั้นเชื่อว่าราคาของ Bitcoin อาจจะไปแตะระดับ 50,000 หรือ 100,000 ก่อนช่วงสิ้นปี 2018 โดยจะเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 300-700% จากมูลค่าของเมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา

“ขั้นแรก คุณสามารถเถียงได้ว่าเราได้เห็นการ correction ของ Bitcoin โดยมันมีการกลับตัวลงกว่า 50% มาแล้วช่วงหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องดีต่อตลาด แต่เรายังไม่ได้เห็นผลกระทบแบบเต็มที่จากสัญญา futures” เขากล่าว

โดยนาย Van-Petersen ยังกล่าวต่อด้วยว่าการขึ้นของราคาในครั้งหน้าที่จะถึงนี้จะเป็นฝีมือของสถาบันนักลงทุนที่เพิ่งจะเริ่มกระโดดเข้ามาในตลาดเมื่อไม่นานนี้

นอกจากนี้กลุ่ม hedge fund และบริษัทนักลงทุน venture captital ก็เริ่มที่จะลงทุนใน Bitcoin แล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริษัท Founders Fund ของนาย Peter Thiel

นอกจากนี้ทางผู้ให้บริการซื้อขายตลาดฟิวเจอร์ยักษ์ใหญ่อย่าง CBOE และ CME ยังได้ทำการเปิดตัวตลาด Bitcoin Futures ที่ถูกกฎหมายเป็นแห่งแรกใน Wall Street แต่กระนั้นกลุ่ม hedge fund เหล่านั้นก็ยังล้มเหลวที่จะเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF อยู่ เนื่องจากปัญหาด้านกฎหมาย

แม้จะมีราคาเพิ่มขึ้นมามากกว่า 1,500% จากเมื่อปีที่แล้ว แต่ลักษณะตลาดของ Bitcoin ก็ยังคงชะลอตัวลงมาตั้งแต่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในช่วงปีใหม่มานี้ ราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงมากกว่า 9% และมันยังคงอยู่ในระดับ 40% ห่างจากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเมื่อเดือนธันวาคมปี 2017

ดูเหมือนว่านาย Van-Petersen จะไม่กังวลเท่าไรนัก เขากล่าวว่า Bitcoin นั้นมักจะอยู่ในช่วง consolidate ในระดับราคาที่ต่ำ ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดที่ใหม่กว่า

“ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันเป็นอะไรที่เรากำลังอยากจะเห็นมัน” เขากล่าว “มันกำลังสร้างฐานของมัน และจะเพิ่มขึ้นสูงไปกว่านี้อีกหน่อยในภายหลัง”

Ethereum อาจจะเอาชนะ Bitcoin

แม้ว่าเขาจะมอง Bitcoin เป็นตัวนำ แต่นาย Van-Petersen เชื่อว่า Ethereum จะกลายเป็นราชาแห่งเหรียญ cryptocurrency ตัวใหม่ในปีนี้

โดยเขานั้นให้เหตุผลว่า Ethereum มี “ลักษณะการรวมความเป็นผู้นำมากกว่า Bitcoin” และเชื่อว่าเหรียญดังกล่าวจะเติบโตไวกว่า Bitcoin

ซึ่งนั่นจะส่งผลทำให้การทำธุรกรรมผ่าน Ethereum บนเครือข่ายมีมากขึ้น และจะสามารถเอาชนะ Bitcoin ไปได้ในที่สุด

The post ราคา Bitcoin จะพุ่งไปแตะ 100,000 ดอลลาร์ในปี 2018 โดยนักวิเคราะห์จากธนาคาร Saxo appeared first on Siam Blockchain.

รัฐบาลจีนเตรียมปราบปรามแพลทฟอร์ม Blockchain ปลอมในประเทศกว่า 3,000 แห่ง

รายงานจากสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศจีน (CCTV 2) ได้เผยให้เห็นถึงการร่วมมือกันระหว่างธนาคารกลางแห่งประเทศจีน, กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และหน่วยงานด้านกฎหมายอื่น ๆ เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมด้านการเงินที่แฝงตัวมากับนวัติกรรมด้านการเงิน

เหรียญโทเค็นกว่า 2,000 ตัวบนแพลทฟอร์มปลอมกว่า 3,000 แห่ง

ธนาคารกลางแห่งประเทศจีน, ศาลฎีกาสูงสุด, ศาลฎีกา, กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และ กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ จะทำการร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับอาชญากรและนักต้มตุ๋นทางไซเบอร์ในประเทศ อ้างอิงจาก CCTV 2

โดยธนาคารกลางแห่งประเทศจีนนั้นถือเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุด และเป็นผู้ควบคุมกระทรวงความมั่นคงสาธารณะที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 2 ล้านนายทั่วประเทศได้เล็งเห็นถึงภัยมืดที่เป็นเงาตามตัวนวัตกรรมด้านการเงิน ซึ่งก็คือ darknet ในประเทศ โดยส่วนใหญ่นั้นมีตั้งแต่การหลอกลวงผ่านทางโทรศัพท์ ไปจนถึงการตุ้มตุ๋นในระดับสูงหรือมืออาชีพ

นาย Li Xuyang หรือหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยและต่อต้านการฉ้อโกงจาก Tencent AI Lab ได้กล่าวว่า blockchain นั้นได้กลายเป็นเครื่องมือหากินที่มาแรงตัวใหม่ ท่ามกลางนักตุ้มตุ๋น

“ไม่นานมานี้ โปรเจ็คใหม่ ๆ นั้นมักจะแนวคิดของ cryptocurrency เพื่อสร้างเหรียญโทเค็นใหม่ผ่าน blockchain เราได้เห็นเหรียญ token กว่า 2,000 ตัวบนแพลทฟอร์มปลอมกว่า 3,000 แห่งที่ช่วยกันมาโฆษณาผลิตภัณฑ์ต้มตุ๋นเหล่านั้น”

แคมเปญพิเศษ?

กลุ่มหน่วยงานรัฐบาลดังกล่าวได้เน้นย้ำว่าทางผู้ออกกฎหมายในประเทศควรที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมด้านการเงิน และช่วยกันส่งเสริมกลุ่มชุมชนที่ช่วยเหลือด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

นาย Shi Jun หรือรองประธานของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะกล่าวว่าพวกเขาจะเริ่มต้นแคมเปญพิเศษเพื่อปราบปรามการหลอกลวงผ่านอินเทอร์เนตในทุก ๆ รูปแบบ

โดยแคมเปญพิเศษเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดข่าวลือว่ากระทรวงความมั่นคงสาธารณะอาจจะจับกุมกลุ่มผู้มีอิทธิพลในประเทศเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู “ในวงการ cryptocurrency นั้นเต็มไปด้วยการเก็งกำไรและการหลอกลวง” กล่าวโดยบุคคลสาธารณะคนหนึ่งที่มีผู้ติดตามบน Weibo กว่า 1 ล้านคน

ที่น่าสนใจคือ ภายหลังจากนั้นผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ให้บริการกระเป๋าคริปโตในจีนนามว่า Bixin Wallet ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะหยุดให้บริการการซื้อขายแบบ OTC ในวันที่ 17 มกราคมเนื่องจาก “ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย”

The post รัฐบาลจีนเตรียมปราบปรามแพลทฟอร์ม Blockchain ปลอมในประเทศกว่า 3,000 แห่ง appeared first on Siam Blockchain.

รายงาน : ประเทศจีนกำลังจะแบนตลาดซื้อขายเหรียญคริปโตแบบ Centralized

การควบคุม Cryptocurrency ของประเทศจีนนั้นยังคงดำเนินต่อไป โดยมีรายงานล่าสุดว่าผู้ออกกฎหมายทางด้านการเงินของจีนได้วางแผนที่จะบล็อกการเข้าถึงเว็บเทรดคริปโตที่ให้บริการซื้อขายเหรียญ Centralised ทั้งเว็บที่อยู่ในและนอกประเทศจีน

เป็นเวลาปีกว่าหลังจากที่ประเทศจีนเริ่มควบคุมระบบของคริปโตภายในประเทศ โดยจะเริ่มเพิ่มระดับการควบคุมมากขึ้นเรื่อย ๆ Bloomberg รายงานว่าผู้มีอำนาจของประเทศจีนกำลังชั่งใจว่าจะ “บล็อกการเข้าถึงเว็บเทรดต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ให้บริการซื้อขายเหรียญ Centralized

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการพูดถึงการทำธุรกรรมแบบ peer-to-peer ด้วย Bitcoin หรือ Cryptocurrencies อื่น ๆ แต่อย่างใด

จากบันทึกการประชุมภายในของรัฐบาล Reuters รายงานว่า นาย Pan Gongsheng รองผู้ว่าแห่งธนาคารประชาชนของประเทศจีน (People’s Bank of China : PBoC) ได้ขอให้รัฐบาลแบนการเทรดเหรียญบนแพลทฟอร์มแบบ Centralized โดยนาย Pan ยังได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ระดับต่าง ๆ พุ่งเป้าไปที่ตลาดซื้อขายแบบ Centralized และตลาดที่ให้บริการด้าน Bitcoin โดยจะแบนทั้งบุคคลและองค์กรใด ๆ ที่ให้บริการ, รับประกัน หรือแม้แต่ให้บริการกระเป๋าสตางค์ออนไลน์แก่สกุลเงิน Centralized ทั้งหลาย

นาย Pan ยังเรียกผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตมาเพื่อสั่งให้จำกัดการเข้าถึงและตรวจสอบผู้ใช้บริการไม่ให้สามารถเข้าใช้เว็บเทรดคริปโตทั้งของจีนและของต่างประเทศ รวมไปถึงแอปบนมือถือต่าง ๆ ที่ได้ให้บริการการซื้อขายเหรียญ Centralized และเขายังเรียกเจ้าหน้าที่จากภาคส่วนต่าง ๆ ให้มาตรวจสอบองค์กรที่ให้บริการส่งและโอนเงินออกนอกประเทศอีกด้วย

“เราไม่ควรให้การสนับสนุนพวกนวัตกรรมการเงินปลอม ๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจที่แท้จริง”

จากข่าวเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาที่ธนาคารกลางของประเทศจีนได้พยายามลดจำนวนของนักขุด Bitcoin ภายในประเทศ ทำให้เหล่านักขุดหาออกไปหาประเทศอื่น ๆ เพื่อขุดแทน เช่น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์และประเทศแคนาดา

The post รายงาน : ประเทศจีนกำลังจะแบนตลาดซื้อขายเหรียญคริปโตแบบ Centralized appeared first on Siam Blockchain.

ตลาดเหรียญคริปโตนองเลือดทั้งกระดาน ราคาเหรียญ Bitcoin, Ripple และอื่น ๆ ร่วงอย่างหนัก

วันนี้วันที่ 16 มกราคมซึ่งเป็นอีกวันที่ตลาดเหรียญ cryptocurrency เกิดการ correction อย่างหนักเป็นครั้งที่สามในรอบ 10 วันที่ผ่านมา โดยราคาของเหรียญคริปโตตัวใหญ่ ๆ อย่าง Bitcoin, Ripple, Ethereum และ Bitcoin Cash ได้ร่วงลงกว่า 10% ในขณะที่เหรียญตัวเล็ก ๆ อื่น ๆ นั้นมีอัตราการการร่วงลงที่มากกว่า

กระนั้น ดูเหมือนว่าเหรียญที่ได้รับการยกเว้นในกรณีดังกล่าวจะเป็น NEO และ Monero หากนำมาเทียบกับเหรียญ 20 อันดับแรกอื่น ๆ อย่าง Ripple, Cardano, Bitcoin Cash, Stellar, EOS, Dash, Tron, Bitcoin Gold, และ Ethereum Classic.

เหรียญตัวเล็กร่วงหนัก

ในขณะเดียวกัน เหรียญสกุลอื่น ๆ ที่มีมูลค่าตลาดรวมน้อยกว่า และอยู่นอกอันดับท็อป 10 นั้นได้มีอัตราการร่วงลงมากกว่า แม้แต่เหรียญที่มีอัตราการซื้อขายสูงมากในเกาหลีใต้อย่าง Qtum และ EOS ก็ตกลงอย่างรุนแรงเช่นกัน แม้ว่าตลาดเหรียญคริปโตในประเทศดังกล่าวเพิ่งจะฟื้นตัวจากข่าวร้ายของรัฐบาลมาแล้วก็ตาม

กระนั้น การปรับฐานของราคาล่าสุดดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากเกาหลีใต้หรือจีน เนื่องจากว่าข่าวร้ายจากทั้งสองประเทศนั้นได้ซาลงไปแล้ว แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าการร่วงดังกล่าวของราคานั้นเกิดจากกลไกตลาด cryptocurrency ที่จะเกิดการปรับฐานในช่วงระยะสั้นเป็นเรื่องปกติ

ภายในช่วงเวลา 30 วันที่ผ่านมา มูลค่าตลาดรวมของเหรียญคริปโตเพิ่มขึ้นมาจาก 5.4 แสนล้านดอลลาร์ไปสู่ 8.4 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเหรียญ TRON ที่ไม่มีผู้ใช้งานมากพอ, ไม่มี decentralized app มากพอ และกิจกรรมการใช้งานจริงมากพอที่จะสร้างมูลค่าที่แท้จริงให้กับตลาดได้

อย่างไรก็ตาม ในด้านของเทคโนโลยีเบื้องหลังของเหรียญ cryptocurrency ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เนื่องจากว่าเทคโนโลยีของ TRON นั้นค่อนข้างที่จะล้ำสมัย แต่ว่ามันไม่มีผู้ใช้งานที่มากพอ โดยก่อนหน้านี้นาย Vitalik Buterin หรือผู้ก่อตั้ง Ethereum กล่าวว่า

“แหม มูลค่าตลาดเหรียญคริปโตเพิ่งจะแตะ 0.5 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ แต่เราได้ถึงจุดนั้นแล้วหรือยัง? มีผู้คนกี่คนแล้วที่เราได้ช่วยพวกเขาให้เข้าถึงธนาคาร? มีผู้คนกี่คนที่เราได้ช่วยเหลือพวกเขาในด้านการเซนเซอร์ข้อมูลส่วนตัวเพื่อการค้า? มีแอพแบบ decentralized ที่เราสร้างออกมาและมีการใช้งานจริงทั้งหมดกี่แอพ?

เมื่อสามปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาดรวมของเหรียญคริปโตได้เพิ่มขึ้นกว่า 200 เท่า แต่ผมไม่รู้สึกเลยว่าศักยภาพของมันเพิ่มขึ้นไปถึง 200 เท่า ในบางส่วน (การจ่ายเงิน) ศักยภาพของมันถดถอยลงด้วยซ้ำ

คำตอบของสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดไม่ใช่เลข 0 แน่ และในบางกรณีมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ไม่สำคัญถึงในระดับที่จะบอกว่าระดับ 0.5 ล้านล้านดอลลาร์นั้นสำคัญ มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”

หากลองพิจารณาแล้ว ดูเหมือนว่าระบบ blockchain แบบสาธารณะนั้นยังไม่ได้เผยให้เห็นถึงความสำเร็จของศักยภาพความเป็น decentralized ที่แท้จริงผ่านแอพต่าง ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่ตลาดเหรียญ cryptocurrency จะเกิดเหตุการณ์การ correction บ้างเป็นเรื่องธรรมดา และหากมันเกิดนั้น ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว นั่นถือเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าตลาดนั้นกำลัง “มีสุขภาพที่ดี” จากการพักตัว และอาจพร้อมทะยานต่อก็ได้

The post ตลาดเหรียญคริปโตนองเลือดทั้งกระดาน ราคาเหรียญ Bitcoin, Ripple และอื่น ๆ ร่วงอย่างหนัก appeared first on Siam Blockchain.

Tuesday, January 16, 2018

Jaymart ประกาศเปิดขาย ICO ดึงผู้ก่อตั้ง ZCoin เข้าร่วมทีมที่ปรึกษา

ราคาเหรียญ NEO พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 180 ดอลลาร์ ราคาตลาดเหรียญอื่น ๆ ร่วง

ท่ามกลางภาวะที่ซบเซาของของตลาด Cryptocurrency เหรียญ NEO ก็ยังมีราคาที่พุ่งขึ้นถึง 25% เป็น 174 ดอลลาร์ ในเวลาที่เขียนบทความนี้ (อ้างอิงจาก Coinmarketcap) ในช่วงเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ท่ามกลางการ Correction ของราคาตลาด Cryptocurrency

ปัจจัยที่น่าจะเป็นไปได้

แล้วอะไรคือคำอธิบายของความยืดหยุ่นของเหรียญ NEO ท่ามกลางการ Correction ของตลาดในตอนนี้? การเพิ่มขึ้นของการระดมทุน ICO ที่หันมาใช้แพลตฟอร์ม NEO แทนที่จะใช้แพลตฟอร์ม Ethereum เนื่องจากไม่มีค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมและยังได้ค่า GAS และมีปริมาณที่จำกัด ICO ทั้งหลายใช้ NEO เพื่อทำ Smart Contract ของพวกเขา และคนที่ถือ NEO ก็ยังได้รับปันผลจากการใช้ GAS อีกด้วย

นอกจากนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่จะเขียน Smart Contract บนแพลตฟอร์ม Ethereum จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษา Solidity ตรงกันข้ามกับ NEO ที่เขียนด้วยภาษา C# และ Java จึงทำให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์หันมาเข้าร่วม Community นี้เพื่อมาสนับสนุนในการพัฒนาแพลตฟอร์มนี้มากขึ้นในหัวข้อของเว็บ Reddit: BTC คือ Crypto 1.0, ETH คือ Crypto 2.0 และ NEO คือ Crypto 3.0

ด้วยราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ NEO นับเป็น Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 9 โดย Coinmarketcap

อ้างอิงจาก Coinmarketcap การ Correction นี้ทำให้มูลค่าทางตลาดของ Cryptocurrency ลดลงไป ห้าหมื่นล้านดอลลาร์ จากวันที่ 13 มกราคม

The post ราคาเหรียญ NEO พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 180 ดอลลาร์ ราคาตลาดเหรียญอื่น ๆ ร่วง appeared first on Siam Blockchain.

3 เว็บยักษ์ใหญ่จะกลายเป็นรูปแบบ Decentralized บนระบบ Blockchain

เว็บไซต์ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเรา และเหตุนี้เองบริษัททางด้านออนไลน์จึงเติบโตขึ้นราวกับเสาหินขนาดใหญ่ที่ทรงพลัง

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงสิ่งที่เราชอบต่าง ๆ ได้ เช่น เพลงภาพยนตร์และการช้อปปิ้ง เทคโนโลยี Blockchain จะทำให้ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของแต่ละคนอาจได้รับการปรับปรุงอย่างมากแน่นอนด้วยระบบ Decentralized

ในปัจจุบันเว็บไซต์และฐานข้อมูลยังเป็นในรูปแบบของบริษัทหรือองค์กรอยู่ แต่ถ้าเว็บไซต์เหล่านี้กลายเป็นรูปแบบของ Decentralized ฐานข้อมูลจะไม่ได้อยู่ที่ผู้สร้างเว็บไซต์แล้ว จะกลายไปอยู่กับ Community ของเว็บไซต์เหล่านั้น และ Community ก็จะสามารถสร้างรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างกันไปเป็นจำนวนมากตามฐานข้อมูลที่มี

ถ้าเว็บไซต์เหล่านี้เป็นระบบ Decentralized ตั้งแต่เริ่มเปิดเว็บ ลองนึกภาพดูว่าคุณสามารถมี Social Media ตัวแรกของคุณที่ชื่อว่า Frienster ในปี 2003 หลังจากนั้นเมื่อ MySpace เปิดตัว คุณไม่ต้องไปสร้าง Profile ใหม่แล้ว เพียงคุณให้ Permission กับทาง MySpace เพื่อที่จะให้เข้าถึงสิ่งที่คุณเคยได้ทำไว้แล้วในเว็บ Friendster ได้เลย เหมือนกับ Facebook นั่นแหละ

และข้อดีเหล่านี้จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะช่วยให้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นผู้ครอบครองตลาด Dot-Com หรือไม่?

ผู้ประกอบการและนักลงทุนรายต่าง ๆ ที่มีเงินลงทุนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมหรือในปัจจุบันที่เรียกว่า การระดมทุน ICO ก็กำลังทำการเดิมพันกับมันไว้เรียบร้อยแล้ว

และการระดมทุน ICO ไม่ใช่แค่มีกลไกสำหรับบริษัท Start Up ด้านระบบ Blockchain เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำหรับผู้ใช้งานที่จะสามารถตอบโต้กับเครือข่าย Blockchain เหล่านี้ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่เรียกว่า “Web 3.0” และตอนนี้ก็กำลังเติบโตด้วย

และสามเว็บด้านล่างต่อไปนี้ ทางบริษัท Start Up ด้านระบบ Blockchain ก็เริ่มที่จะมีเป้าหมายที่จะเข้ามาเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดโดยการใช้ Crypto Token นั่นเอง

ขจัด eBay ทิ้ง?

หลายคนจินตนาการว่าการที่โฟกัสตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน (Marketplace) โดยการขขายสินค้าประเภทเดียวจะเป็นการมอบประสบการณ์ให้ลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น แต่ eBay ได้มีรูปแบบเว็บไซต์ของการมีสินค้าที่หลากหลายซึ่งเป็นการพิสูจน์แล้วว่าความคิดแรกนั้นผิด ปรากฎว่าเป็นการดีกว่าที่จะขายหนังสือการ์ตูนในเว็บที่จำหน่ายชิ้นส่วนจักรยานด้วยเนื่องจากอาจมีใครบางคนมาหาซื้อก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นการจดจำเว็บไซต์เพียงหนึ่งเว็บไซต์เดียว ในการซื้อของนั้นเป็นสิ่งที่ง่ายกว่ามาก

แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดผู้ขายในการเสนอขายสินค้าตัวอื่นบนเว็บไซต์เฉพาะและเว็บไซต์ทั่วไปอย่าง eBay ได้ ทาง eBay ก็ต้องใช้ Software ที่มีความซับซ้อนเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าชิ้นเดียวกันนั้นจะไม่ถูกขายเป็นครั้งที่สองและ eBay ก็ไม่อยากทำให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นง่ายด้วย

แต่ถ้าผู้บริโภคมีทั้งสองอย่างแล้วล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังสือการ์ตูนอยู่ในฐานข้อมูลเดียวกับสินค้าอื่น ๆ ทั้งหมด แต่อาจมีการสร้างเว็บไซต์ที่แตกต่างกันไปด้วยข้อมูลนั้นหรือเปล่า? ด้วยเหตุนี้รายชื่ออาจปรากฏในตลาดที่แตกต่างกัน แต่ถ้าหากสินค้าใดถูกขายแล้วในเว็บหนึ่งเว็บที่เหลือก็จะขึ้นว่าขายแล้วเช่นกัน

นั้นอาจเป็นไปได้ตามที่นาย Gee Chuang ซีอีโอของ Listia สร้างตลาดที่อัพเกรดจาก eBay ด้วยการใช้ระบบของ Decentralized ซึ่งถูกเรียกว่า Ink Protocol โดยเขากล่าวว่า:

“วิสัยทัศน์ของบริษัท Ink Protocol คือการเป็นตลาดร้านค้าแบบ Decentralized ที่ใช้ระบบ Peer-to-Peer โดยที่ไม่มีบริษัทมาเป็นตัวกลางในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งผู้ซื้อผู้ขายจะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมดดังนั้นมูลค่าที่มากขึ้นก็จะถูกแจกจ่ายไปยังผู้ใช้งานจริง”

นาย Chuang กล่าวถึงประโยชน์ของตลาดแบบ Decentralized ว่า “ผู้ขายในตลาดแบบ Decentralized นี้มีอิสระในการที่จะเลือกใช้ Platform ที่เขาชอบ ที่ไหนก็ได้และเวลาใดก็ได้ ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังสามารถนำชื่อเสียงที่พวกเขาได้นั้นติดตัวเขาในทุกที่ที่เขาไป”

เลิกดู YouTube

Youtube คือเว็บอันดับหนึ่งของโลกในการแชร์และค้นหาวีดีโอ

แม้ว่าเว็บไซต์นี้ได้สร้างเส้นทางอาชีพใหม่สำหรับผู้สร้างเนื้อหาแล้วก็ตาม แต่ความตึงเครียดระหว่างผู้สร้างและผู้ดูแลระบบส่วนกลางเหล่านั้นก็ยังคงร้อนระอุอยู่เช่นกัน

ผู้สร้างเนื้อหาบน Youtube ก็กำลังประสบกับการลดส่วนแบ่งทางรายได้ของ Youtube โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการดึงโฆษณาจากวีดีโอของตน แต่หากพวกเขามีการสงสัยว่าวีดีโอนั้นมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวหรือไม่เหมาะสมรายได้ก็จะลดลง ผู้ใช้ยังมีการบ่นว่ามีโฆษณามากไปบนเว็บไซต์

บริษัท Start Up ยุคใหม่เชื่อว่าระบบ Decentralized จะทำให้แพลตฟอร์มของพวกเขาสามรถสร้างเนื้อหาและสามารถโต้ตอบผู้ชมได้โดยตรงโดยใช้ Token ของ Cryptocurrency และในขณะเดียวกันผู้ใช้จะได้ตัวเลือกที่มากขึ้นในการสร้างรายได้ พวกเขาสามารถดูโฆษณา ให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือแม้แต่การมีส่วนร่วมในการประมวลผลของตนเพื่อการทำงานของระบบ

นาย Adrian Garelik CEO ของ Flixxo กล่าวว่า “Bittorrent ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 250 ล้านคนทั่วโลกได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถส่งเนื้อหาที่มีคุณภาพดีในลักษณะ Decentralized และยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจด้วย” Flixxo คือแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอที่เป็นระบบ Decentralized ที่ปิดการขาย Token ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

อ้างอิงตามผู้สร้าง Flixxo ผู้ใช้แพลตฟอร์มสามารถแชร์ไฟล์แบบ Peer-to-Peer และต้องใช้ระบบการชำระเงินแบบ Peer-to-Peer ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้แพลตฟอร์มมีประโยชน์มากขึ้น และนั่นก็ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่แชร์กันในกลุ่มบริษัท Start Up ที่ใช้ระบบ Blockchain ที่กำลังมองหาการแชร์กันด้วยระบบ Decentralized รวมไปถึงการ Stream, Theta และ Livepeer และแต่ละอันก็ Token เป็นของตนเอง

ทำลาย Apple Music

คุณอาจต้องใช้เวลานานหลายปีในการซื้อและดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดที่ทำให้หัวใจของคุณเต้นเร็วเมื่อคุณอยู่ที่โรงยิมหรือทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นหลังจากวันที่ยาวนานของการทำงาน ซึ่งอาจเป็น Soundtrack ที่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตของคุณ

และรสนิยมของคุณในการฟังเพลงเหล่านี้มีความสำคัญต่อบริษัท Apple ซึ่งเป็นผู้ควบคุมตลาดเพลงออนไลน์ เนื่องจากผู้ฟังจะได้มีส่วนร่วมในตลาดของ Apple Music พวกเขาได้สร้างทรัพย์สินทางปัญญาของตนเองโดยการสร้างเพลย์ลิสต์ติดตามศิลปินและตั้งค่าสถานะเพลงโปรดของพวกเขา

และข้อมูลดังกล่าวมีส่วนช่วยให้ Marketplace สามารถที่จะติดตามและควบคุมได้จนทำให้ผู้ใช้ ไม่สามารถไปใช้บริการของตัวอื่นได้

อ้างอิงจากนาย Jesse Grushack จากบริษัท Ujo ผู้ให้บริการฟังเพลงด้วยระบบ Blockchain กล่าวว่า:

“เรากำลังถูกขังอยู่ในระบบแบบ Centralized เหล่านี้ ซึ่งยังถูกควบคุมโดยยักษ์ใหญ่จากองค์กร”

แม้กระทั่งวงการเพลงทั่วไปก็เห็นประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นในการใช้ระบบ Blockchain และ Cryptocurrency อย่างเช่นนักร้องชาวไอซ์แลนด์ Bjork ที่ประกาศในเดือนพฤศจิกายนเมื่อปี 2017 ว่าเธอจะยอมรับการชำระเงินแบบ Cryptocurrency สำหรับการซื้ออัลบั้มที่ 4 ของเธอ และอดีตผู้บริหาร Universal Music Group ได้ระดมทุน 1.2 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคมในปี 2017 สำหรับแพลตฟอร์มการบริหารจัดการสิทธิ์เพลงที่เรียกว่า Blokur ซึ่งใช้ Blockchainโดยใช้แพลตฟอร์ม Ethereum ในการใช้งาน

ขณะนี้แม้ว่า บริษัท จะมุ่งเน้นไปที่แนวคิด “ป้ายแฟนคลับแบบพกพา” (portable fan badge) โดย Token ที่เหมือนกับเครื่องมือในการเชื่อมโยงข้อมูลเฉพาะตัวกับข้อมูล ดังนั้นแฟนเพลงของคุณก็สามารถถ่ายทอดไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี แนวเพลงที่ชื่นชอบ ประเภทของตลาดเพลงได้ และด้วยวิธีนี้ทางนาย Grushack กล่าวว่านักดนตรีจริง ๆ จะได้รู้ว่าใครเป็นแฟนคลับของพวกเขา แล้วก็สามารถทำการตลาดโดยสามารถยิงเนื้อหาใหม่ ๆ ได้โดยตรงกับแฟนคลับได้เลย

The post 3 เว็บยักษ์ใหญ่จะกลายเป็นรูปแบบ Decentralized บนระบบ Blockchain appeared first on Siam Blockchain.

ประเทศเวเนซูเอลาร้องขอให้อีก 10 ประเทศยอมรับ Cryptocurrency ของตน

นาย Nicolas Maduro ประธานาธิบดีแห่งประเทศเวเนซุเอลาได้เรียกให้ประเทศต่าง ๆ จำนวน 10 ประเทศมาเพื่อยอมรับใน Petro ซึ่งเป็น Cryptocurrency ของเวเนซุเอลาที่มีน้ำมันหนุนหลังอยู่ นับเป็นความเคลื่อนไหวของเขาหลังจากรัฐสภาเวเนซุเอลาประกาศว่า Petro นั้นผิดกฏหมาย

ข้อเสนอของนาย Maduro

นาย Maduro ได้จัดการประชุมระหว่างองค์กรเพื่อสังคม การเมือง และเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในละตินอเมริกาและแถบแคริบเบียน (Bolivarian Alliance for the Peoples of Our America – Treaty of Commerce of the Peoples : Alba – TCP) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยองค์กร Alba นั้นประกอบไปด้วย 11 ประเทศรวมถึงเวเนซุเอลาด้วย

โดยการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนาย Maduro ได้เรียกให้อีก 10 ประเทศใน Alba มารวมตัวกันเพื่อให้ยอมรับการสร้างเหรียญ Petro โดยอ้างว่ามันเป็นหนึ่งในแนวทางที่ชัดเจนในการดำเนินการเพื่อรวมกลุ่มประเทศในศตวรรษที่ 21

ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังมีการประกาศเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว Petro ก็กลายเป็นหัวข้อแห่งความขัดแย้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยหลังใช้น้ำมันดิบจำนวนมากกว่า 5 พันล้านบาเรลในการหนุนหลัง Cryptocurrency นี้ นาย Maduro ก็สั่งให้ออกเหรียญ Petro เป็นจำนวน 100 ล้านเหรียญแรกทันที รวมถึงจัดการประชุมระหว่างเหล่านักขุดอีกด้วย

โดยนาย Carlos Vargas ผู้ควบคุม Cryptocurrencies ได้ประกาศในสัปดาห์นี้ว่า คาดว่าเหรียญ Petro จะเปิดตัวในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า และเหรียญบางส่วนได้ถูกขุดไปแล้วก่อนที่จะนำมาเปิดตัว (pre-mined)

อย่างไรก็ตาม เพียง 1 วันก่อนการประกาศของนาย Vargas กลุ่มประชาชนในระบอบประชาธิปไตยแห่งชาติ (Constituent National Assembly : CNA) ได้ประกาศว่า Petro นั้นผิดกฏหมาย อีกทั้งผู้แทนในรัฐสภาของประเทศเวเนซุเอลาก็ได้ลงมติเอกฉันท์ให้การเปิดตัวของเหรียญนี้เป็นโมฆะ

ในการประชุมล่าสุดที่จัดโดยธนาคารกลางของประเทศเวเนซุเอลาเรื่อง “บทบาทหน้าที่ของวัยรุ่นเวเนซุเอลาต่อเทคโนโลยีที่เป็นปัญหา” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นาย Pedro Infante รัฐมนตรีกระทรวงวัยรุ่นและกีฬา กล่าวว่า วัยรุ่นชาวเวเนซุเอลาจะยื่นข้อเสนอต่อกลุ่ม CNA ให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นเพื่อจัดการประเด็นปัญหาเรื่อง Cryptocurrency นี้ โดยให้คณะกรรมาธิการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลายฝ่ายเพื่อที่จะได้พิจารณาร่วมกันว่าตัวบทกฏหมายใดบ้างที่จำเป็น ส่วนข้อสรุปจะเป็นอย่างไรนั้น ทางสยามบลอคเชนจะรายงานให้ทราบต่อไป

The post ประเทศเวเนซูเอลาร้องขอให้อีก 10 ประเทศยอมรับ Cryptocurrency ของตน appeared first on Siam Blockchain.

ผู้ว่าการธนาคารแห่งสิงค์โปร์ต้องการจะให้ Bitcoin รอดจาก “วิกฤต”

ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศสิงคโปร์กำลังหวังว่าเทคโนโลยีเบื้องหลัง cryptocurrency จะยังคงอยู่อยู่กับเราไปอีกนาน หลังจากที่ออกมาทำนายถึงวิกฤตของตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

นาย Ravi Menon หรือผู้ว่าฯแห่งธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้ขึ้นพูดที่งานอีเวนท์ในประเทศสิงค์โปร์ในวันนี้ โดยได้กล่าวถึงการที่เทคโนโลยี blockchain นั้นไม่ควรที่จะถูกละเลยด้วยกระแสความนิยมของ cyptocurrency หรือ Bitcoin หลังจากที่ผู้คนเลิกคลั่งในตัวมัน

โดยอ้างอิงจากรายงานของรอยเตอร์นั้น นาย Ravi กล่าวว่า

“ผมหวังว่าเมื่อกระแสมันซาลงแล้ว เมื่อการดิ่งลงของราคาเกิดขึ้น มันจะไม่ไปทำให้ความสนใจในตัวของเทคโนโลยีที่ดี ๆ เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลและ Blockchain นั้นหายไปด้วย”

กระนั้น ก่อนหน้านี้นาย Ravi ได้ออกมาวิจารณ์ว่า Bitcoin กับ cryptocurrecny อื่น ๆ ว่า “เป็นเพียงสิ่งที่เอาไว้ใช้ลงทุนแค่นั้น โดยมูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้น”

โดยเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว นาย Ravi กล่าวว่า “ผมคิดว่าผู้คนกำลังเข้าหา cryptocurrency ด้วยความคิดที่ผิด มันมีศักยภาพที่จะเป็นตัวใช้งานที่ดีได้”

ที่น่าสนใจคือเขากล่าวว่า cryptocurrency นั้นมีแอพในชีวิตประจำวันจริงที่สามารถรองรับมันได้ โดยเฉพาะแนวคิดเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศ แต่สามารถส่งเงินกลับไปหาบ้านเกิดของพวกเขาได้ โดยมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า และใช้เวลาส่งที่รวดเร็วกว่า

นาย Ravi กล่าวว่า

“ถ้าหากการโอนเงินระหว่างประเทศนั้นทำผ่าน blockchain โดยใช้เหรียญ cryptocurrency มันจะสามารถสร้างผลประโยชน์ได้ นั่นจึงเป็นคำถามที่น่าสนใจมากกว่าการจะมาถามว่าราคาของ Bitcoin หรือ ether จะพุ่งขึ้นหรือไม่”

ความเห็นของนาย Ravi มีขึ้นหลังจากที่เขาได้ออกมาเตือนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยออกมาแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับกระแสการเข้ามาลงทุนใน cryptocurrency ของประชาชน ซึ่งเขาบอกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาในตลาดอย่างต่อเนื่องนั้นเสี่ยงต่อการร่วงลงอย่างรุนแรงมาก

อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารกลางแห่งประเทศสิงคโปร์ยังไม่ได้ออกมาประกาศถึงการออกเหรียญ cryptocurrency ของธนาคารแต่อย่างใด แม้ว่าพวกเขาจะทำการทดสอบสร้างสกุลเงินดิจิตอลของดอลลาร์สิงคโปร์แล้วก็ตาม

The post ผู้ว่าการธนาคารแห่งสิงค์โปร์ต้องการจะให้ Bitcoin รอดจาก “วิกฤต” appeared first on Siam Blockchain.

“จะไม่มีการแบนเว็บเทรด Cryotocurrency” ยืนยันโดยรัฐบาลเกาหลีใต้

วันที่ 15 มกราคมนาย Jeong Ki-joon ซึ่งเป็นโฆษกของนาย Moon Jae-in ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ กล่าวว่าทางรัฐบาลจะไม่มีการห้ามเว็บเทรด Cryptocurrency

นาย Jeong กล่าวว่ากฎระเบียบที่รัฐบาลสร้างขึ้นจะช่วยปรับปรุงและแก้ไขข้อเสนอเดิมของกระทรวงยุติธรรมที่จะห้ามให้มีการซื้อขาย Cryptocurrency และแนะนำกฏระเบียบปฏิบัติใหม่เพื่อสนับสนุนเว็บเทรด Cryptocurrency

คำแถลงการณ์ของโฆษกนาย Jeong ทาง CNN แปลว่า:

“ประการแรกรัฐบาลเกาหลีใต้จะดำเนินการปราบปรามการบัญชีของผู้เทรด Cryptocurrency ที่ไม่ยืนยันตัวตน และจะลงโทษการจัดการของเว็บเทรด Cryptocurrency ที่มีการฟอกเงิน โดยการร่วมสืบสวนร่วมกับหน่วยงานด้านกฎหมายและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

ประการที่สองข้อเสนอในการห้ามมีเว็บเทรด Cryptocurrency โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมนาย Park Sang-ki เป็นข้อเสนอแนะเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม เพื่อนำมาควบคุมตลาด Cryptocurrency โดยข้อเสนอนี้จะมีการหารือและปรับเปลี่ยนโดยกระทรวงยุทธศาสตร์และการคลังธนาคารกลาง รวมถึงคณะกรรมาธิการการค้าที่เป็นธรรมจากหน่วยงานอื่น ๆ

ประการที่สามอาจจะมีการเก็งกำไรและการฉ้อฉลเกิดขึ้นมาก แต่รัฐบาลก็จะยังสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ต่อไป”

การห้ามชาวต่างชาติและนักลงทุนที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ในการที่จะเทรด Cryptocurrency จะถูกพิจารณาในวันที่ 20 มกราคมนี้ และภายในสิ้นเดือนนี้เว็บเทรด Cryptocurrency ของเกาหลีใต้จะเปิดให้มีการลงทะเบียนใหม่ สำหรับผู้ใช้รายใหม่และนักลงทุนรายย่อย

คำแถลงของรัฐบาลเกาหลีใต้นี้มาจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนรวมถึงนาย Nam Kyung-pil อดีตสมาชิกรัฐสภา ซึ่งได้วิพากษ์วิจารณ์วิจารณ์รัฐบาลว่าพวกเขาไม่เข้าใจตลาดและการควบคุม Cryptocurrency ให้เกิดความถูกต้อง

“การเรียก Bitcoin ว่าเป็นฟองสบู่ทิวลิปเป็นเรื่องไร้สาระของชาวเกาหลีใต้ และการลงโทษที่ไร้เหตุอันควรนั้น รัฐบาลควรโฟกัสไปที่ตลาด Crypto ถ้าไม่อยากถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง”

นาย Nam กล่าว

ตลาดเริ่มดีขึ้น

เว็บเทรด Cryptocurrency ของเกาหลีใต้ มีแพลตฟอร์มที่สำคัญเช่นเว็บ Bithumb และ Korbit ทั้งสองเว็บเริ่มส่งสัญญาณในทางที่ดีเกี่ยวกับแนวทางใหม่ที่รัฐบาลได้ใช้ควบคุมและส่งเสริมตลาดในประเทศ

โฆษกของเว็บเทรด Bithumb กล่าวกับสำนักข่าว Yonhap ว่าขณะนี้มีการบังคับใช้กฎระเบียบและเว็บเทรด Cryptocurrency จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและนโยบายใหม่นี้ เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดยังคงโปร่งใสยุติธรรมและมีเสถียรภาพ

เว็บ Yonhap รายงานเพิ่มเติมว่าบรรยากาศโดยรวมของนักลงทุนในตลาด Cryptocurrency ของเกาหลีใต้ เริ่มส่งผลในแง่ดี และเริ่มรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ในการซื้อขายและลงทุนในสกุลเงิน Cryptocurrency

ในเดือนธันวาคมนาย Kim Jin-hwa ประธานร่วมของเว็บ Korbit ระบุว่า หากรัฐบาลตั้งใจจะเก็บภาษีกับนักลงทุน และบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวด ก็ต้องจัดเตรียมพื้นที่สำหรับทั้งนักลงทุนเก่าและนักลงทุนใหม่ที่เหมาะสมนาย Kim เน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ควรสร้างกฎระเบียบที่ยากเกินไปสำหรับนักลงทุนโดยที่ตัวเองนั้นไม่เข้าใจตลาด Cryptocurrency เลย

ถึงแม้ว่าการแบนเว็บเทรด Cryptocurrency นั้นยังเป็นไปได้ตลอดเวลาและเราไม่สามารถคาดเดารัฐบาลเกาหลีใต้ได้ แต่ปัจจุบันการแบนเว็บเทรด Cryptocurrency นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยเนื่องจากมีกระแสต่อต้านกันอย่างรุนแรงจากประชาชนของตน

The post “จะไม่มีการแบนเว็บเทรด Cryotocurrency” ยืนยันโดยรัฐบาลเกาหลีใต้ appeared first on Siam Blockchain.

ธนาคารกลางของอินโดนีเซียเตือนถึงการใช้ Cryptocurrency ทั้งหมด กล่าวว่ามีความเสี่ยงสูง

ธนาคารอินโดนีเซียออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อเตือนประชาชนเกี่ยวกับการซื้อขายหรือการเทรด Cryptocurrency และยืนยันว่าสกุลเงินเหล่านี้ผิดกฎหมายของประเทศ

โดยคำแถลงนี้มีออกมาหลังจากที่มีการยืนยันอีกครั้งว่าธนาคารอินโดนีเซียจะไม่รับ Bitcoin (BTC) ในการชำระเงิน ซึ่งทำให้เว็บไซต์ที่ให้บริการเทรด Cryptocurrency ของอินโดนีเซียจำนวนสองเว็บได้แก่ BitBayar และ TokoBitcoin ประกาศปิดกิจการลง ทั้งนี้ธนาคารอินโดนีเซียยกเรื่องการนำ Cryptocurrency ไปใช้ในการฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้ายมาเป็นเหตุผลในการต่อต้าน Cryptocurrency:

“สกุลเงินดิจิตอลนี้เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่และเสี่ยงต่อการนำไปใช้ในการฟอกเงินหรือการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้าย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและก่อให้เกิดผลเสียหายทางการเงินของสังคมได้”

แม้ในขณะนี้จะยังไม่มีการแบน Bitcoin อย่างเป็นทางการในประเทศ แต่จากการอ้างอิงจาก Wikipedia ได้มีการแถลงข่าวประกาศห้ามทำกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ทั้งหมด ซึ่งการแถลงการณ์ในครั้งนี้นั้นรุนแรงกว่าแถลงการณ์อันก่อนที่เพียงแนะนำให้ประชาชนระวัง Bitcoin เท่านั้น

รัฐบาลแอลจีเรียกำลังดำเนินขั้นตอนการแบน Cryptoโดยมีรายงานว่ามีการร่างกฏหมายด้านการเงินในปี 2018 ที่จะทำให้เจ้าของ Bitcoin รวมถึงการเทรดเหรียญนี้ในประเทศนั้นผิดกฏหมาย และในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทางศาสนาสูงสุดของอียิปต์นามว่านาย Grand Mufti Shawki Allam ประกาศว่า Bitcoin ผิดกฎหมายของศาสนาอิสลามโดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการฟอกเงินและการระดมเงินเพื่อก่อการร้ายด้วยเช่นกัน

The post ธนาคารกลางของอินโดนีเซียเตือนถึงการใช้ Cryptocurrency ทั้งหมด กล่าวว่ามีความเสี่ยงสูง appeared first on Siam Blockchain.