Sunday, December 31, 2017

ราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า 13000 อีกครั้ง เม็ดเงินไหลออกไปสู่ตลาด Ripple

ราคาของเหรียญราชาแห่ง Cryptocurrency ที่แท้จริงอย่าง Bitcoin ได้ร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 13,000 ดอลลาร์เป็นครั้งที่สองของเดือนธันวาคม ตามมาด้วยการ correction ของราคาที่ส่งผลทำให้ร่วงลงไปถึงระดับ 11,500 ดอลลาร์

ส่วนแบ่งการตลาด Bitcoin ลงต่ำถึง 37.9%

นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ถึงสาเหตุการร่วงลงของราคา Bitcoin ล่าสุดนั้นเกิดจากเม็ดเงินนั้นได้ไหลไปตลาดของเหรียญอื่น ๆ อย่างเช่น Ripple แลพ Cardano

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าตลาดรวมของ Ripple ได้เพิ่มขึ้นกว่า 100% และทะลุระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ และแม้ว่าภายหลังจะเกิดการ correction ในหลังจากนั้น แต่ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของมันก็ยังอยู่สูงกว่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งครองตำแหน่งอันดับสองของโลก และเตะให้เหรียญ Ethereum ร่วงลงไปอยู่อันดับที่สามแทน

แม้ว่าในปี 2017 นี้เหรียญ Ethereum จะมีการประกาศโปรเจ็คการพัฒนาระบบที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ hard fork ตัว Metropolis และการเผยแผนการพัฒนา Casper แต่ท้ายที่สุดนั้นก็ยังต้องแพ้ให้กับอำนาจของเหรียญที่มีความเป็น Centralized สูงอย่าง Ripple

นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมาที่ส่วนแบ่งการตลาดของ Bitcoin นั้นได้ร่วงลงต่ำกว่า 38% โดยเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวได้ร่วงลงไปถึง 37.9% ซึ่งใกล้จะถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 37.39%

จากในอดีตที่ผ่านมา Bitcoin ได้แสดงให้เห็นถึงปรากฎการณ์ที่เมื่อมูลค่าของเหรียญโังกล่าวเพิ่มขึ้น มูลค่าของตลาดเหรียญ altcoin ก็จะร่วงลง หากแต่ในครั้งนี้ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะตรงกันข้าม

กระนั้น การร่วงลงของราคาในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นโดยอาการ FOMO (กลัวที่จะตกรถ) ของนักลงทุน Bitcoin ที่รีบหันไปซื้อ Ripple แทน

The post ราคา Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า 13000 อีกครั้ง เม็ดเงินไหลออกไปสู่ตลาด Ripple appeared first on Siam Blockchain.

Ripple เหรียญที่ถูก Pre-Mine และมีความเป็น Centralized สูงจะสามารถเอาชนะ Bitcoin ได้หรือไม่

“เลิกเรียก Bitcoin ว่าเป็นอีกสกุลเงินได้แล้ว” กล่าวโดย ผู้ว่าธนาคารกลางสหภาพยุโรป

นายธนาคารของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปต่างออกมาพูดถึงหัวข้อเกี่ยวกับ Cryptocurrency ที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลกอย่าง Bitcoin เนื่องมาจากราคาที่สูงขึ้นอย่างมากในปีนี้ที่ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์หลายอย่าง รวมไปถึงอาชญากรรมไซเบอร์

ล่าสุดผู้ว่าของธนาคารชาติของประเทศเบลเยี่ยมหรือ NBB ออกมากล่าวว่า “ผู้คนจำนวนมากควรได้รับการเตือนเกี่ยวกับ Cryptocurrency ว่ามันไม่ควรถูกมองว่าเป็นสกุลเงินเลยแม้แต่นิดเดียว”

นาย Jan ไม่ใช่ผู้ที่คลั่งไคล้ Bitcoin ตัวยง

“เราต้องยอมรับในนวัตกรรมและประสิทธิภาพของมันในระบบการชำระเงิน” นาย Jan Smets ผู้ว่าของ NBB ตอบเมื่อถูกถามถึงบทบาทของ Cryptocurrency ในสหภาพยุโรป

NBB เป็นธนาคารกลางของประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Eurosystem อันประกอบด้วยสมาชิกของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป โดยมีนาย Smets (เสม็ด) อายุ 66 ปี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารมาตั้งแต่ปี 2015 หลังจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีถึง 2 สมัย นอกจากการดำรงตำแหน่งที่ NBB แล้ว นาย Smets ยังร่วมเป็นคณะกรรมการและผู้บรรยายในงานด้านการเงินต่าง ๆ มากมาย

ในรายการ De Vrije Markt นาย Smets กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องเตือนทุกคนเกี่ยวกับ Bitcoin เนื่องจากผู้ที่ลงทุนอาจประสบภาวะขาดทุนอย่างรุนแรงได้” การพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Bitcoin นั้นอาจสร้างหายนะให้แก่เศรษฐกิจในวงกว้างเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของมัน “ถึงแม้ว่าความเสี่ยงในขณะนี้ยังมีไม่มากนักก็ตาม” นาย Smet เสริม

ไม่ใช่สกุลเงิน

แถลงการณ์เกี่ยวกับ Bitcoin จาก NBB ครั้งก่อนในงานแถลงการณ์ร่วมระหว่างสถาบันการเงินของเบลเยี่ยมและฝ่ายบริหารเมื่อฤดูร้อนปี 2014 นั้น มีการเตือนถึงการที่ Bitcoin นั้นไม่มีหน่วยงานรับรองว่ามีมูลค่าและใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย, การถูก Hack, ความผันผวน และความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนใน Bitcoin ทั้งหลายคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีแถลงการณ์นี้ ประเทศเบลเยี่ยมนับเป็นประเทศแนวหน้าด้าน Cryptocurrency ในยุโรปเลยทีเดียว

ผ่านมา 3 ปีครึ่ง นาย Smets แสดงความกังวลถึงอำนาจการซื้อของ Cryptocurrency โดยเขาได้ชี้ให้เห็นถึงความไม่มั่นคงของมัน โดยยกตัวอย่างจากกรณีที่เกิดจากบริษัท Tether กับธนาคารกลางของทวีปยุโรป การที่ราคา Bitcoin เพิ่มจาก 1,000 ดอลลาร์ในต้นปี 2017 ไปเป็นประมาณ 15,000 ดอลลาร์ เป็นสิ่งที่สนับสนุนข้อโต้แย้งของเขาได้เป็นอย่างดี เขากล่าว

สุดท้ายผู้ว่าธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปได้กล่าวว่า “กรุณาหยุดนิยาม Bitcoin ว่าเป็นสกุลเงินชนิดหนึ่ง มันไม่เหมือนเงินยูโรเพราะ Bitcoin ไม่มีการรับรองโดยธนาคารกลางหรือรัฐบาลว่าสามารถใช้ชำระหนี้ได้ ดังนั้น Bitcoin นั้นไม่ควรถูกนับเป็นสกุลเงิน” เขากล่าว

The post “เลิกเรียก Bitcoin ว่าเป็นอีกสกุลเงินได้แล้ว” กล่าวโดย ผู้ว่าธนาคารกลางสหภาพยุโรป appeared first on Siam Blockchain.

เว็บเทรดเหรียญคริปโตชื่อดัง Poloniex ประกาศให้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลส่วนตัวแล้ว

หนึ่งในเว็บผู้ให้บริการซื้อขาย cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดและนานที่สุดกำลังเตรียมยกระดับการลงทะเบียนการใช้งานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับเว็บอื่น ๆ ทั่วโลก

โดยทาง Poloniex ประกาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และเผยว่าพวกเขาจะทำการปิดบัญชีผู้ใช้งานที่สมัครไว้ก่อนการประกาศถ้าหากว่าพวกเขาไม่ทำการยืนยันตัวตนให้เหมือนกับผู้ใช้งานใหม่ โดยการยืนยันตัวตนที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่นี้จะสอดคล้องกับมาตรฐาน KYC ที่เว็บเทรดใหญ่ ๆ กำลังทำ โดยทางเว็บเทรดกล่าวว่าเดดไลน์ของการยืนยันตัวตนให้เสร็จเรียบร้อยจะถูกประกาศอีกครั้งหนึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปี 2018

เป้าหมายของทาง Poloniex ก็คือการยกระดับความปลอดภัยของระบบเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย และเพื่อให้แน่ใจว่าบริการของพวกเขานั้นจะไม่ถูกนำไปใช้ในด้านผิดกฎหมาย เช่นการฟอกเงินเป็นต้น ทาง Poloniex กล่าวว่าผู้ที่ไม่สามารถอัพเดตข้อมูลได้ทันเวลาเดดไลน์จะไม่สามารถใช้งานได้ต่อไป เนื่องจากว่าจะถูกปิดบัญชี

ในขณะเดียวกัน margin position ที่ถูกเปิดไว้นั้นก็จะได้รับอนุญาตให้ซื้อขายได้แปดสัปดาห์ก่อนที่จะปิดตัวลงในภายหลัง

ดูเหมือนว่าผู้ใช้งานจะยังคงใช้บริการถอนได้ตามปกติ แม้ว่าจะมีลิมิทสูงสุดอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์ บริษัท Poloniex นั้นเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน มีสาขาใหญ่อยู่ที่ Delaware เว็บดังกล่าวมีโวลลุ่มการซื้อขายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาอยู่ที่ 860 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ทาง Poloniex นั้นไม่ได้เปิดเผยตัวเลขของบัญชีผู้ใช้งานที่ยังไม่ได้อัพเดตข้อมูลส่วนตัวว่ามีเท่าไร

The post เว็บเทรดเหรียญคริปโตชื่อดัง Poloniex ประกาศให้ผู้ใช้งานยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลส่วนตัวแล้ว appeared first on Siam Blockchain.

7 ข้อผิดพลาดสำหรับมือใหม่หัดลงทุน Cryptocurrency

ผลสำรวจเผย 31% ของอาชีพพนักงานออฟิซในประเทศเกาหลีใต้คือนักลงทุน Bitcoin

แพลทฟอร์มด้านการสมัครงานได้เปิดเผยผลสำรวจว่า 3 ใน 10 ของนักพนักงานออฟฟิซในประเทศเกาหลีใต้เป็นนักลงทุน Cryptocurrency

โดยอ้างอิงจากผลสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมาบนแพลทฟอร์มด้านการว่าจ้างงานนามว่า Saramin นั้นเผยว่า 31.3% ของพนักงานออฟฟิซกว่า 931 คนอ้างตัวเองว่าเป็นักลงทุน cryptocurrency โดยได้ใช้เงินลงทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 5.56 ล้านวอน (ประมาณ 5,170 ดอลลาร์) ต่อบุคคล

โดยประมาณ 1 ใน 10 (12.9%) ของบุคคลส่วนใหญ่อ้างว่าพวกเขาได้ลงทุนไปกว่า 10 ล้านวอน หรือประมาณ 9,300 ดอลลาร์ อ้างอิงจากหนังนิตยสาร Korean Times ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่เริ่มเข้ามาให้ความสนใจใน Bitcoin โดยผลสำรวจเหล่านั้นกล่าวว่า 18.3% นั้นได้ใช้เงินลงทุนกว่า 1-2 ล้านวอน ในขณะที่ 44% กล่าวว่าใช้เงินลงทุนต่ำกว่า 1 ล้านวอนในการลงทุน

เมื่อถูกถามถึงสาเหตุที่ลงทุน กลุ่มตัวอย่างกว่า 54.2% กล่าวว่า “มันดูเหมือนจะเป็นวิธีการทำเงินที่เร็วที่สุด” ในขณะที่อีก 48% กล่าวว่าพวกเขาต้องการทดสอบดูเฉย ๆ ด้วย “จำนวนเงินขนาดเล็ก” จากจำนวน 80.3% ทั้งหมด

ประเทศเกาหลีใต้นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นประเทศที่มีตลาดการซื้อขาย cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Bitcoin กว่า 20% ของทั่วโลกนั้นถูกซื้อขายบนตลาดดังกล่าว นอกจากนี้นักลงทุนในเกาหลีใต้ยังเป็นผู้ผลักดันราคาเหรียญอื่น ๆ อย่าง Monero และ Ripple เมื่อไม่นานมานี้อีกด้วย

ความนิยมของเหรียญ cryptocurrency ได้รุนแรงจนถึงขั้นส่งผลทำให้นายกรัฐมนตรีของประเทศเกาหลีใต้ Lee Nak-yon ออกมาประกาศเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่าเหรียญดิจิตอลเหล่านี้ “จะทำให้เด็กรุ่นใหม่มีความเน่าเฟะ”

The post ผลสำรวจเผย 31% ของอาชีพพนักงานออฟิซในประเทศเกาหลีใต้คือนักลงทุน Bitcoin appeared first on Siam Blockchain.

Friday, December 29, 2017

“Bitcoin เตรียมเผชิญหน้ากับช่วงเวลาของความจริง” โดยนักเศรษฐศาสตร์จาก Allianz

นักเศรษฐศาสตร์ระดับสูงจากหนึ่งในบริษัทด้านการบริหารการเงินในยุโรปกล่าวว่า เขาเชื่อว่า Bitcoin กำลังเผชิญหน้ากับ “ช่วงเวลาของความจริง” เมื่อมันได้ก้าวข้ามผ่านการ correction ของราคาตั้งแต่มีการเปิดตัว Bitcoin Futures เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

นาย Mohamed El-Erian หรือหัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์จาก Allianz ได้เขียนบทความความเห็นส่วนตัวของเขาใน Bloomberg โดยกล่าวว่าหลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นมาถึงระดับเกือบถึง 20,000 ดอลลาร์จากระดับ 1,000 ดอลลาร์นั้น ตลาดกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

หลังจากที่แตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 19,891 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ราคาของ Bitcoin ได้อยู่ในช่วงการปรับฐานครั้งสำคัญ โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคาของ Bitcoin ถูกซื้อขายกันอยู่ที่ 14,664.9 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap โดยร่วงลงมามากกว่า 29% จากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์

แม้ว่าความผันผวนจะไม่ได้อยู่ระดับที่ปกติของมัน แต่ราคาก็เกิดการปรับฐานกลับมากว่า 30% ประมาณหนึ่งครั้งในทุก ๆ สองเดือนโดยเฉลี่ย นี่ถือเป็นช่วงเวลาการปรับฐานที่ใหญ่ที่สุดหลังจากเว็บ CBOE และ CME เปิดตัว Bitcoin Futures ยิ่งไปกว่านั้นนาย El-Erian เขียนว่าการร่วงของราคาครั้งนี้ถือกุมอนาคตของ Bitcoin ไว้อยู่

“ไม่ว่าการร่วงของราคาอย่างรุนแรงนี้จะถือเป็นตัวเร่งให้ตลาด Bitcoin ขยายตัวขึ้นหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้มันยังมีสถาบันนักลงทุนเข้ามาไม่มาก หรือไม่อย่างนั้นมันจะเกิดภาวะเงินฝืด และทำให้เกิดฟองสบู่ได้”

เขากล่าว

ก่อนหน้านี้นาย Mohamed El-Erian ยังได้ออกมาแสดงความเห็นว่า Bitcoin นั้นถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ และมันไม่สามารถที่จะมาเป็นสกุลเงินได้ โดยเขากล่าวในช่วงนั้นว่า

“BITCOIN ยังไม่ถึงจุดที่จะเป็นสกุลเงินได้ มันยังไม่มีความเสถียร มันจึงเป็นสินค้าโภคภัณฑ์มากกว่าสกุลเงิน”

The post “Bitcoin เตรียมเผชิญหน้ากับช่วงเวลาของความจริง” โดยนักเศรษฐศาสตร์จาก Allianz appeared first on Siam Blockchain.

‘Bitcoin ไม่ผ่านการทดสอบดมกลิ่น’ กล่าวโดยผู้ออกกฎหมายสินทรัพย์แห่งรัฐ Massachusetts

ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรด้านกฎหมายสินทรัพย์ในเมือง Massachusetts กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC เมื่อวานนี้ว่าตลาดของ Bitcoin นั้น “ถูกนำมาใช้เก็งกำไรทั้งหมด”

“มันไม่ผ่านการทดสอบการดมกลิ่น” (การทดสอบขั้นต้น) กล่าวโดยนาย William Galvin เลขาธิการแห่ง Commonwealth ที่เป็นผู้ดูแลในด้านการซื้อขายสินทรัพย์ในรัฐ เขากล่าวเพิ่มว่า

“มันยังถูกปั่นราคาอย่างง่ายดาย เพราะว่าไม่มีใครสามารถอธิบายมันได้ และไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้”

ความเห็นของนาย Gavin นั้นถือเป็นความเห็นล่าสุดจากฝั่งผู้ออกกฎหมายด้านการเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯที่ออกมาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency ที่มีขึ้นหลังจากของ SEC และ FINRA เมื่อต้นเดือนนี้

กระนั้น ความเห็นดังกล่าวก็ไม่ใช่ความเห็นแรกของนาย Gavin เกี่ยวกับ Bitcoin เมื่อต้นเดือนนี้เขาได้แถลงข่าวให้ประชาชนระมัดระวังเกี่ยวกับ “กระแส Bitcoin” และกล่าวว่าเขานั้นไม่ได้หารือกับรัฐอื่นๆในการจัดการปัญหาดังกล่าวในตอนนี้

การแถลงข่าวของเขาได้เปิดเผยถึงคำเตือนเจ็ดข้อก่อนที่จะเข้าซื้อ Bitcoin รวมถึงการตรวจสอบค่าธรรมเนียมบนเว็บเทรด และความสามารถของเว็บในการกู้เงินที่ถูกขโมยคืนมา และความผันผวนของราคาอีกด้วย

เขายังได้เตือนนักลงทุนเกี่ยวกับอดีตของราคาเหรียญ cryptocurrency ที่ผ่านมาอีกด้วย โดยกล่าวว่า “เราทั้งหมดต่างก็เห็นด้วยเกี่ยวกับปัญหานี้” และยังได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับการระดมทุนผ่าน initial coin offerings เช่นกัน

“เราเชื่อว่า ICO นั้นควรที่จะเป็นหลักทรัพย์” นาย Gavin กล่าว “เห็นกันอย่างชัดๆว่านี่มันเป็นพื้นที่สำหรับการหลอกลวง และเรารู้สึกเป็นห่วงมาก”

The post ‘Bitcoin ไม่ผ่านการทดสอบดมกลิ่น’ กล่าวโดยผู้ออกกฎหมายสินทรัพย์แห่งรัฐ Massachusetts appeared first on Siam Blockchain.

Ripple แซง Bitcoin Cash ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 51,000 ล้านดอลลาร์

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาของ Ripple ไล่ตาม Bitcoin Cash และสามารถแซงได้สำเร็จ ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 ของ Cryptocurrency ที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าตลาดรวม ตามหลังเพียงแค่ Bitcoin และ Ethereum ด้วยมูลค่าตลาดกว่า 51,000 ล้านดอลลาร์

ทำไมมูลค่าของ Ripple จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว?

ช่วงก่อนหน้านี้ตลาด Cryptocurrency ประสบช่วง correction ครั้งใหญ่ แทบทุกเหรียญมีมูลค่าลดลงกว่า 10 เปอร์เซนต์ โดย Bitcoin, Bitcoin Cash และ Litecoin มีราคาลดลง 11 เปอร์เซนต์โดยประมาณ

ในขณะที่เหรียญอื่นราคาตกและต้องพยายามพยุงตัวให้ได้ ราคาของ Ripple กลับเพิ่มขึ้นราว 7 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตเพราะเหรียญอื่น ๆ มีมูลค่าลดลงในอัตราที่เยอะมาก ความจริงคือใน 20 อันดับแรกของตลาด Cryptocurrency มีเพียง Ripple เท่านั้นที่มีราคารายวันเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์ให้เหตุผลของการที่ราคา Ripple สูงขึ้นว่ามาจากการที่บริษัทดังกล่าวเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ SBI holdings และบริษัทบัตรเครดิตหลัก ๆ ในญี่ปุ่น

SBI holdings เป็นบริษัทธุรกิจด้านการเงินขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจหลากหลาย เช่น ธนาคารและโรงเรียน

SBI Ripple Asia เป็นกิจการร่วมค้า (joint venture) ระหว่าง SBI holdings กับ Ripple เพื่อสร้างสมาคมระหว่างบริษัทบัตรเครดิตของญี่ปุ่นที่จะทดลอง ติดตั้ง ใช้งาน รวมถึงแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วย Blockchain ของ Ripple

“เรากำลังลงทุนในระบบเพื่อที่จะเร่งใช้งานเทคโนโลยีของ Ripple” นาย Brad Garlinghouse CEO ของ Ripple กล่าวในรายการ Squawk Alley ของช่อง CNBC “สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องจำไว้คือมูลค่าของเหรียญในระยะยาวจะมาจากประโยชน์ใช้สอยของมัน จะไม่มีคำถาม มีเพียงแต่โฆษณาชวนเชื่อในระบบนี้”

ในขณะที่เขียนข่าวอยู่นี้ องค์กรการเงินมากกว่า 100 องค์กรกำลังใช้งาน Ripple network ในการดำเนินการจ่ายเงินระหว่างประเทศ รวมถึงการจ่ายเงิน peer-to-peer ด้วยค่าธรรมเนียมต่ำ หลายธนาคาร เช่น SEB ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ Sweden ได้ใช้ Ripple ในการชำระเงินหลายล้านดอลลาร์เป็นจำนวนหลายร้อยรายการสำหรับลูกค้ารายใหญ่ ๆ ของธนาคาร

ในเดือนตุลาคม Ripple เปิดเผยว่า ธนาคาร Crédit Agricole, ของฝรั่งเศส, ธนาคาร Bexs Banco ของบราซิลและสถาบันการเงิน dLocal ของอุรุกวัยได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนของบริษัทเพื่อที่จะใช้เทคโนโลยี Blockchain ของ Ripple

Financial Times ยังรายงานอีกว่า SEB ได้โอนเงินจำนวน 180,000,000 ดอลลาร์เข้าเครือข่าย Ripple

“เขาบอกว่า SEB ซึ่งเป็นธนาคารสวีเดนได้ใช้ระบบของ Ripple ในการโอนเงินจำนวน 180,000,000 ดอลลาร์ระหว่างประเทศสวีเดนและประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อช่วยจัดการยอดเงินสดของลูกค้าที่เป็นบริษัทรายใหญ่”

บทบาทของเกาหลีใต้

เมื่อช่วงเช้านี้ สยามบล็อกเชน รายงานว่าราคาบนตลาดแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ของเกาหลีใต้ถูกผลักดันให้สูงขึ้น อีกทั้งยังมีเรทพรีเมียมที่สูงขึ้นอีกด้วย

Ripple เป็น 1 ในไม่กี่เหรียญที่เป็นที่กำลังเป็นที่สนใจในตลาด Cryptocurrency ของเกาหลี นักลงทุนมองว่า Ripple จะเติบโตได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะยาวเนื่องจากมีการร่วมมือกันของธนาคารเกาหลีและธนาคารญี่ปุ่นในการดำเนินการจ่ายเงินด้วยเครือข่าย Blockchain ของ Ripple

เป็นที่คาดการณ์ว่าถ้า Ripple มีการเพิ่มธนาคารและสถาบันการเงินเข้าในเครือข่ายของตนอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการทำธุรกรรมรวมถึงผู้ใช้งาน Blockchain ของ Ripple ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาของ Ripple สูงขึ้นไปอีก

The post Ripple แซง Bitcoin Cash ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 51,000 ล้านดอลลาร์ appeared first on Siam Blockchain.

Thursday, December 28, 2017

รัฐบาลอิสราเอลกำลังตรวจสอบบริษัทแห่งที่โฆษณาด้าน Bitcoin เกินจริง

กระแสการคลั่งไคล้ใน Bitcoin ได้เข้าครอบงำธุรกิจต่าง ๆ ในโลก เห็นได้จากการที่บริษัทต่าง ๆ ในอินเดียไปจนถึงบริษัทใน Long island ที่รีบเพิ่มคำว่า ‘bit’, ‘coin’, crypto’ หรือ ‘blockchain’ เข้าไปในชื่อบริษัท บางบริษัทก็พยายามขยายคำจำกัดความของธุรกิจของตนให้มีความเกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency จึงทำให้ปัจจุบันสถาบันการเงินแห่งประเทศอิสราเอลต้องมีการพิจารณาว่าบริษัทเหล่านี้กล่าวเกินจริงมากเกินไปหรือไม่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวเกี่ยวกับเทรนด์ใหม่ที่เกิดขึ้นในบริษัทต่าง ๆ ที่มีรายชื่อหุ้นอยู่ใน Tel Aviv Stock Exchange หรือ TASE โดยบริษัทเหล่านี้ต่างประกาศว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin

หนึ่งในนั้นคือ Apollo Power (TASE: APLP) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้ออกมาประกาศ “ความสำเร็จในการทดสอบ” ในการขุด Cryptocurrency ด้วยระบบที่บริษัทกำลังพัฒนา ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึง 150% ในช่วงเริ่มต้นจากการขุดเพียงครึ่งชั่วโมงด้วยจำนวน Ether เพียงเล็กน้อย (มูลค่าประมาณ 4 cents สหรัฐฯ) โดยไม่ได้มีการประกาศรายละเอียดแต่อย่างใด แม้ราคาหุ้นที่กำลังเริ่มตกลงสู่มูลค่าที่แท้จริงจะเป็นเรื่องที่น่าห่วง แต่ฝ่ายบริหารของบริษัทอาจต้องห่วงเรื่องที่ใหญ่กว่านั้น

สถาบันหลักทรัพย์แห่งอิสราเอล (ISA) ได้เริ่มทำการตรวจสอบบริษัทต่าง ๆ เพื่อหาบริษัทที่ออกประกาศโดยไม่มีหลักฐานและรายละเอียดที่ชัดเจนต่อผู้ลงทุน เป็นการประกาศชัดว่า ISA นั้นไม่ต้อนรับ Bitcoin เข้าสู่ TASE ไม่ว่าทางใดก็ตาม

โบรคเกอร์ชาวอิสราเอลต้องการให้ Bitcoin เป็น 1 ในลิสต์ options

อย่างไรก็ตาม แม้ ISA จะออกมาเตือนหลายครั้ง นักลงทุนชาวอิสราเอลก็ยังคงเรียกร้องให้ Bitcoin หรือตราสารอนุพันธ์ของ Bitcoin เป็นที่ยอมรับ

“ultra-secure” โทรศัพท์รูปแบบ Crypto ที่กำลังทำการโฆษณาโดยใช้นักฟุตบอลชื่อดังนาม Leo Messi สามารถรวบรวมเงินทุนได้มากกว่า 157,000,000 ดอลลาร์จากการร่วมทุนและการระดมทุน ICO

ความสำเร็จของระบบ Blockchain นี้ทำให้แม้แต่รัฐบาลก็คิดที่จะเข้าร่วมด้วยการสร้างเหรียญ Shekel (สกุลเงินของอิสราเอล)

และความตื่นเต้นนี้ก็ไม่อาจรอดสายตาของโบรคเกอร์ตลาดหุ้นได้ นาย Julien Assous นายกสมาคมโบรคเกอร์ได้กล่าวว่า “มีโอกาสที่เราจะนำ Bitcoin และ Cryptocurrencies อื่น ๆ มาเป็น options บน TASE ซึ่งนี่เป็นโอกาสสำหรับตลาดหุ้นท้องถิ่นในการขึ้นเป็นผู้นำในระดับโลก สิ่งใดที่ดีต่อ CME และ CBOE ซึ่งเป็นบริษัทสถาบันการเงินผู้ให้บริการด้านตลาดการซื้อขายและลงทุนในฟิวเจอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ซึ่งกำลังให้บริการการซื้อ Bitcoin ฟิวเจอร์) ก็ดีต่อตลาดหุ้นของเราด้วย”

นาย Assous ซึ่งเป็นผู้บริหาร TASE ด้วย ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “แทนที่จะปล่อยให้การซื้อสกุลเงินเหล่านี้ไม่มีการควบคุม เราควรนำมาจัดการด้วยการใช้ช่องทางที่เราคุ้นเคย นี่เป็นโอกาสเดียวในรอบ 10 ปีที่จะฟื้นฟู TASE และดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกให้มาเล่นในตลาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจาก Bitcoin ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตใครในการบรรจุมันลงใน options”

The post รัฐบาลอิสราเอลกำลังตรวจสอบบริษัทแห่งที่โฆษณาด้าน Bitcoin เกินจริง appeared first on Siam Blockchain.

รัสเซียเปิดตัวกฏข้อบังคับเพื่อจำกัดขอบเขตเรื่องการระดมทุน ICO สำหรับนักลงทุน

เจ้าของผู้ให้บริการซื้อขาย Cryptocurrency นาม Exmo ถูกลักพาตัว

นาย Pavel Lerner เจ้าของผู้ให้บริการซื้อขาย Cryptocurrency นาม Exmo ถูกลักพาตัวในยูเครนในสัปดาห์นี้

นาย Lerner ได้ทำงานหลากหลายในด้าน Blockchain และ Cryptocurrency รวมถือเว็บแลกเปลี่ยน Cryptocurrency นาม Exmo ตามรายงานข่าวโดยเว็บไซต์ข่าวแห่งประเทศยูเครนนาม Strana.ua นาย Lerner ไม่สามารถถูกติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม และถูกลากขึ้นรถเบนซ์สีดำลักพาตัวไป

เว็บ Exmo ถูกจัดอันดับที่ 23 ของโลก โดย 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีมูลค่าที่ 94 ล้านดอลลาร์

การพ่ายแพ้ในยูเครน

เหตุการณ์ที่โชคร้ายเกิดขึ้นในเมือง Kiev ซึ่งเป็นเมืองที่มีการสร้าง Cryptocurrency นาม Dash โดยชุมชนของเหรียญ Dash ได้ผลักดันให้เกิดการยอมรับในตัวเหรียญในการซื้อขาย โดยมีธุรกิจ 12 ตัวในเมือง Kiev ที่ถูกลิสไว้บน DiscoverDash ว่ายอมรับเงินสกุล Dash ในการซื้อขาย

การเก็บเงินบน Exchange หรือบริการของบุคคลที่สามอาจมีความเสี่ยง

ในขณะที่ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ในการลักพาตัว แต่ในด้านความน่าเชื่อถือสำหรับคนท่ี่ใช้บริการเว็บ Exmo อาจมีระดับความเสี่ยงอยู่ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ข้อบังคับและข้อจำกัดก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ในระยะเริ่มต้นที่ไม่ได้ระบุตัวตนได้รับข้อจำกัดในการถอนเงิน และด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นของ Cryptocurrency อาจทำให้เกิดการถอนเงินที่ไม่สมบูรณ์ได้ในผู้ใช้รายใหญ่บางราย

ผู้ใช้ที่กังวลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในเงิน Cryptocurrency ของพวกเขา ควรมีการเก็บ Private Key และการเก็บเงินไว้ใน Wallet ให้ดี นอกจากนี้ผู้ใช้ควรมองเรื่องของ Cold Storage เช่น Hardware Wallet และควร Backup Wallet ของพวกเขาไว้ในที่ปลอดภัย

ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ได้มีข่าวเกี่ยวกับเว็บให้บริการ Exchange ถูกแฮ็ค ไม่ว่าจะเป็นเว็บ Youbit หรือ EtherDelta ทางผู้ที่ทำการเทรด Cryptocurrency อาจจะต้องตระหนักในเรื่องของการฝากเงินในเว็บ Exchange พวกนี้และอาจต้องมองหา Hardware Wallet ในการเก็บรักษา Cryptocurrency ของตัวเองแล้ว

The post เจ้าของผู้ให้บริการซื้อขาย Cryptocurrency นาม Exmo ถูกลักพาตัว appeared first on Siam Blockchain.

Segwit2x กำลังหลอกหลวง? กลุ่มผู้ใช้งาน Bitcoin กำลังเริ่มค้นพบความไม่ชอบมาพากล

เมื่อวานทางสยามบล็อกเชนได้รายงานเรื่องการ Hard Fork Segwit2x ที่จะมีขึ้นในบล็อคที่ 501,451 หรือในวันที่ 28 ธันวาคม โดยแรงบันดาลใจในการ Hard Fork นั้นมาจากครั้งที่แล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีทีมงานพัฒนาชุดใหม่ทั้งหมด

สมาชิกในชุมชน Cryptocurrency เริ่มไม่มั่นใจกับการ hard fork ดังกล่าว หลายคนตั้งถามคำถามว่า “B2X เป็นเรื่องหลอกลวงหรือไม่” หรือได้ข้อสรุปว่าเป็นเช่นนั้น

และนี่คือสิ่งที่พวกเขาค้นพบ

คำถามเกี่ยวกับทีม SegWit2x

ในขณะนี้ในเว็บไซต์ของการ Hard Fork ตัวอัพเกรด Segwit2x ได้ List รายชื่อสมาชิกแค่สามคนได้แก่นาย Jaap Terlouw นาย Donna Khyuz และนาย Robert Szabo

ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค Linkedin ของเขาได้อ้างตัวว่าเป็น “นักพัฒนาหลักและที่ปรึกษาของ SegWit2x” แต่ประวัติการทำงานของเขายังไม่มีประสบการณ์ในการพัฒนาบล็อคเชนหรือการเขียนโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง ตำแหน่งปัจจุบันของเขาแสดงให้เขาเห็นว่าเขาเป็นซีอีโอของบริษัทที่ไม่มีชื่อ และประวัติการทำงานของเขาในอดีตก็มีแค่ “SLM New Build” ถ้าคุณไม่รู้ว่ามันคืออะไร คุณมีเพื่อนที่ไม่รู้เหมือนกันอีกเยอะ

ในขณะที่นาง Donna Khyuz นั้น ปัจจุบันโปรไฟล์ LinkedIn ของเธอนั้นไม่ได้ถูกใช้งานอยู่ จากการอ้างอิงในโพสต์ของ Medium ของ Dr-Hack เธอได้อัพเดตโปรไฟล์ Instagram ในฐานะ “นักพัฒนา Cryptocurrency ผู้เชี่ยวชาญด้านการระดมทุน ICO และผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain” ดูเหมือนว่าโปรไฟล์ดังกล่าวนี้เพิ่งจะถูกอัพเดตมาเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากว่าเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา นาง Khyuz ได้โฆษณาตัวเองว่าเป็น “นางแบบ นักเต้นนักแสดง และเป็นนักธุรกิจ” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอาชีพในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์และ เป็นข้อกังขาในชุมชน Cryptocurrency เป็นอย่างมาก

โปรไฟล์ของนาย Robert Szabo มีรายละเอียดมากที่สุด แต่ LinkedIn ของเขานั้นมีข้อมูลน้อยมากในเรื่องการ Coding หรือการพัฒนาระบบ Blockchain ประวัติการทำงานในอดีตของเขาส่วนใหญ่คือการทำงานที่ T-Mobile และอยู่ในจำแหน่งด้านวิศวกรรมระบบ

สมาชิกใหม่ 2 คน (นาย Artur Bujnicki และนาย Bartosz Kozlowski) เพิ่งสร้าง Account Linkedin เมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา Linkedin ของนาย Bujnicki ได้แสดงถึงประวัติการทำงานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์มาก่อนในขณะที่ Kozlowski ของตัวเองมีประสบการณ์ในการจัดการบัญชี

ตอนแรกทางทีม B2X ได้นำนาย Sairam Jetty เข้ามาอยู่ในทีมงานอย่างเป็นทางการ โดยที่เขาไม่มีความรู้อะไรเลย Dr-Hack ได้ให้นาย Jetty เป็นผู้สนับสนุนด้วย แต่อยู่ดีๆ เขาก็โดนตัดชื่อออกจากเว็บไซต์ โดยเมื่อวานมีการเข้าไปสอบถามทาง Facebook ของเขาว่า SegWit2x นี้เป็นของปลอมหรือไม่ เขาบอกว่า “ใช่”

ชุมชน Reddit เริ่มเตือนภัย

มีโพสต์จำนวนมากได้ปรากฏบนเว็บ Reddit ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาซึ่งได้มีการวิเคราะห์และสืบสวนการ Fork ทั้งหลายและพวกเขาพบว่ามันมีข้อมูลที่น่าสงสัย

สิ่งที่พวกเขาพบก็คือ ในโพสต์ดังกล่าวบน Github นี้เพิ่งเปิดตัวแค่ 8 วัน และทีมซึ่งเป็นตัวแทนของ SegWit2x ก็เพิ่งได้เข้าร่วม Bitcoin Talk เพียง 12 วันเท่านั้น

มีผู้ใช้บางรายในโพสต์บน Reddit กล่าวหาว่าผู้ทำ B2X ได้สร้างโปรไฟล์ Linkedin ปลอมขึ้นมาทั้งหมด

การ Fork ในทางไม่ถูกต้อง?

ความกังวลของชุมชน Reddit ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น พวกเขายังแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับโครงการนี้ โดยชี้ให้เห็นว่าว่า channel “Instagram, Twitter, Telegram และ Reddit ของทีมนักพัฒนานั้นแทบจะว่างเปล่า”

The post Segwit2x กำลังหลอกหลวง? กลุ่มผู้ใช้งาน Bitcoin กำลังเริ่มค้นพบความไม่ชอบมาพากล appeared first on Siam Blockchain.

การ Hard fork อัพเกรดเหรียญ Bitcoin ในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ SegWit2x ที่คุณกำลังรอคอย

ในการประกาศที่ทำให้แต่ละคนต้องตกตะลึงเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อการ hard fork ของ SegWit2x ได้ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และมีการตั้งวันที่ ๆ จะเปิดใช้งานอย่างแน่นอนซึ่งก็คือในวันที่ 28 ธันวาคม หรือวันนี้

SegWit2x กลับขึ้นมาจากหลุ่มศพ

ตามที่ทางสยามบล็อกเชนได้รายงานไปเมื่อก่อนหน้านี้ ว่าโปรเจ็คอัพเกรด SegWit2x นั้นต้องการที่จะเพิ่มขนาดบล็อกให้เป็น 2MB เพื่อแก้ไขความล่าช้าในการทำธุรกรรมของ Bitcoin และช่วย scale ให้ขนาด network ของเหรียญดังกล่าวใหญ่ขึ้น สามารถรองรับจำนวนธุรกรรมได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อเสนอดังกล่าวจะมีบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Digital Currency Group, Coinbase, ShapeShift, และ Xapo มาช่วยหนุนหลังไว้ แต่มันก็ยังล้มเหลวอยู่ดี เมื่อทางทีมนักพัฒนาประกาศยกเลิกการ hard fork ไปแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการตอกฝาตะปูโลงให้กับ SegWit2x

จนกระทั่งมาถึงตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว กลุ่มนักพัฒนาก็ได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาจะฟื้นคืนชีพ SegWit2x ขึ้นมา โดยอ้างว่าค่าธรรมเนียมธุรกรรมของ Bitcoin นั้นทำให้มันเป็นเรื่องที่ “แทบจะเป็นไปไม่ได้ในการใช้ Bitcoin สำหรับการจ่ายเงิน” จนทำให้พวกเขาต้องทำการ hard fork ในวันนี้

ภายหลังจากการประกาศนั้น ราคาฟิวเจอร์ของเหรียญ SegWit2x ก็ได้พุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง โดยทำการซื้อขายที่ราคาสูงกว่า 1,100 ดอลลาร์ จากจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 200-300 ดอลลาร์

เหรียญ Altcoin ที่ปลอมตัวมาและอ้างชื่อ Bitcoin?

อย่างไรก็ตาม หากลองมองและพิจารณาดูให้ดีนั้นจะพบว่าโปรเจ็ค SegWit2x (B2X) เผยให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้มีความปราถนาที่จะอัพเกรดโพรโตคอลของ Bitcoin แต่อย่างใด แต่ตั้งใจที่จะสร้าง altcoin ตัวใหม่ และเกาะชื่อแบรนด์ของ Bitcoin เพื่อนำมันออกมาขาย

ยกตัวอย่างขั้นแรกสุด โครงการนี้มีความแตกต่างจาก SegWit2x ในตอนต้นอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากกลุ่มทีมนักพัฒนาในตอนแรกนั้นคือทีมของนาย Jeff Garzik หรืออดีตนักพัฒนา Bitcoin Core

ยิ่งไปกว่านั้น นักพัฒนากำลังติดตั้งระบบ replay protection และโครงสร้าง address แบบพิเศษ ซึ่งทั้งสองมีนัยว่า B2X นั้นไม่ใช่ Bitcoin ซึ่งถือเป็นจุดยืนที่แตกต่างจากของนักพัฒนา SegWit2x หลักเมื่อก่อนหน้านี้

นอกจากนี้เหรียญ B2X จะมีการ premine หรือขุดมาก่อนที่จะเปิดตัว โดยอ้างอิงจากเว็บไซต์ของพวกเขานั้น นักพัฒนาจะทำการยึดเหรียญที่จะมีการทำ airdrop จากกระเป๋าของ Satoshi Nakamoto ทั้งหมดมาเป็นของตนเอง โดยทางนักพัฒนาอ้างว่าจำนวนเหรียญที่ยึดมาเหล่านี้จะถูกแจกจ่ายไปให้กับ “ใครก็ตามที่สนับสนุนเครือข่าย” แต่รายละเอียดปลีกย่อยนั้นก็ยังน้อยอยู่

และท้ายสุด โพรโตคอลของ SegWit2x จะมีสเป๊กที่แตกต่างจากของ Bitcoin โดยสิ้นเชิง โดยเครือข่ายจะใช้ระบบอัลกอริทึ่ม X11 ซึ่งจะไม่ใช่ SHA-256 เหมือนกับ Bitcoin และมันจะมีระยะเวลาเกิดบล็อกใหม่ที่ 2.5 นาที แตกต่างจากของ Bitcoin ที่ใช้เวลา 10 นาที นอกจากนี้ค่าความยากจะถูกคำนวณใหม่ในทุก ๆ บล็อก และเว็บไซต์ของพวกเขายังได้มีการโฆษณา zkSNARKS หรือเทคโนโลยีที่จะถูกติดตั้งเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมแบบไร้ตัวตนได้ บางทีจุดที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือ เหรียญดังกล่าวจะเพิ่มขนาดบล็อกจาก 2MB ตามที่ SegWit2x เคยกำหนดไว้ ไปเป็น 4MB

ผู้ลงทุนที่กำลังคิดจะซื้อเหรียญดังกล่าวควรที่จะมีความระมัดระวังและไตร่ตรองถึงความโปร่งใสในจุดนี้ให้ดีก่อนเสมอ

The post การ Hard fork อัพเกรดเหรียญ Bitcoin ในครั้งนี้ อาจไม่ใช่ SegWit2x ที่คุณกำลังรอคอย appeared first on Siam Blockchain.

ตลาดเกาหลีใต้กำลังผลักให้ราคาเหรียญ Monero และ Ripple ขึ้น ในขณะที่เหรียญอื่นกำลังร่วง

ราคาเหรียญ Monero และ Ripple ได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในขณะที่เหรียญอื่น ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum กำลังร่วงลงไปกว่า 5%

เรทพรีเมียม

นักลงทุนเหรียญคริปโตในตลาดเกาหลีใต้กำลังขับเคลื่อนราคาเหรียญ Ripple และ Monero ให้พุ่งขึ้นไป ในขณะที่เหรียญคริปโตตัวอื่น ๆ ในตลาดกำลังถูกซื้อขายด้วยอัตราพรีเมียมที่สูง

เว็บ Bithumb หรือเว็บผู้ให้บริการเหรียญคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกที่มีส่วนแบ่งโวลลุ่มมูลค่าตลาดรวมกว่า 35% ของเหรียญทั้งสอง ในขณะที่เว็บ Korbit และ Coinone นั้นถือส่วนแบ่งของโวลลุ่มเหรียญ Ripple อยู่ที่ราว ๆ 10% โดยส่งผลทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของคู่เทรด Ripple และเงินวอนบนตลาดโลกพุ่งขึ้นไปเกือบถึง 50%

ปัจจุบันเหรียญ Ripple กำลังถูกซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 1,592 วอน หรือ 1.48 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่ราคาตลาดโลกที่ 1.29 ดอลลาร์ ส่วนเหรียญ Monero นั้นถูกซื้อขายที่ 467 ดอลลาร์ สูงกว่าราคาตลาดโลกที่ 391 ดอลลาร์ โดยอัตราพรีเมียมนี้คิดเป็น 16%

ด้วยความที่จำนวน supply ของเหรียญในประเทศเกาหลีใต้นั้นน้อยกว่า demand จึงส่งผลทำให้การซื้อขายในประเทศนั้นมีความรุนแรงและอัตราพรีเมียมที่สูงกว่าของราคาตลาดโลก

นาย Charlie Lee หรือผู้ก่อตั้ง Litecoin ก่อนหน้านี้เคยออกมากล่าวว่าตลาดเหรียญคริปโตของประเทศเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการผลักดันราคา Bitcoin ละเหรียญคริปโตอื่น ๆ อย่าง Ripple ให้เพิ่มขึ้นมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ถูกซื้อขายกันที่ราคา 19,700 ซึ่งมากกว่าราคาของตลาดโลกกว่า 4,000 บาท

“ผมคิดว่าการเพิ่มมาตราการทางกฎหมายจะช่วยลดความผันผวนของราคาเหรียญลง การพุ่งขึ้นของราคาที่ผ่านมานั้นมีประเทศอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ตั้งแต่ตอนที่ประเทศจีนนั้นได้แบนเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Bitcoin ไป ประเทศเกาหลีใต้ก็ได้ขึ้นมาสานต่อตำแหน่งนี้ ตอนนี้กระแสความบ้าคลั่งในประเทศเกาหลีใต้นั้นมีอยู่มาก และผมคิดว่ามันกำลังขับเคลื่อนราคาอยู่” กล่าวโดยนาย Lee

ทำไมเรทพรีเมียมถึงสูง

เว็บเทรดเหรียญคริปโตในประเทศเกาหลีใต้นั้นกำลังเคร่งครัดเกี่ยวกับเรื่องการนำเหรียญใหม่ ๆ ขึ้นมาลิสบนแพลทฟอร์มของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น Qtum ที่จะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาตลาดมากมายก่อนที่ทางทีมของ Bithumb จะได้ข้อตกลงในการติดตั้งเหรียญดังกล่าวนี้ลงไป

ดังนั้นเว็บเทรดใหญ่ ๆ อย่าง Bithumb, Korbit และ Coinone ในประเทศเกาหลีใต้จึงให้การรองรับเหรียญคริปโตในบางชนิดที่มีปริมาณไม่มาก ซึ่งนั่นทำให้เหรียญเหล่านั้นมักจะถูกซื้อขายในอัตราพรีเมียมที่สูง

ความต้องการในตัวเหรียญคริปโตในประเทศเกาหลีใต้นั้นสูงกว่าของในประเทศอื่น ๆ ที่มีกฎหมายมารองรับอย่างเช่นประเทศสหรัฐฯและญี่ปุ่น

The post ตลาดเกาหลีใต้กำลังผลักให้ราคาเหรียญ Monero และ Ripple ขึ้น ในขณะที่เหรียญอื่นกำลังร่วง appeared first on Siam Blockchain.

เวปผู้ใ้ห้บริการซื้อขาย Bitcoin จำนวนมาก ประกาศงดรับสมัครลูกค้าเพิ่ม

ปัญหาเกี่ยวกับการมีลูกค้าใหม่จำนวนมากเข้ามาเสนอเงินให้ คงจะเป็นปัญหาที่ดีที่สุดที่ทุกธุรกิจต่างเฝ้าฝันถึง แต่สำหรับเว็บเทรด bitcoin ส่วนใหญ่ในปัจจุบันกลับไม่เป็นแบบนั้น

เว็บผู้ให้บริการเทรด bitcoin จำนวนมากกำลังหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการลดคุณภาพในการให้บริการลง นักเทรดมือใหม่จึงเหลือตัวเลือกเว็บเทรดสำหรับให้ใช้งานน้อยลงเรื่อย ๆ เนื่องจากเว็บเทรดทั้งหลายต่างปฏิเสธในการรับลูกค้ารายใหม่

ลองอีกครั้งปีหน้า

ไม่ว่าคุณจะกำลังพยายามเข้าสู่โลก bitcoin ครั้งแรก หรือคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน bitcoin ที่พยายามจะกระจายการลงทุนไปยังเว็บเทรดต่าง ๆ หลายเว็บ คุณอาจจะพบว่าการเปิดบัญชีกับเว็บเทรดหลายแห่งทุกวันนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่ายเลย

บริษัทเหล่านี้กำลังถูกโจมตีด้วยแอพต่าง ๆ และทีมซัพพอร์ทก็กำลังประสบปัญหาในการทำงานให้ทัน ทำให้เว็บเทรดจำนวนมากงดรับลูกค้ารายใหม่ ๆ ในช่วงนี้เพื่อที่จะดูแลและบริการลูกค้าปัจจุบันให้ได้ดีขึ้น

เว็บ Bittrex รับทราบถึงข้อร้องเรียนของผู้ใช้งานและได้ตัดสินใจว่าจะปิดการรับสมัครลูกค้ารายใหม่ โดยประกาศว่า “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่มีลูกค้ารายใหม่ ๆ ที่สนใจที่จะเข้าร่วมชุมชน Bittrex แต่เราต้องการที่จะพัฒนาระบบของเราเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของการทำรายการและการเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ก่อน”

CEX.IO อธิบายการระงับการรับสมัครสมาชิกใหม่ของทางเว็บในทิศทางเดียวกันว่า “มีผู้สนใจสมัครเป็นลูกค้ารายใหม่ของเว็บเราจำนวนมากในทุก ๆ วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มความกดดันให้แก่ทีมซัพพอร์ทและทีมตรวจสอบของเรา ตอนนี้เรามาถึงจุดที่จำนวนของจดหมายร้องเรียนที่ส่งมายังทีมซัพพอร์ทนั้นมีมากจนอยู่ในขั้นวิกฤติ”

และ Bitfinex มีข้อความถึงคนที่พยายามสมัครสมาชิกเว็บไซต์ว่า “เหตุผลที่เราตัดสินใจจะหยุดรับสมัครสมาชิกชั่วคราวนั้นคือพวกเราไม่สามารถลดระดับคุณภาพการบริการสำหรับสมาชิกปัจจุบันของเราด้วยการปล่อยให้ระบบของเราเต็มไปด้วยบัญชีใหม่ ๆ ขนาดเล็กได้”

การลดคุณภาพการบริการ

เว็บเทรดอื่น ๆ อาจไม่ได้ประกาศชัดเจนว่าจะหยุดรับสมาชิกใหม่ แต่การจงใจอนุมัติบัญชีใหม่ให้ล่าช้าก็ถือเป็นการประกาศอย่างชัดเจน

ในขณะเดียวกัน การที่ต้องรองรับจำนวนสมาชิกใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การให้บริการปกติเป็นไปได้ยากขึ้นสำหรับเว็บเทรดทั้งหลาย เช่น เว็บ Kraken ที่ออกมายอมรับว่า “ประสิทธิภาพของเรานั้นด้อยลงอย่างมากและไม่สามารถเชื่อถือได้เหมือนเดิม ลูกค้าควรเผื่อใจไว้ว่าการกระทำการบนเวปและ API ของเราจะช้าลงและยากขึ้น คำขอต่าง ๆ จะล้มเหลวบ่อยครั้ง ทางแก้ปัญหาเดียวในขณะนี้คือการรอและพยายามใหม่อีกครั้ง”

The post เวปผู้ใ้ห้บริการซื้อขาย Bitcoin จำนวนมาก ประกาศงดรับสมัครลูกค้าเพิ่ม appeared first on Siam Blockchain.

ธนาคารยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น MUFG เตรียมช่วยนักลงทุน Bitcoin ป้องกันความเสี่ยง

สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนาม MUFG กำลังเตรียมเปิดบริการที่จะช่วยเหลือนักลงทุน Bitcoin ในการป้องกันความเสี่ยงด้านการสูญเสียจากเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนที่พวกเขาใช้งานอยู่

บริษัท Mitsubishi UFJ Trust กำลังเตรียมออกผลิตภัณฑ์บริการสำหรับนักเทรด Bitcoin ที่เหรียญของพวกเขาจะอยู่ในความไว้วางใจแยกจากเหรียญคริปโตที่ถูกเก็บไว้บนเว็บเทรด

ซึ่งในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาดของผู้ให้บริการตลาดแลกเปลี่ยน ผู้ใช้งาน Bitcoin ก็จะได้รับการคุ้มครองจากธนาคาร Mitsubishi UFJ Trust โดยธนาคารดังกล่าวนั้นถือเป็นสมาชิกของ Mitsubishi UFJ Financial Group ที่ได้จดสิทธิบัตรด้านการป้องกันความเสี่ยงมาแล้ว อ้างอิงจากสำนักข่าว Nikkei

นักเทรด Bitcoin จะต้องสมัครบริการดังกล่าวก่อนที่จะเข้าไปเทรดบนเว็บเทรด และจะต้องอนุญาตให้ทาง Mitsubishi UFJ Trust เข้ามาดูแลบัญชีของพวกเขา โดยทางธนาคารจะเข้ามาตรวจสอบและคอยช่วยกำหนดกิจกรรมธุรกรรมที่ไม่ชอบมาพากล “อย่างเช่นการขาย Bitcoin เป็นจำนวนมากในช่วงกลางดึกที่จะถูกทางธนาคารเข้าตรวจสอบอัตโนมัติก่อนที่จะได้รับการประมวลผลธุรกรรมทันที” อ้างอิงจากรายงาน

นอกจากนี้ทาง Mitsubishi UFJ trust จะทำการเก็บประวัติการทำธุรกรรมของผู้ใช้งาน ที่จะช่วยการันตีให้ผู้ใช้งาน Bitcoin ได้รับความปลอดภัยถึงขีดสุด อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ด้านประกันดังกล่าวนั้นจะไม่ครอบคลุมด้านการขาดทุนจากความผันผวนของราคา

นาย Noriyuki Hirosue หรือ CEO ของเว็บเทรด Bitcoin แห่งหนึ่งในโตเกียวกล่าวว่า “ลูกค้านั้นจะรู้สึกสบายใจ เมื่อพวกเขารู้ว่าทางธนาคารจะมาช่วยบริหาร asset ของพวกเขา”

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเปิดตัวขึ้นในช่วงเดือนเมษายนปี 2018 นี้ และจะเปิดให้ใช้งานเฉพาะกลุ่มนักลงทุน Bitcoin เท่านั้น

The post ธนาคารยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น MUFG เตรียมช่วยนักลงทุน Bitcoin ป้องกันความเสี่ยง appeared first on Siam Blockchain.

Wednesday, December 27, 2017

เทรนด์หมีมาแค่ไม่กี่วัน? ราคา Bitcoin กลับมาพุ่งทะลุ 16,600 ดอลลาร์อีกครั้ง

“คุณจะเกลียด Bitcoin ก็ได้ แต่คุณมองข้ามหรือละเลยมันไม่ได้”

คำกล่าวจากนักลงทุน cryptocurrency ชื่อดังในประเทศไทยหรือ คุณยุทธวิธี ที่กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งฟังดูแล้วให้หลายๆคนชวนคิด

สำหรับผู้ที่เคยได้ยินชื่อ Bitcoin มานั้นก็จะรู้กันเป็นอย่างดีว่าราชาแห่งเหรียญ cryptocurrency ดังกล่าวนี้มีชื่อเสียงทางด้านความผันผวนของราคาของมันที่รุนแรงยิ่งกว่ารถไฟเหาะ แม้ว่าจะมีคนที่ไม่ชอบมันด้วยสาเหตุใด ๆ ก็แล้วแต่ แต่ดูเหมือนว่าในปัจจุบันมันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะหันหลังและทำเป็นไม่สนใจ Bitcoin ได้อีกต่อไป

ภายหลังจากการ correction หรือปรับฐานของราคาอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin นั้นได้ร่วงลงไปแตะระดับราคาที่ 10,000 ดอลลาร์อย่างรุนแรง ส่งผลทำให้ผู้ที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ ๆ ในตลาดดังกล่าวต้องรู้สึกตกใจและเกิดอาการ ‘panic’ ไปตาม ๆ กัน ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาในช่วงหลังวันคริสต์มาส ราคาของ Bitcoin ก็ได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาเหนือระดับราคา 16,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

หลาย ๆ ฝ่ายคาดว่าความผันผวนของราคาที่เป็นเทรนด์หมีก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดและเทศกาลวันคริสต์มาส ที่นักลงทุนเป็นจำนวนมากทั่วโลกห่างหายจากตลาดออกไป เหลือแต่ผู้ที่ไม่ได้ฉลองคริสต์มาสที่ต้องทนดูการร่วงลงของตลาด

ทว่าภายหลังจากวันคริสต์มาส แนวโน้มของตลาดเริ่มที่จะเป็นไปในทิศทางที่บวกมากขึ้น โดยราคาของ Bitcoin นั้นได้กลับมาแตะระดับ 15,000 ดอลลาร์และ 16,000 ดอลลาร์ตามลำดับ นอกจากนี้มูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ยังได้มีอัตราที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 2.2 แสนล้านดอลลาร์ไปสู่ 2.7 แสนล้านดอลลาร์ในเวลาอย่างรวดเร็ว

แรงเหวี่ยง

ก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์คนหนึ่งนาม Dan Morehead หรือ CEO ของบริษัท Pantera Capital ที่เคยออกมากล่าวว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะร่วงลงไปกว่า 50% ก่อนที่จะกระโดดเพิ่มกลับขึ้นมาอย่างรุนแรง ตัวเลขดังกล่าวนี้อาจทำให้นักลงทุน Bitcoin ส่วนใหญ่รู้สึกสงสัยและเคลือบแคลงใจในตอนแรก แต่ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว ราคาของ Bitcoin ก็ได้ร่วงลงไปอย่างรุนแรงตามที่รายงานไว้ข้างต้น ก่อนที่จะพุ่งกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งตามการวิเคราะห์ของนาย Dan

จุดที่น่าสนใจคงจะหนีไม่พ้นการออกมาประกาศ hard fork ตัวอัพเกรด SegWit2x ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศยกเลิกไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความขัดแย้ง

การ hard fork ดังกล่าวจะมีขึ้นประมาณวันพรุ่งนี้ หรือ ณ ที่บล็อกหมายเลข 501,451 ซึ่งนักลงทุนหลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์ว่าเม็ดเงินนั้นอาจจะไหลกลับเข้ามาในตลาด Bitcoin อีกครั้ง เนื่องจากว่าหลังจากการ hard fork นั้นจะเกิดเหรียญใหม่ขึ้นมานามว่า B2X ที่ผู้ที่ถือ Bitcoin ไว้ก่อนการ fork จะได้รับเหรียญที่ว่านี้มาแบบฟรี ๆ เหมือนกับกรณีของ Bitcoin Cash ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าใคร ๆ ก็ต้องการของฟรีมาขายทอดตลาด

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคา Bitcoin บนตลาดไทยอย่าง Bx อยู่ที่ 559,999 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 2.66% จากเมื่อ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาด TDAX นั้นมีราคาที่มากกว่า Bx พอสมควร โดยอยู่ที่ 562,300 บาท

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ในวันพรุ่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งวันที่ตลาด Bitcoin นั้นน่าจับตามองมากที่สุดอีกหนึ่งวัน

The post เทรนด์หมีมาแค่ไม่กี่วัน? ราคา Bitcoin กลับมาพุ่งทะลุ 16,600 ดอลลาร์อีกครั้ง appeared first on Siam Blockchain.

Blockchain ที่แก้ไขได้? อนาคตของการขุดเหรียญ? ปี 2017 สิทธิบัตรของ Cryptocurrency เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย

12 เดือนที่ผ่านมาเราได้เห็นการยื่นขอจดสิทธิบัตรหลายฉบับที่เน้นการใช้งาน Cryptocurrency หรือเทคโนโลยี Blockchain รวมถึงบริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างเช่นธนาคารยักษ์ใหญ่นาม Bank of America และ บริษัท FICO

ผลสรุปของการยื่นขอรับสิทธิบัตรในปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าธุรกิจสำคัญๆ เหล่านี้กำลังจริงจังว่าเทคโนโลยี Blockchain นี้สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานในภาคธุรกิจเอกชนของพวกเขาได้หรืออย่างน้อยที่สุดก็ถือเป็นการจับจองสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ๆ

หากพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Blockchain จากปีที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงเรื่องนี้กันไปมาเพื่อให้ Bank of America ได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในบริการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ของเขาเอง

ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน BofA?

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 ธนาคารแห่งงสหรัฐอเมริกาได้เสนอสิทธิบัตรเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่รัฐบาลออกให้เป็นสกุลเงิน Crypto ได้ และจากรายละเอียดในเอกสารนั้น ผู้ใช้บริการสามารถย้าย Cryptocurrency ของตัวเองไปยังที่อื่นได้ด้วย

ถึงแม้ว่าทาง Bank of America จะยังไม่ไม่มีบริการแลกเปลี่ยน Cryptocurrency ของตนเองเร็วๆ แต่ในปี้นี้แสดงให้เห็นถึงว่า Application ได้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินมากขึน

ในอนาคตนั้นเราหวังว่า Cryptocurrency จะถูกใช้ในวงกว้าง และแนวคิดที่ว่าธนาคารทั่วๆ ไปจะสามารถให้บริการเก็บและย้ายเงินดิจิตอลสกุลหนึ่งไปยังอีกสกุลหนึ่งนั้น คงอาจจะไม่ใกลเกินเอื้อม

Blockchain ที่สามารถแก้ไขได้?

แนวคิดก็คือให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้ทำบัญชีแยกประเภท (Ledger) สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ถูกเพิ่มเติมได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง โดยที่ข้อมูลที่ถูกเพิ่มนั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือถูกฉ้อโกงได้ บุคคลที่ได้รับอนุญาตนี้จะต้องรักษาความถูกต้องจากฝ่ายที่ไม่เป็นผู้ไม่ประสงค์ดีและธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องของพวกเขา

ในท้ายที่สุดนี้่สิทธิบัตรของ Blockchain ที่แก้ไขได้อาจแสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันในอุตสาหกรรม Blockchain ในปัจจุบัน

การจับตาของ FICO SCORE

FICO SCORE หนึ่งในผู้ให้บริการตรวจจับการใช้งาน Credit Card ที่ใหญ่ที่สุดกำลังเข้าสู่เกมของ Bitcoin หรือไม่

นี่เป็นหนึ่งในคำถามที่ได้รับความสนใจ โดยสืบเนื่องมาจากคำขอรับสิทธิบัตรจาก FICO ที่ตีพิมพ์ในเดือนกันยายน ที่ระบุถึงวิธีการในการตรวจจับการทำธุรกรรม Cryptocurrency “ที่ผิดกฏหมาย” โดยเขาอ้างว่ามีวิธีในการพิจารณาว่าการใช้ Cryptocurrency เป็นสิ่งที่หลอกลวงหรือเป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงิน

แม้ว่าจะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า FICO ได้เริ่มติดตามข้อมูลการซื้อขาย Bitcoin แล้วหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า กลุ่มสถาบันการเงินหลักที่อยู่ภายนอกธนาคาร นายหน้าหรือนักลงทุน กำลังสำรวจว่าเทคโนโลยี Blockchain นี้อาจส่งผลกระทบต่อพวกเขา

ห่วงโซ่ ATM?

อีกหนึ่งกรณีที่น่าสนใจในปีนี้ก็คือผู้ให้บริการบัตรชำระเงิน China Union Pay กำลัง มองหาวิธีการเชื่อมต่อเครือข่ายเอทีเอ็มผ่านทาง Blockchain อยู่

ทางบริษัทยังไม่ได้ระบุว่าได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ร่วมกับ ATM หรือยังแต่ China UnionPay ตั้งข้อสังเกตว่าระบบ Blockchain จะให้การรักษาความปลอดภัยได้หรือไม่ และเทคโนโลยีนี้จะสามารถแก้ปัญหาของเครือข่ายนี้ได้หรือไม่

การเทรดสกุลเงิน

หรือว่า “ตัวพ่อของอนาคตทางการเงิน” กำลังเข้าสู่ Crypto

ศักยภาพดังกล่าวได้ถูกยกขึ้นในการยื่นขอจดสิทธิบัตรสำหรับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ช่วยให้สามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลได้ โดยคนที่ยื่นจดนี้ก็คือนักเศรษฐศาสตร์นาย Richard Sandor ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์ทางการเงินในปี 1970 นาย Richard Sandor เป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์และรองประธานของ Chicago Board of Trade

อุปกรณ์ดังกล่าวได้ถูกอธิบายว่าจะสามารถผูกสกุลเงินดิจิตอลกับตราสารอนุพันธ์ได้ เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยโดยการวาง Registry ไว้ในที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ อย่างไรก็ตาม Registry นี้จะทำหน้าที่เป็นกลไกสำหรับส่งข้อมูลของ Cryptocurrency

ดังนั้นอุปกรณ์ที่เสนอเช่นนี้ (หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน) อาจมีบทบาทสำคัญในการช่วยการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เป็น “สิ่งของ” ที่สามารถส่งสิ่งของในรูปแบบดิจตอลได้

The post Blockchain ที่แก้ไขได้? อนาคตของการขุดเหรียญ? ปี 2017 สิทธิบัตรของ Cryptocurrency เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย appeared first on Siam Blockchain.

“ราคาของ Bitcoin จะไปแตะ $60,000 หรือ $5,000” ผู้ก่อตั้งบัตรเดบิตคริปโตนาม TenX เผย

สองเดือนสุดท้ายของปี 2017 ได้เผยให้เห็นว่า Bitcoin นั้นกลายเป็นคำจำกัดความของความผันผวนไปเสียแล้วแม้ว่าตลาดเหรียญดังกล่าวจะทนรับคำวิพากษ์วิจารณ์รอบด้านได้เป็นอย่างดีมาแล้วตั้งแต่ปี 2009 ในขณะเดียวกันตลาดกระทิงที่ผลักดันราคาให้เหรียญดังกล่าวพุ่งขึ้นไปแตะ 20,000 ดอลลาร์ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะเกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้ราคาร่วงลงมาแตะ 10,000 ดอลลาร์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ดอกเตอร์ Julian Hosp ผู้ร่วมก่อตั้ง TenX หรือผู้ให้บริการด้านบัตรเดบิต Bitcoin ได้ให้สัมภาษณ์กับ CNBC โดยเขาคาดการณ์ว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะมีการพุ่งขึ้นไปที่สูงกว่านี้ โดยเขากล่าวว่า

“ผมคิดว่าเราจะได้เห็นราคาของ Bitcoin พุ่งไปถึง 60,000 ดอลลาร์ แต่ผมก็ยังคิดว่าเราจะได้เห็นราคา Bitcoin ที่ 5,000 ดอลลาร์ด้วยเช่นกัน คำถามก็คือ มันจะไปถึงจุดไหนก่อน”

ในขณะที่เขามองเห็นความไม่แน่นอนของตลาดนั้น นาย Hosp เชื่อว่าการพุ่งลงไปแตะจุดต่ำของราคาล่าสุดนั้นถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อที่เยี่ยม เขากล่าวว่า

“สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาในตลาดมาแล้วพักหนึ่ง การตกของราคานี้ถือเป็นการต้อนรับเลยทีเดียว สำหรับเรานั้น การตกของราคานี้ถือเป็นเรื่องที่แสดงถึงสุขภาพของตลาดที่ดี และสำหรับพวกเราบางคนก็ได้ซื้อเพิ่มเข้ามานิดหน่อย เพราะว่าเราถือว่ามันเป็นส่วนลดประมาณ 40-45% จากจุดสูงสุด”

ตลาดคริปโตกำลังเติบโต

การตกของราคานั้นไม่ได้มีเฉพาะ Bitcoin เท่านั้น เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วตลาดเหรียญ cryptocurrency ได้สูญเสียมูลค่าโดยรวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลากว่า 48 ชั่วโมง แต่มันก็ยังฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และยังอยู่ในช่วง side way ต่อ และแม้ว่าการ correction ของราคาในตลาดคริปโตนั้นจะเป็นสิ่งที่ดูแล้วน่ากลัว แต่หลายๆฝ่ายก็มองว่านี่คือเรื่องธรรมดา และในอดีตนั้นมันได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

ตัวแปรในการตกลงของราคานั้นมีมากมาย แต่หลัก ๆ แล้วหลาย ๆ ฝ่ายเชื่อว่าเกิดจากช่วงวันหยุดคริสต์มาสและการเข้าใกล้ช่วงวันปีใหม่

แม้ว่านาย Hosp จะยังอยู่ข้างตลาดกระทิง แต่เขาก็มองว่าตลาดนั้นจะยังคงผันผวน และราคาของเหรียญที่ไม่มีบทบาทการใช้งานจริงยังร่วงลงไปได้กว่านี้ และไปเข้าหาตลาดที่ผู้คนให้การยอมรับ โดยเขากล่าวทิ้งท้ายว่า

“ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นฟองสบู่ที่จะแตกออก และทุก ๆ คนก็จะสูญเสียเงินหรอก แต่ผมคิดว่าพวกเหรียญอะไรก็แล้วแต่ที่ไม่มีบทบาททางด้านการใช้งานจริงจะต้องถูกกำจัดออกไป เม็ดเงินนั้นจะไหลเข้าสู่ตลาดของเหรียญที่นำพามาซึ่งมูลค่าที่แท้จริงเท่านั้น, มีเทคโนโลยีที่ดี และถูกใช้โดยผู้คนจริง ๆ”

The post “ราคาของ Bitcoin จะไปแตะ $60,000 หรือ $5,000” ผู้ก่อตั้งบัตรเดบิตคริปโตนาม TenX เผย appeared first on Siam Blockchain.

“SegWit2x จะกลับมาในวันที่ 28 ธันวาคมนี้” กล่าวโดยผู้ก่อตั้ง

ตัวอัพเดตแก้ปัญหาการ scaling นาม SegWit2x จะทำการ hard fork ในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ อ้างอิงจากเว็บไซต์หลักของผู้พัฒนา

โปรเจ็ค SegWit2x ที่ก่อนหน้านี้ได้สร้างความขัดแย้งและแตกแยกในกลุ่มผู้ใช้งาน Bitcoin ที่ลงเอยด้วยการประกาศยกเลิกการ hard fork เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจกลับมาดำเนินการอัพเกรดอีกครั้ง โดยกล่าวว่าจะทำการ hard fork ที่บล็อกหมายเลข 501,451 ซึ่งจะมีขึ้นในอีกหนึ่งวันข้างหน้าที่จะถึงนี้

นาย Jaap Terlouw หรือผู้ก่อตั้งโปรเจ็คและหัวหน้าฝ่ายนักพัฒนากล่าวบนเว็บไซต์หลักว่าการ hard fork ในครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่การแก้ไขปัญหาด้าน “ค่าธรรมเนียมและความรวดเร็วในการทำธุรกรรมภายในเครือข่ายของ Bitcoin” และยังกล่าวเสริมว่า Bitcoin นั้น “แทบจะไม่สามารถถูกนำมาใช้เพื่อเป็นสื่อกลางในการใช้จ่ายได้เลย”

นาย Terlouw ได้ออกมากล่าวคอนเฟิร์มถึงการ hard fork ในครั้งนี้ว่า

“ทีมของเราจะทำการ hard fork เหรียญ Bitcoin ให้สำเร็จลุล่วง ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกวางแผนไว้แล้วในเดือนพฤศจิกายน”

ที่น่าสนใจคือ เขายังสัญญาว่าจะแจกเหรียญ hard fork ใหม่ให้กับผู้ถือ Bitcoin ในปัจจุบันให้อย่างฟรี ๆ (ซึ่งก็คือเหรียญ B2X) ในอัตราส่วนที่เท่ากับจำนวนเหรียญ BTC ที่ผู้ใช้งานถือไว้ก่อนการ hard fork อีกด้วย

โดยปัจจุบันมีเว็บเทรดทั้งหมดแปดแห่งที่ถูกแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้สนับสนุนการ hard fork ดังกล่าว นอกจากนี้โร้ดแมพของโปรเจ็คที่ว่านี้ยังได้มีการเผยให้เห็นถึงการนำรองรับ Lightning Network, Smart contracts และ การทำธุรกรรมแบบไร้ตัวตน (แบบ ZCoin และ Monero) อีกด้วย

ฤดูแห่งการ Hard fork

เมื่อหกสัปดาห์ที่แล้ว เหรียญ Bitcoin Cash ที่ซึ่งเป็นเหรียญ hard fork อีกหนึ่งตัวที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาได้กลายมาเป็นที่ถูกจับตามองมากที่สุด เนื่องจากว่าตัวเลขการเติบโตที่มากขึ้น และพฤติกรรมของนักลงทุนและนักขุดที่เริ่มหันเหมาเข้าหาเหรียญดังกล่าวมากขึ้น

การฟื้นคืนชีพกลับมาของ SegWit2x ล่าสุดนั้นดูเหมือนว่าจะยังไม่เป็นที่โด่งดังมากนักในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม นาย Terlouw ได้ออกมากล่าวถึงเว็บไซต์ผู้ให้บริการด้านการซื้อขายเหรียญคริปโตอย่าง HitBTC ที่ให้บริการซื้อขาย SegWit2x futures ว่า

“ในขณะเดียวกันนี้ การซื้อขายฟิวเจอร์สของ SegWit2x ได้มีขึ้นบนเว็บเทรดบางเว็บมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะ HitBTC ที่เป็นหนึ่งในนั้น”

เมื่อโปรเจ็คดังกล่าวได้บอกใบ้ว่าจะกลับมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ราคาฟิวเจอร์ของเหรียญ B2X ได้พุ่งขึ้นจาก 200 ดอลลาร์ไปสู่ 600 ดอลลาร์ทันที

ในขณะเดียวกัน Blockchain Angel Investor นั้นก็ได้เปิดตัว Bitcoin God(GOD) เมื่อวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา

การ hard fork เหรียญ Bitcoin นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นที่นิยมอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากว่าผู้ที่ hard fork จะได้เหรียญใหม่มาฟรี ๆ ที่สามารถนำไปขายทอดตลาดได้ อีกทั้งเหรียญที่ hard fork ออกมานี้จะถือว่าเป็นการ “กาฝาก” เกาะชื่อเสียงของ Bitcoin ไปในตัวอีกด้วย

The post “SegWit2x จะกลับมาในวันที่ 28 ธันวาคมนี้” กล่าวโดยผู้ก่อตั้ง appeared first on Siam Blockchain.

นักวิจัยเตือน: ผู้ใช้งานและเว็บเทรดBitcoin กำลังตกเป็นเป้าชั้นดีจากอาชญากรทางไซเบอร์

ด้วยมูลค่าของ bitcoin ที่พุ่งขึ้นสูงเกือบแตะ 20,000 ดอลลาร์ ต่อเหรียญ รวมถึงมูลค่าตลาดรวมของ cryptocurrency ทั้งหมดที่เพิ่งจะเกิน 600,000,000 ดอลลาร์ ทำให้อาชญากรพุ่งเป้าไปที่ผู้เล่นในตลาดนี้รวมไปถึงเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน cryptocurrency ที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ

นาย Bryce Boland หรือ CTO ของบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชั้นนำอย่าง FireEye เปิดเผยในงาน ZDNet ว่า มีผู้ที่เป็นเหยื่อของ ransomware ถูกข่มขู่ให้จ่ายด้วย cryptocurrency บ่อยครั้งขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ Google Report ยังได้รายงานว่า ransomeware ทั้ง 34 ตัวนี้สามารถทำรายได้กว่า 25,000,000 ดอลลาร์ในช่วง 2 ปีนี้ แสดงให้เห็นถึงผลกำไรที่ดีของธุรกิจเหล่านี้อย่างมาก

นาย Boland กล่าวว่า

“พวกเราได้เห็นการข่มขู่ รีดไถธุรกิจต่าง ๆ จำนวนมาก และส่วนใหญ่อาชญากรก็ใช้ cryptocurrency โดยเฉพาะ bitcoin เป็นช่องทางในการรับเงินอีกด้วย ลูกค้าของเราจำนวนมากประสบปัญหาในเรื่องความปลอดภัยของเหรียญ และยังต้องซื้อ bitcoin เพื่อจ่ายให้แก่อาชญากรอีก”

นาย Boland ยังกล่าวอีกว่าการที่ราคาของเหรียญบางตัวพุ่งขึ้นสูงนั้นทำให้คนรู้สึกว่าควรจะซื้อเหรียญเก็บสะสมเอาไว้บ้าง และผู้เล่นหน้าใหม่ที่เพิ่งจะซื้อ cryptocurrencies นั้นต่างก็คิดเพียงแต่จะเก็งกำไรกันเท่านั้น โดยไม่ได้คาดคิดและระวังเลยว่าเงินของพวกเขานั้นถูกขโมยได้ง่ายมากแค่ไหน

การเข้ารหัสไม่สามารถแก้ความอ่อนแอของมนุษย์ได้

นาย Boland ชี้ว่า การเข้ารหัสนั้นจะช่วยแก้ทุกปัญหาก็ต่อเมื่อมันสมบูรณ์และไม่มีข้อผิดพลาดเท่านั้น อาชญากรหันมาใช้ cryptocurrencies เพื่อลดความเสี่ยงที่จะโดนจับ แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพียงมนุษย์ที่พุ่งเป้าจะเล่นงานกับมนุษย์ด้วยกันเอง

“ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณมี password ที่แข็งแกร่ง รวมถึงใช้คอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวในการเข้าเวปเทรด cryptocurrencies คุณก็ยังสามารถตกเป็นเหยื่อได้อยู่ดี”

สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่คนเชื่อมั่นในความปลอดภัยในการใช้ cryptocurrencies ต่าง ๆ แต่อาชญากรนั้นไม่ได้แค่นั่งเดา password ของ wallet แต่พวกเขาขโมยข้อมูลและ password เพื่อเข้า wallet เลยต่างหาก!

นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยน cryptocurrencies ปัจจุบันที่ดำเนินการโดยองค์กรหรือบริษัทเล็ก ๆ อาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรได้ เพราะถึงแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะรู้และเข้าใจเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ เป็นอย่างดี แต่ความพยายามในการรองรับข้อมูลจำนวนมากอาจทำให้บริษัทเหล่านี้มองข้ามความสำคัญของมาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ไปและทำให้เกิดหายนะได้

“พวกเราเคยเห็นบริษัทเหล่านี้โดน DDoS attack รวมถึงโดนพยายามขโมยเหรียญต่าง ๆ, พยายามรวบรวมข้อมูลว่าบริษัทเหล่านี้ดำเนินการกันอย่างไร โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องขั้นตอนการป้องกันการฟอกเงิน, พยายามหาตัวผู้ที่ทำงานในบริษัทเหล่านั้นเพื่อก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ต่อ”

ตัวอย่างจริงของสิ่งที่นาย Boland พูดถึงนี้คือ YouBit หรือแลกเปลี่ยน cryptocurrencies หนึ่งที่ตั้งอยู่ในเกาหลี ซึ่งโดน hacker แอบเข้า wallet และถูกขโมยทรัพย์สินไปถึง 17% ของทั้งหมด

The post นักวิจัยเตือน: ผู้ใช้งานและเว็บเทรดBitcoin กำลังตกเป็นเป้าชั้นดีจากอาชญากรทางไซเบอร์ appeared first on Siam Blockchain.

โปรแกรมเมอร์ชาวจีนถูกจับกุมข้อหาขโมย Bitcoin เป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านหยวน

ช่องข่าวท้องถิ่นในประเทศจีน CCTV13 ได้รายงานเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาว่าตำรวจในมณฑลเหอหนานกำลังสืบสวนคดีๆหนึ่ง ที่นักลงทุน Bitcoin ได้ทำการยื่นฟ้องว่าเหรียญของเขานั้นถูกขโมยจาก wallet ของเขา

188 BTC ที่หายไป

โดยอ้างอิงจากบันทึกประจำวันที่ถูกเขียนเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมปีนี้ ประชาชนในมณฑลเหอหนานคนหนึ่งนามว่า Wu กล่าวว่าเขาสูญเสีย Bitcoin ไปเป็นจำนวน 188.31 BTC หรือประมาณ 3.4 ล้านหยวนในขณะนั้น นาย Wu อ้างตัวเองว่าเป็นนักลงทุนมืออาชีพที่ได้ก้าวเข้ามาในตลาดเหรียญคริปโตเมื่อปี 2016 โดยในช่วงต้นปี 2017 นั้นเขาได้ถูกเชิญให้เข้าไปในกลุ่ม Bitcoin กลุ่มหนึ่งบนแอพ WeChat

นาย Wu รายงานต่อตำรวจว่าแอดมินของกลุ่มดังกล่าวชื่อว่า Dai มักจะแชร์ลิงค์ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับเว็บเทรด cryptocurrency ที่ถูกแฮค และมักจะเตือนสมาชิกในกลุ่มเกี่ยวกับความอันตรายในการเก็บ Bitcoin ไว้บนเว็บเทรด นาย Wu เมื่อได้อ่านข่าวดังกล่าวบ่อยมากขึ้นก็เริ่มที่จะเกิดความกังวล และได้เพิ่มนาย Dai เป็นเพื่อนบน WeChat เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเก็บเหรียญ​ ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นก็เริ่มเป็นจุดที่ฝันร้ายของเขาต้องเกิดขึ้น นาย Dai ได้ทำการส่งแอพให้นาย Wu โดยแอพดังกล่าวนั้นจะถูกใช้เพื่อสร้าง address Bitcoin ใหม่ขึ้นมา นาย Wu ที่เป็นเหยื่อได้ทำการโหลดแอพที่ว่านี้ และได้โอนเหรียญ Bitcoin ของเขาเป็นจำนวน 188.31 BTC ไปยัง address ใหม่นี้

โดยอ้างอิงจากบทสนทนาที่ถูกบันทึกไว้บน Wechat นาย Wu ได้ทำการโอน Bitcoin ของเขาไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม และได้ค้นพบว่าเหรียญของเขานั้นหายไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมเมื่อเขากลับมาจากการไปเที่ยว นาย Wu ได้บอกนาย Dai เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว และเรียกร้องที่จะพบเขาแบบตัวต่อตัว แต่ก็ถูกปฏิเสธ ภายหลังนาย Dai ได้โอนเงินกว่า 120,000 หยวนไปให้เขาเพื่อเป็นการปลอบใจ

“เฮ้ย เรารู้สึกเสียใจกับนายด้วยนะ ด้วยการที่เราเป็นคนแนะนำกระเป๋าที่ว่านี้ให้นาย เดี๋ยวเราจะให้เงิน 120,000 หยวนเป็นการปลอบใจละกัน”

เมื่อนาย Wu เห็นเช่นนั้น เขาจึงไปแจ้งตำรวจทันที เนื่องจากเขารู้สึกสงสัย ที่คงไม่มีคนสติดีๆคนไหนที่จะให้เงินปลอบใจแก่คนแปลกหน้าเป็นจำนวนเยอะขนาดนี้แน่นอน

การจับกุม

ทางตำรวจได้ตั้งให้นาย Dai เป็นผู้ต้องสงสัย เมื่อการสอบสวนขั้นแรกสิ้นสุดลง โดยวันที่ 9 สิงหาคม นาย Dai ได้ถูกจับกุมในเมืองเซี่ยงไฮ้ด้วยความร่วมมือจากตำรวจเมืองเหอหนาน ทางตำรวจสามารถที่จะยึดของกลางเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์โนตบุคเป็นจำนวนหลายเครื่อง บัตรเครดิตเป็นจำนวน 27 ใบ โดยตำรวจได้ค้นพบ address ของ Bitcoin ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับของนาย Wu เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งอีกด้วย

ในช่วงการสอบปากคำนั้น นาย Dai ได้ยอมรับข้อกล่าวหาในคดีนี้ และภายหลังพวกเขาก็ได้ค้นพบว่านาย Dai นั้นเป็นโปรแกรมเมอร์ โดยเขามักจะสร้าง address กระเป๋า Bitcoin ขึ้นมาและสร้างโปรแกรมที่จะทำการส่งชื่อ account และ password ของเหยื่อให้ส่งมาให้เขา เมื่อเหยื่อทำการดาวน์โหลดโปรแกรมดังกล่าวและส่ง Bitcoin เข้ามาใน address ที่ถูกโปรแกรมนี้สร้างขึ้น นาย Dai จะทำการโอนเหรียญของเหยื่อเข้ามาในกระเป๋าของเขา และขายมันบน exchange ทันที ก่อนหน้านี้เขาเคยก่อคดีที่ว่านี้มาแล้วเป็นเวลาสามครั้ง และขโมยเงินมาได้แล้วกว่า 20 ล้านหยวน (สามล้านดอลลาร์) โดยในขณะนี้ตำรวจได้ทำการอายัดบัญชีธนาคารของนาย Dai ไว้ได้ และเอาเงินที่เหลือกว่า 2 ล้านดอลลาร์ออกมาได้

The post โปรแกรมเมอร์ชาวจีนถูกจับกุมข้อหาขโมย Bitcoin เป็นมูลค่ากว่า 20 ล้านหยวน appeared first on Siam Blockchain.

อัยการเกาหลีใต้ขอยื่นอุทธรณ์ให้ “Bitcoin ของอาชญากรควรถูกยึดเป็นของรัฐ”

ทางการของเกาหลีใต้ได้แบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายเพื่อถกเถียงกันว่า Bitcoin ของอาชญากรนั้นควรที่จะถูกยึดมาได้เป็นของรัฐบาลหรือไม่ โดยอ้างอิงจากคดีๆหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Bitcoin จำนวน 216 BTC ที่ศาลในเกาหลีใต้เพิ่งจะสั่งออกมาว่าสกุลเงินดิจิตอลนั้นไม่สามารถที่จะถูกยึดได้ อย่างไรก็ตาม อัยการส่วนหนึ่งได้ขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อให้ศาลเปลี่ยนใจ และพิจารณาให้ Bitcoin จำนวนดังกล่าวนั้นถูกยึดมาเป็นของรัฐบาล เนื่องจากว่าปัจจุบันมันมีมูลค่ารวมกว่าหลายพันล้านวอน

อัยการเล็งที่จะยึด Bitcoin

สืบเนื่องมาจากการตัดสินคดีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ศาลเขต Suwon ในประเทศเกาหลีใต้ได้พบว่าการยึด Bitcoin มาจากอาชญากรรายหนึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ทางอัยการของคดีจึงได้ขอยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลเปลี่ยนใจในคดีดังกล่าว อ้างอิงจากสำนักข่าว SBS โดยทางอัยการเชื่อว่าของกลางทุกอย่างที่ใช้ทำผิดกฎหมายของอาชญากรควรที่จะถูกยึดไว้

คดีดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยจำเลยคือนักพัฒนาเว็บไซต์คนหนึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเผยแพร่สื่ออนาจารลามกกว่า 235,000 ชุดเป็นเวลากว่าสามปี

นาย Ahn อายุ 33 ปีผู้เป็นเจ้าของเว็บไซต์ขายสื่อลามกดังกล่าวมีลูกค้ากว่า 1.2 ล้านคนทั้งหมด โดยอัยการได้สั่งยึดเงินสดของเขากว่า 1.46 พันล้านวอน และรวมถึง Bitcoin กว่า 216 BTC ทั้งหมดบนกระเป๋าบนเว็บเทรดแห่งหนึ่ง โดยตั้งแต่ช่วงที่นาย Ahn ถูกจับกุมนั้น มูลค่าของ Bitcoin ที่เขาถือไว้ได้เพิ่มขึ้นจาก 500 ล้านวอนไปเป็น 4.25 พันล้านวอน (ประมาณ 4 ล้านดอลลาร์)

ศาลสั่ง Bitcoin ไม่สามารถถูกยึดได้

ในช่วงการไต่สวนของศาลเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา อัยการได้ยื่นส่งฟ้องต่อนาย Ahn และครอบครัวของเขา โดยขอยึดเงินสดกว่า 1.46 พันล้านวอนและ Bitcoin กว่า 216 BTC ของเขา

ศาลเขต Suwon ได้ตัดสินว่านาย Ahn มีความผิดและต้องรับโทษจำคุกหนึ่งปีกับอีกหกเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้ตัดสินที่จะยึดเงินสดเพียง 340 ล้านวอนจากจำนวน 1.46 พันล้านวอนทั้งหมด และปฏิเสธที่จะยึด Bitcoin ของนาย Ahn เขาเชื่อว่าจำนวนเงิน 340 ล้านวอนนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยจากกำไรของธุรกิจขายสื่อลามกอนาจารของเขาเท่านั้น สำหรับเงินดิจิตอลของเขา สื่อได้รายงานคำตัดสินของผู้พิพากษาว่า

“ไม่เพียงแต่มันเป็นการยากที่จะทำ แต่มันยังเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะยึด Bitcoin เนื่องจากว่ามันอยู่ในรูปแบบอิเลคทรอนิคส์ไฟล์ และไม่สามารถจับต้องได้เหมือนเงินสด”

สื่อท้องถิ่นดังกล่าวยังอธิบายว่าสาเหตุที่ Bitcoin นั้น “ไม่เหมาะสมที่จะถูกยึด” นั้นถูกอ้างอิงมาจากมาตราที่สิบของกฎหมายว่าด้วยรายได้ที่ซ่อนอยู่

ถ้าหากว่าอัยการสามารถยึด Bitcoin ของนาย Ahn ได้สำเร็จ มันจะถูกโอนไปเป็นของรัฐบาล และจะถูกตั้งประมูล สื่อยังได้รายงานต่อว่าการไต่สวนคดีครั้งที่สองจะมีขึ้นในวันที่ 8 มกราคมที่จะถึงนี้

The post อัยการเกาหลีใต้ขอยื่นอุทธรณ์ให้ “Bitcoin ของอาชญากรควรถูกยึดเป็นของรัฐ” appeared first on Siam Blockchain.

นักกลยุทธ์ตลาด Forex เตือนเกี่ยวกับการเข้าช้อนซื้อ Bitcoin ในขณะที่ราคากำลังตก

นาย Boris Schlossberg หรือนักกลยุทธ์ด้านตลาด forex exchange แห่งบริษัท BK Asset Management ได้ออกมาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับราคาของ Bitcoin ที่กำลังร่วงลงมาอย่างรุนแรงในขณะนี้ โดยเกรงว่ากลุ่มมือใหม่จะเข้าใจผิดว่านี่คือโอกาสเข้าซื้อที่ดี

นาย Schossberg เตือนผู้คนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อในสิ่งที่เขากล่าวว่า “เป็นความหวังลมลมแล้งแล้ง” อ้างอิงจาก CNBC เหรียญคริปโตอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Bitcoin ได้มีราคาที่ร่วงลงมาอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งร่วงลงไปถึง 10,400 ดอลลาร์จนส่งผลทำให้เว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯอย่าง Coinbase ต้องหยุดให้บริการซื้อขายเป็นระยะเวลาหนึ่ง

นาย Schlossberg กล่าวว่าความผันผวนของราคาอาจจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆในอีกสัปดาห์ข้างหน้า และเขานั้นจะไม่ซื้อ Bitcoin อย่างแน่นอน

ความผันผวนอันรุนแรง

Bitcoin ได้ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากในปีนี้ กล่าวโดยนาย Schlossberg แต่การผันผวนของราคาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของราคา Bitcoin อย่างเป็นเรื่องธรรมดา

การลดลงของราคานั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการถือ Bitcoin ของนักลงทุน เมื่อมี porfolio ของนักลงทุนเป็นจำนวนมากต้องอยู่ในสถานะลมละลาย Bitcoin นั้นอาจจะได้รับผลกระทบจากตลาดด้านการลงทุนอื่นๆที่มีความผันผวนต่ำด้วย กล่าวโดยนาย Schlossberg

เขากล่าวว่าตำแหน่งราคาของ Bitcoin ที่ 10,000 ดอลลาร์นั้นได้กลายมาเป็นแนวรับใหม่ของมันแล้ว เนื่องจากการ breakout ของราคาที่เกิดขึ้นเมื่อสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และมันได้อยู่เหนือระดับราคาดังกล่าวมาเป็นเวลาหลายวัน ดังนั้นนาย Schlossberg จึงกล่าวว่านักลงทุน Bitcoin ที่กำลังพยายามจะช้อนซื้อนั้น ก็ไม่ต่างจากการ “เอามือรอรับมีดที่กำลังร่วงลงมา”

ผลสำรวจของ CNBC เผยว่าผู้คนอีกหลายคนกำลังซื้อ Bitcoin

ผลสำรวจออนไลน์ของ CNBC เผยให้เห็นว่าผู้คนอีกเป็นจำนวนมากนั้นไม่เชื่อในการวิเคราะห์ของนาย Schlossberg

ในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมโหวตในผลสำรวจทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 5,687 คน โดยมี 52% ที่กล่าวว่าพวกเขาจะไม่ซื้อ Bitcoin ในขณะที่อัก 48% เผยว่าพวกเขาต้องการจะซื้อเหรียญดังกล่าว

แม้ว่าคำแนะนำของเขาจะออกมาเป็นแบบนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น นาย Schlossberg ได้ออกมาเตือนนักลงทุนที่กำลังจะนำเอา Bitcoin ไปใส่ใน porfolio ของพวกเขา โดยบอกว่านักลงทุนเหล่านั้นกำลังลงทุนในสิ่งที่ไม่แน่นอน นาย Schlossberg ได้หยิบยกข้อแตกต่างของทองคำและ Bitcoin ขึ้นมาพูดคุย โดยกล่าวว่า Bitcoin นั้นมักจะถูกมองว่าเป็นทองคำแห่งใหม่ เนื่องจากความสามารถในการเก็บมูลค่าที่มีอยู่เป็นเวลานาน

นอกเหนือจากการทำหน้าที่ในบริษัท BK Asset Management แล้ว นาย Schlossberg ยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง BKForex.com และมีประสบการณ์ด้านตลาดการเงินกว่า 20 ปี เขาได้เริ่มงานใน Wall Street มามากกว่า 20 ปีแล้ว ณ บริษัท Drexel Burnham Lambert และยังมีประสบการณ์ในการซื้อขายสินทรัพย์มากมายอย่าง equity, ออฟชั่น และ หุ้น index

The post นักกลยุทธ์ตลาด Forex เตือนเกี่ยวกับการเข้าช้อนซื้อ Bitcoin ในขณะที่ราคากำลังตก appeared first on Siam Blockchain.

รัฐบาลเวียดนามกำลังสืบสวนพ่อค้าที่ฝ่าฝืนคำเตือนรับการจ่ายเงินเป็น Bitcoin

บัตร Bitcoin นาม BitPay กล่าวจะไม่ทำรายการยอดต่ำกว่า $100 สองวันภายหลังเปลี่ยนใจ

ผู้ให้บริการการชำระเงิน Bitcoin BitPay ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธ.ค. ว่ากำลังอัพเดทจำนวนเงินขั้นต่ำที่ใช้ในการชำระเงินจาก 5 ดอลลาร์ เป็น 100 ดอลลาร์ และสองวันถัดมาก็กลับไปใช้มาตรการเดิม เหมือนที่รายงานใน Blog เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

BitPay ได้อัพเดทในวันที่ 22 ธันวาคมโดยแจ้งให้ผู้ใช้บริการให้ทราบว่าแพลตฟอร์มนี้จะไม่ดำเนินการสำหรับธุรกรรมที่มีมูลค่าต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ หรือมีมูลค่าเทียบเท่า Bitcoin ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเมื่อก่อนแค่ 5 ดอลลาร์เท่านั้น

ทางบริษัทอ้างถึงปริมาณการทำธุรกรรมของ Bitcoin และความแออัดของเครือข่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์และค่าธรรมเนียมในการขุดเหรียญที่สูงเป็นเหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

ในโพสต์ Blog ระบุว่า:

“ค่าธรรมเนียมในการขุด Bitcoin มีมูลค่ามากกว่า 30 ดอลลาร์ต่อการทำธุรกรรมโดยเฉลี่ยแล้ว … การชำระเงินของ Bitcoin ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์กำลังกลายเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ในการส่งเหรียญและสำหรับการดำเนินการของ BitPay ด้วย”

นอกจากนี้ยังระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ส่งผลต่อการชำระเงินบุคคลระหว่างบุคคลใน Wallet ของ BitPay แต่จะกระทบกับการจ่ายเงินให้แก่พ่อค้าด้วยบัตร BitPay และจาก Bitcoin ไปสกุลดอลลาร์

การกลับลำของ BitPay

อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไป 2 วันทาง BitPay ก็ได้ยกเลิกการเปลี่ยนแปลงนี้และกลับไปเป็นดั่งเดิมคือขั้นต่ำที่ 5 ดอลลาร์ โดยอ้างว่า “การปรับปรุง Protocol การชำระเงิน” ที่เพิ่งใช้งานบนแพลตฟอร์มทำให้สามารถดำเนินการได้แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางบริษัทยังไม่ได้ใช้โซลูชั่นการ Scaling แบบ SegWit บนแพลตฟอร์มตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม แม้ว่าจะยอมรับว่าจะช่วยเพิ่มขีดขนาดของเครือข่ายและอนุญาตให้ลดค่าเฉลี่ยของค่าธรรมเนียมในการขุดเหรียญให้ได้มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์

ความล้มเหลวในการเปิดใช้งานสนับสนุนด้วย SegWit กับ Bitcoin ส่งผลให้ผู้ใช้งาน BitPay รู้สึกไม่สบายใจ เกือบทุกคนได้ตอบกลับผ่านการประกาศของบริษัทผ่านทาง Twitter เพื่อขอร้องให้ปรับขนาดของการ Scaling ให้มากขึ้น:

แปล: อัพเดต: เราได้ปรับคืนขั้นต่ำที่ 5 ดอลลาร์แล้ว แต่เรายังตรวจสอบเงื่อนไขของเครือข่าย Bitcoin ต่อไป เรียนรู้เพิ่มเติม:

แปล: Segwit ทำสิ

แปล: พวกคุณได้ใช้ Segwit เพื่อช่วยเหลือสถานการณ์นี้หรือไม่?

The post บัตร Bitcoin นาม BitPay กล่าวจะไม่ทำรายการยอดต่ำกว่า $100 สองวันภายหลังเปลี่ยนใจ appeared first on Siam Blockchain.

ขุดเหรียญ Cryptocurrency ด้วยพลังงานจากมนุษย์ ทำได้จริงหรือ?

เป็นไปได้ไหมที่จะใช้ประโยชน์จากพลังงานจากร่างกายมนุษย์ไปพลังงานสำหรับอุปกรณ์ขุดเหมือง Cryptocurrency?

บริษัทเทคโนโลยีประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและการเก็งกำไรซึ่งเป็นผู้บุกเบิกโครงการสำรวจความเป็นไปได้ในการควบคุมพลังงานจากมนุษย์

บริษัทได้สร้างชุดสูทที่เปลี่ยนความร้อนจากร่างกายมนุษย์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังขุดเหรียญ Cryptocurrency

อ้างอิงจากเว็บไซต์ของพวกเขามี 37 คนที่เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าวนี้ แนวความคิดนั้นค่อนข้างเรียบง่ายเพียงแค่ผู้ขุดนอนลงไปบนเตียงไม่กี่ชั่วโมงในขณะที่ชุดสูทจะคอยควบคุมพลังงานจากความร้อนในร่างกายของพวกเขา

เทคโนโลยีนี้ฟังดูแล้วอาจดีมากเนื่องจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเทอร์โมไฟฟ้าขนาดเล็กสามารถแยกเก็บความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของร่างกายกับอุณหภูมิโดยรอบของห้องได้ กระแสไฟฟ้าที่สร้างขึ้นจะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานในการขุดเหรียญ Cryptocurrency

โดยรวมแล้วการใช้พลังงานจากมนุษย์นั้นมีพลังงานมากพอที่จะทำให้เครื่องคิมพิวเตอร์สามารถขุดได้เป็นเวลา 212 ชั่วโมงหรือ 8 วันเลยทีเดียว พวกเขาเคลมว่าสามารถขุดเหรียญคริปโตได้กว่า 16,594 เหรียญในช่วงเวลาดังกล่าว

โดย Cryptocurrency ที่ถูกเลือกไดเแก่ Vertcoin, StartCOIN, Dash, Lisk, Litecoin และ Ethereum Vertcoin และ StartCOIN คือเหรียญส่วนใหญ่ที่ถูกขุดได้มากสุด ในขณะที่ Litecoin และ Ethereum คือเหรียญที่ถูกขุดได้น้อยที่สุดเพราะค่า Diff ในการขุดเหรียญเยอะ

ในช่วงระยะเวลา 212 ชั่วโมงอาสาสมัครทั้งหมด 37 คนผลิตไฟฟ้าได้ 127,210 มิลลิวัตต์

ลองสมมติฐานนี้บ้าง

หากคุณมีการ์ดจอ Nvidia 1060 ขนาด 6 GB ในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณคาดได้เลยว่าจะสามารถผลิต Hash rate ที่ 19 MH/s ที่ 80 วัตต์ในการขุดเหรียญ Ethereum อ้างอิงข้อมูลจาก 1stminingrig.com

ลองไปดูที่ CryptoCompare จะทำให้คุณสามารถขุดเหรียญได้เพียง 0.002487 ETH จากเหรียญ Ethereum ต่อวันและใช้กำลังการผลิต 127,210 มิลลิวัตต์ซึ่งเท่ากับ 127 วัตต์ที่ใช้พลังงานจากชุดสูท

อย่างไรก็ตามโครงการเช่นนี้จะคอยผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีและขยายขอบเขตขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ให้มีความสามารถและทำให้สามารผลิตพลังงานในอนาคตได้

Blockchain และ Cryptocurrency เป็นการทำธุรกรรมแบบ Decentralized และไม่ระบุตัวตนกับคนทั่วไป แต่เราจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายพลังงานทั่วโลก ถ้าเราสามารถหาแนวทางแก้ไขได้ดีกว่าเราควรจะใช้มัน

The post ขุดเหรียญ Cryptocurrency ด้วยพลังงานจากมนุษย์ ทำได้จริงหรือ? appeared first on Siam Blockchain.

“มูลค่า Bitcoin จะเท่ากับศูนย์” กล่าวโดยสถาบันทางการเงิน Morgan Stanley

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาสถาบันทางการเงิน Morgan Stanley ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามในตลาดการเงินโลกที่มีทุนการตลาด 95 พันล้านดอลลาร์รองจาก Goldman Sachs และ JPMorgan Chase ระบุไว้ในงานวิจัยว่ามูลค่าของ Bitcoin ในอนาคตอาจลดลงเป็นศูนย์เนื่องจากขาด “มูลค่าที่แท้จริง

ไม่กี่วันที่ผ่านมานักวิเคราะห์นาย James Faucette จาก Morgan Stanley บอกกับลูกค้าและนักลงทุนของธนาคารว่าเป็นการยากที่จะปรับมูลค่าปัจจุบันของ Bitcoin และราคาของ Bitcoin อาจจะตกถึง 0 ดอลลาร์ต่อวัน เขาเขียนไว้ว่า:

  • เป็นคำถามที่ยากจะตอบ แต่มีบางประเด็นที่ต้องพิจารณา
  • Bitcoin สามารถมีค่าเหมือนสกุลเงินได้หรือไม่?
  • มันเหมือนกับทองดิจิตอล? ก็อาจจะ มันมีมูลค่าที่แท้จริงไหมเหมือนกับทองคำหรือ เครื่องเพชร ไหม แต่นักลงทุนดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับคุณค่าดังกล่าว
  • เป็นเครือข่ายที่สามารถชำระเงินได้หรือไม่ ใช่ แต่ก็เป็นการยากที่จะทำการ Scaling และไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
  • ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ Bitcoin อยู่ที่ 3 พันล้านดอลลาร์ (30 วันที่ผ่านมา) เทียบกับ 5.4 พันล้านดอลลาร์ในตลาด Forex
  • ประมาณการณ์ว่าน้อย 300 ล้านดอลลาร์ในปริมาณการซื้อต่อวันเทียบกับ 17 พันล้านดอลลาร์ จาก Visa

ในเดือนตุลาคมทางสยามบล็อกเชนรายงานว่าแม้ Mark Cuban นักวิจารณ์ Bitcoin กล่าวว่าแนวความคิดเกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงของ Bitcoin มีข้อบกพร่องอยู่เนื่องจากมูลค่าของสกุลเงินและสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาดเป็นเรื่องส่วนตัว

“เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะมีสินทรัพย์จำนวนมากซึ่งขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน หุ้นส่วนใหญ่ไม่มีมูลค่าที่แท้จริงเพราะคุณไม่มีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของที่แท้จริงและไม่มีสิทธิออกเสียง คุณเพียงแค่มีความสามารถในการซื้อและขายหุ้นเหล่านั้น Bitcoin เป็นสิ่งเดียวกัน ค่าของมันขึ้นอยู่กับความต้องการอุปทาน ส่วนผมได้ซื้อ Bitcoin ผ่าน ETN Exchange สัญชาติสวีเดน”

นาย Cuban กล่าว

อย่างไรก็ตามสกุลเงินทั่วไปสามารถสูญเสียมูลค่าได้หากความต้องการลดลงตามเช่นประเทศเวเนซุเอลา

Goldman Sachs และ JP Morgan ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เปิดรับ Bitcoin ไปพร้อมๆ กับ Cryptocurrency ตัวอื่นๆ แต่ธนาคารทั้งหลายไม่ปรับตัวให้เข้ากับสินทรัพย์ประเภทใหม่นี้เช่น Bitcoin

The post “มูลค่า Bitcoin จะเท่ากับศูนย์” กล่าวโดยสถาบันทางการเงิน Morgan Stanley appeared first on Siam Blockchain.

ผู้ให้บริการตลาดแลกเปลี่ยน Tdax และ Bx ออกมาประกาศแบ่งรางวัลจาก Znode ให้ผู้ที่ถือ Zcoin

มันเป็นเวลาเพียงแค่ไม่นานหลังจากที่มีผู้ใช้งานบน Bx รายหนึ่งออกมาร้องเรียนถึงความโปร่งใสของ Bx โดยเขาอ้างว่าทาง Bx ได้นำเหรียญ ZCoin ของลูกค้าไปเปิด Znode และรับส่วนแบ่งไว้แต่เพียงผู้เดียว ภายหลังจากนั้นทางเว็บตลาดแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตรายแรกสุดของไทยก็ได้ออกมาประกาศว่าจะแบ่งรางวัลจาก Znode ที่ได้มาให้กับลูกค้าที่ถือ Zcoin อยู่บนเว็บ Bx พร้อมๆกับทาง Tdax ที่ออกมาประกาศดังกล่าวด้วยเช่นกัน

โดยอ้างอิงจากการประกาศของทาง Bx นั้น การแจกจ่ายดังกล่าวจะเป็นแบบ divident pay โดยทาง Bx จะทำการล็อคเหรียญ Zcoin ไว้ใน Znode (หรือ cold storage) เป็นจำนวน 1,000 XZC โดย 50% ที่ได้จากรางวัลของ Znode นั้นจะถูกจ่ายให้กับลูกค้า ในขณะที่อีก 50% นั้นจะถูกนำมาใช้จ่ายค่าเซิฟเวอร์ และผู้ดูแล

โดยส่วนหนึ่งของการประกาศนั้นกล่าวว่า

“เราวางแผนไว้ว่าจะ Znodes จะรันได้อย่างเต็มที่ภายในวันที่ 1 มกราคม 2018 และจะได้รับส่วนแบ่งหลักจากผ่านไป 2 อาทิตย์”

นอกจากนี้ ทาง Tdax ก็ได้ออกมาประกาศในลักษณะเดียวกันเช่นกัน

“ทาง TDAX จะแจก Block Reward จาก TDAX Znode Pool ให้กับลูกค้าทุกท่าน ที่มี Zcoin (XZC) อยู่ในระบบของเรา ซึ่งหมายความว่า ถ้าท่านเก็บ Zcoin ไว้ในกระเป๋า TDAX ท่านจะมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งจาก Znode Reward”

การเปิด Znode หรือ masternode คือการเปิดตัวหนึ่งใน node เก็บข้อมูลธุรกรรมบนเครือข่าย ที่จะมีการเก็บไว้ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน โดยผู้ที่จะเปิด masternode นั้นจะต้องยอมเสียสละเหรียญคริปโตดังกล่าวตามเงื่อนไข (1,000 XZC ในกรณีของ Zcoin) และเครื่องเซิฟเวอร์หนึ่งเครื่องที่รันซอฟแวร์ client ของเหรียญนั้นๆ โดยผู้ที่รัน node นั้นจะได้รับส่วนแบ่งเหรียญเป็นการตอบแทนตามอัตราสัดส่วนที่ระบบได้ตั้งไว้

ลักษณะดังกล่าวอาจจะคล้ายๆกับการขุดเหรียญ cryptocurrency เพียงแต่ผู้ลงทุนไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องขุดมาขุด แต่ลงทุนซื้อแค่เหรียญและค่าเช่าเซิฟเวอร์ (VPS ในหลายๆกรณี) ซึ่งข้อดีก็คือเมื่อผู้ลงทุนเปิด masternode ไม่มีความประสงค์ที่จะเปิด node ต่อไป เขาสามารถถอนเหรียญดังกล่าวออกมาขายได้ทันที และยกเลิกบริการเช่าเซิฟเวอร์ โดยที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องอุปกรณ์การขุดที่หลงเหลืออยู่

The post ผู้ให้บริการตลาดแลกเปลี่ยน Tdax และ Bx ออกมาประกาศแบ่งรางวัลจาก Znode ให้ผู้ที่ถือ Zcoin appeared first on Siam Blockchain.

“เรากำลังไม่คิดที่จะทำให้ Bitcoin ถูกกฎหมาย” กล่าวโดยกรรมาธิการสหภาพยุโรป

ผู้บริหารระดับสูงของสหภาพยุโรปได้ออกมากล่าวปัดคำแนะนำที่ให้ทางสหภาพยุโรปทำให้ตลาดแลกเปลี่ยน Bitcoin ถูกกฎหมาย

นาย Pierre Moscovici หรือกรรมาธิการจากสหภาพยุโรปในด้านเศรษฐกิจและการเงินได้ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เกี่ยวกับกฎหมาย Bitcoin และ cryptocurrency ในประเทศ

“ในขณะนี้ เราไม่พิจารณา Bitcoin ว่าเป็นสกุลเงินทางเลือก” กล่าวโดยนาย Moscovici และได้นำมันมาเปรียบเทียบกับสกุลเงินยูโรในปัจจุบัน

“เรามองว่ามันมีการเก็งกำไรที่มากเกินไปในตลาดนั้น” เขากล่าวเพิ่ม นาย Moscovici ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2012-2014 และเขายังได้เห็นด้วยกับอดีตประธานของ FED แห่งสหรัฐฯ นาย Alan Greenspan ที่เคยกล่าวว่า “Bitcoin เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจจริงๆว่ามนุษย์สร้างมูลค่าได้อย่างไร” ในขณะที่ให้ความเห็นว่ามันเป็นสกุลเงินที่ไม่สมเหตุสมผล

นอกจากนี้ นาย Moscovici ได้คอนเฟิร์มว่า ในขณะที่ทางสหภาพยุโรปได้ทำการศึกษา Bitcoin มาแล้ว แต่ทางการนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจในการออกกฎหมายมาควบคุมตลาด Bitcoin และเว็บแลกเปลี่ยนในขณะนี้

เขากล่าวว่า

“เราลองดูไปที่ Bitcoin แล้ว เราได้ทำการวิเคราะห์ถึงปัจจัยพื้นฐาน แต่เราไม่คิดว่าเราจะต้องจัดการมันในช่วงนี้ ทั้งในด้านการเมืองและทางเทคนิค”

“ไม่ ตอนนี้เรายังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้” นาย Moscovici กล่าวย้ำ เมื่อถูกถามว่าหากทางสหภาพยุโรปนั้นกำลังพูดคุยกับทางผู้ออกกฎหมายเกี่ยวกับร่างกฎหมายเกี่ยวกับ cryptocurrency หรือไม่อย่างไร

ที่น่าสนใจคือคำกล่าวของทางสหภาพยุโรปนั้นดูเหมือนว่าจะไปขัดแย้งกับของนาย Valdis Dombrovskis หรือรองประธานของกรรมการสหภาพยุโรปฝ่ายความมั่นคงทางการเงิน, บริการทางการเงิน และตลาด

“เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin นั้นได้เข้ามาอยู่บนลิสความสนใจของเราชั้นสูงสุด” กล่าวโดยนาย Domrovskis ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเขานั้นได้ทำการส่งจดหมายไปหาผู้เฝ้าดูตลาดในสหภาพยุโรปทั้งหมด เพื่อให้พวกเขาเตือนนักลงทุนเกี่ยวกับ cryptocurrency

The post “เรากำลังไม่คิดที่จะทำให้ Bitcoin ถูกกฎหมาย” กล่าวโดยกรรมาธิการสหภาพยุโรป appeared first on Siam Blockchain.

นักขุดเหมือง 15 ประเทศเตรียมให้ข้อมูลกับทางรัสเซียเกี่ยวกับการร่างกฏหมาย Cryptocurrency

Sunday, December 24, 2017

บริษัทด้าน Sex Toy แห่งหนึ่งจะช่วยให้คุณ “ได้หวาดเสียว” จากการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin

ตลาด Bitcoin และมูลค่าโดยรวมของสกุลเงิน Cryptocurrency ในหลายเดือนที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างบ้าคลั่ง และเพื่อเพิ่มความน่าตื่นเต้นเล็กน้อยตามแผนผังของราคา Cryptocurrency นี้ บริษัทด้าน Sex Toy อย่าง Camsoda ได้เสนอผลิตภัณฑ์ของเล่นทางเพศ (Sex Toy) ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา Ethereum, Litecoin และ Bitcoin

การเชื่อมโยงของราคา Bitcoin กับชีวิต Sex ของคุณ

บริษัทที่ให้บริการสื่อลามกอนาจารนี้มีชื่อว่า Camsoda ต้องการให้ผู้คน “รู้สึกได้ปลดปล่อย” ด้วยราคาของ Cryptocurrency บริษัท Camsoda ร่วมมือกับผู้ให้บริการติดตามราคา Cryptocurrency แบบ Real Time ที่ชื่อว่า Bitcast และบริษัท Lovense เพื่อสร้าง Sex Toy ที่คอยเชื่อมกับอินเตอร์เน็ต และจะคอยตอบสนองต่อผู้ใช้งานเมื่อราคาของ Bitcoin ขึ้นหรือลง และของเล่นนี้สามารถเชื่อมต่อกับ  Ethereum, Litecoin, และ Bitcoin โดยขณะที่การสั่นสะเทือนของของเล่นนี้จะทวีความรุนแรงขึ้นตามช่วงที่ราคาผันผวน

“สำหรับคนที่ติดตามราคาของ Cryptocurrency อย่างต่อเนื่อง เราเห็นโอกาสที่จะให้พวกเขามีความสุขทางเพศพร้อมกับความผันผวนของราคา” นาย Daryn Parker ผู้บริหาร Camsoda อธิบายถึงสื่อมวลชน นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าสกุลเงินดิจิตอลส่วนใหญ่ไม่ได้รับการควบคุมและเต็มไปด้วยความเสี่ยงคือความผันผวนของราคารายวัน”

“ตอนนี้ทาง Bitcast และแฟนๆ ของพวกเราสามารถใช้ของเล่นที่เขาชื่นชอบเพื่อเพิ่มความสุขให้กับตัวเองพร้อมกับการลงทุนใน Cryptocurrency ของเขาไปด้วย ดังนั้นถ้าราคาของ Cryptocurrency เพิ่มขึ้นจะทำให้ประสิทธิภาพของ Sex Toy ทำงานดีขึ้นและคุณก็สามารถรู้สึกปลดปล่อยได้อย่างง่ายดาย”

การเพิ่มขึ้นของการมีส่วนร่วมในตลาดที่แตกต่างกัน

ของเล่นที่สามารถเชื่อมต่อกับ Cryptocurrency นี้นั้นมีหลากหลายประเภทตั้งแต่ Dildo และประเภทอื่นๆ มากมาย สำหรับของเล่นประเภท Vibrator นั้นยังมีให้สำหรับทั้งชายและหญิงที่กำลังมองหาประสบการณ์ทางเพศที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต นาย Parker กล่าวว่า Camsoda และของเล่นจาก Lovense มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอ “สุดยอดประสบการณ์” สำหรับนักลงทุน Bitcoin ผู้ใช้ต้องเชื่อมต่อ Bitcast และแอพพลิเคชัน Body Chat ไปยังบัญชี Lovense เพื่อเชื่อมต่อกับตลาด Cryptocurrency

ทาง Camsoda ได้สร้าง Sex Toy ที่ผิดปกติขึ้นเสมอๆ โดยต้องใช้กับ Smart Phone เพื่อเชื่อมกับ Application ที่เรียกว่า ‘Ohara‘ ซึ่งช่วยให้ผู้คนได้กลิ่นกลิ่นพิเศษจากพื้นที่ส่วนตัวของชายหรือหญิง นาย Parker เชื่อว่าแฟนๆ ของ Cryptocurrency จะได้รับความสุดยอดนี้จากการรวมตัวของตลาดที่แตกต่างกันนี้

The post บริษัทด้าน Sex Toy แห่งหนึ่งจะช่วยให้คุณ “ได้หวาดเสียว” จากการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin appeared first on Siam Blockchain.

หุ้นบริษัทขายน้ำชามะนาวแห่งหนึ่งพุ่งสี่เท่าหลังจากเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Long Blockchain Corporation’

บริษัทเครื่องดื่มขนาดเล็กแห่งหนึ่งในสหรัฐฯได้มีราคาของหุ้นที่พุ่งขึ้นมากกว่า 400% เพียงแค่วันเดียว หลังจากทที่ทำการรีแบรนด์บริษัทตัวเองและเพิ่มคำว่า ‘blockchain’ เข้าไปในชื่อ โดยบริษัทดังกล่าวก่อนหน้านี้มีชื่อว่า Long Island Iced Tea Corp และเปลี่ยนชื่อเป็น Long Blockchain Corporation

ราคาหุ้นพุ่ง 432%

บริษัท Long Blockchain Corporation กล่าวว่า แม้ว่าพวกเขาจะยังคงให้บริการขายผลิตภัณฑ์ด้านน้ำชามะนาวต่อไป แต่พวกเขาก็จะเริ่มหันไปโฟกัสที่การค้นหาการนำเอาเทคโนโลยี Blockchain ไปปรับใช้ และหาข้อดีของมัน

นาย Philip Thomas หรือ CEO ของบริษัทดังล่าวกล่าวว่า “เรามองเทคโนโลยีชั้นสูงอย่าง blockchain ว่าเป็นโอกาสที่จะมาเพียงแค่ครั้งเดียวต่อรุ่นเท่านั้น เราได้ทำการตัดสินใจที่จะทำการกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจของเรา เพื่อที่จะไล่ตามโอกาสในการทำให้วงการนี้เติบโต ในอีกหลายสัปดาห์และเดือนที่จะมาถึง พวกเราจะทำการดำเนินตามขั้นตอนที่วางไว้กับทีมผู้เป็นมืออาชีพของเราเพื่อมาสานต่อวิสัยทัศน์นี้ พวกเรากำลังไล่ตามทิศทางใหม่ในรูปแบบที่มีอุดมคติมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม บริษั Long Blockchain Corporation นั้นยังไม่ได้ทำการหาหุ้นส่วนหรือลงทุนในกิจกรรมใดๆที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency หรือ blockchain เลยแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ก็มีบริษัทสัญชาติอังกฤษนาม On-line Plc ที่เปลี่ยนชื่อบริษัทตัวเองเป็น On-line Blockchain Plc โดยภายหลังจากนั้น ราคาหุ้นของพวกเขาก็พุ่งขึ้นกว่า 394% อีกด้วย

The post หุ้นบริษัทขายน้ำชามะนาวแห่งหนึ่งพุ่งสี่เท่าหลังจากเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Long Blockchain Corporation’ appeared first on Siam Blockchain.

โปรแกรมแชทชื่อดัง Telegram กำลังเตรียมตัวเปิดแพลตฟอร์ม Blockchain และ Cryptocurrency ของตัวเอง

Telegram แอพพลิเคชันสนทนาแบบเข้ารหัสยอดนิยมจะเปิดตัวแพลตฟอร์ม Blockchain และ Cryptocurrency แพลตฟอร์มใหม่จะมีชื่อว่า Telegraph Open Network (TON) และจะใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการพัฒนา

การรายงานของแพลตฟอร์มใหม่นี้มาจากนาย Anton Rozenberg ซึ่งเป็นอดีตพนักงานของ Telegram นาย Rozenberg ได้โพสต์ Facebook เกี่ยวกับวีดีโอโฆษณาแพลตฟอร์มตัวใหม่ (โดยที่ไม่ได้เปิดเผยแหล่งที่มา) นอกจากนี้เขายังชี้ให้เห็นว่า TON จะช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการกดขี่ของรัฐบาลเพราะพวกเขาสามารถโอนเงินโดยการแค้ส่งข้อความเท่านั้น และบริการนี้จะเป็นการทำลายการควบคุมของรัฐที่มีต่อเงินของประชาชน นาย Rozenberg กล่าว

และสกุลเงินดิจิตอลของ TON นั้นจะถูกเรียกว่า “Gram”  และแพลตฟอร์มนี้จะเข้ารวมเข้ากับแอพฯ  Telegram แอพฯที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (ยังไม่เป็นที่แน่ชัด)

Telegram ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจากชุมชน Blockchain ขณะที่นาย Pavel Durov ผู้ร่วมก่อตั้งประกาศ:

“อย่างเช่นตอนนี้ชุมชน Blockchain และ Cryptocurrency หันเปลี่ยนมาใช้ Telegram”

นาย Durov ยังไม่ตอบอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในขณะที่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสร้าง TON บทความนี้ก็ยังเกี่ยวเนื่องกันกับบทความก่อนหน้านี้จาก Bloomberg ที่กล่าวว่า:

“นาย Durov เห็นว่าโปรแกรม Telegram เป็นองค์กรการกุศล ที่เขาจะเริ่มหารายได้ในต้นปีหน้า แต่เพียงพอที่จะเปิดระดมทุน”

นาย Mark Zuckerberg แห่งรัสเซีย

นาย Pavel Durov ร่วมกับพี่ชายของเขาเปิดตัวโปรแกรม Telegram ในปี 2013 แอพฯ นี้มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ทำให้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้คัดค้านและประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ภายใต้ระบอบการกดขี่

ในข้อเท็จจริงตามที่ Bloomberg กล่าว Account ของ Telegram คิดเป็น 40% มาจากประเทศอิหร่าน รัฐบาลอิหร่านได้รับความเสียหายจาก feature ด้านความเป็นส่วนตัวของแอพฯ ตัวนี้

นาย Durov ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้ เขาเคยเผชิญหน้ากับรัฐบาลแห่งชาติ เขาและน้องชายของเขาเข้าร่วม Social Network ที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียนาม VK ซึ่งตัวมันสามารถสร้างมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ในความเป็นจริงตัว VK ค่อนข้างคล้ายกับ Facebook แต่ในขณะที่นาย Zuckerberg สามารถควบคุม (และเป็นเจ้าของหุ้นใหญ่) แต่นาย Durov ไม่ได้เป็น

เมื่อเขาปฏิเสธที่จะส่งข้อมูลผู้ใช้ส่วนบุคคลไปยังหน่วยงานของรัสเซียเขาถูกบังคับให้ขายหุ้นในบริษัทให้กับพันธมิตรของปูติน ดังนั้นในขณะที่นาย Zuckerberg มีทางเลือกในการเสนอขาย IPO ในครั้งแรก และนาย Durov กำลังใช้การระดมทุน ICO เพื่อสร้างรายได้จากการสร้าง Telegram ของเขา

นาย Durov ยืนยันว่า Telegram ไม่ได้มีไว้สำหรับขายในราคาใดๆ เนื่องจากความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ของเขามีค่าเกินกว่าที่จะเสี่ยง

“แม้จะมีมูลค่า 20 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ใช่มีไว้เพื่อการขาย นั่นคือการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน”

 

 

The post โปรแกรมแชทชื่อดัง Telegram กำลังเตรียมตัวเปิดแพลตฟอร์ม Blockchain และ Cryptocurrency ของตัวเอง appeared first on Siam Blockchain.

คู่รักชาวอินเดียขอของขวัญวันแต่งงานเป็น Bitcoin

คู่สามีภรรยาชาวอินเดียร้องขอให้เพื่อนและครอบครัวมอบของขวัญให้แก่พวกเขาในงานแต่งงานด้วย  Bitcoin ทั้งคู่คือนาย Prashant Sharma และนาง Niti Shree เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Startup ด้านเทคโนโลยีด้าน Bitcoin และเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภท (Ledger)

คู่รักคู่ใหม่ประเทศอินเดียได้ทำการร้องขอของขวัญวันแต่งงานเป็น Bitcoin

นาย Prashant Sharma และนาง Niti Shree ได้กล่าวถึงการตัดสินใจของพวกเขาว่าขอให้ Bitcoin เป็นของขวัญแต่งงานกับสื่อมวลชนโดย Mr. Sharma กล่าวว่า “เราคิดการผสมผสานเทคโนโลยีกับการให้ของขวัญเพื่ออนาคต เราอธิบายว่าพ่อแม่ของเราและพวกเขามีความกระตือรือร้นมาก”

งานแต่งงานเกิดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ธนาคาร Reserve Bank of India ได้ออกคำเตือนล่าสุดให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจาก Cryptocurrency เพื่อนและครอบครัวเกือบ 200 คนที่มาร่วมงานแต่งงานมีเพียง 15 คนเท่านั้นที่เลือกของขวัญให้กับคู่รักนี้ใน “แบบดั้งเดิม”

นาย Sharma กล่าวว่า เขาและภรรยาของเขาจะขาย Bitcoin ที่ได้รับเป็นของขวัญในวันงานแต่งงานให้กับโครงการกองทุนการศึกษาที่มุ่งเป้าไปที่เด็กที่ด้อยโอกาส

ทั้งคู่ประเมินว่าได้รับเงินทั้งหมดประมาณ 100,000 INR (ประมาณ 1,560 ดอลลาร์) ญาติคนหนึ่งที่ได้ให้ของขวัญเป็น Bitcoin กล่าวว่าเกี่ยวกับ Cryptocurrency ว่า “แนวคิดเป็นสิ่งที่ดี” และคาดหวัง Bitcoin จะได้รับการยอมรับและหวังว่ามันจะแพร่หลายไปยังที่ต่างๆ ถึงแม้ว่า “หลายๆ รัฐบาลอาจไม่ชอบ Bitcoin ในตอนนี้” แขกคนอื่นกล่าวว่า “นาย Prashant และนาง Niti ไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ Bitcoin เป็นของขวัญในวันแต่งงานช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่มันมีการวางแผนมาสองถึงสามเดือนแล้ว

นาย Sharma ชี้ให้เห็นว่าเขาและภรรยามีความสนใจในประสิทธิภาพของ Bitcoin ในระยะยาว โดยกล่าวว่า “ถ้าคุณซื้ออะไรบางอย่างที่จะขายมันในเวลาต่อมาคุณจะสร้างฟองสบู่ เราซื้อ Bitcoin ก็เพราะว่าพวกเราต้องการดูว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นตัวที่คอยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร” นาย Sharma ยังได้กล่าวถึงความคาดหวังว่าในอุตสาหกรรมของเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภท (Ledger) จะรุ่งเรือง โดยระบุว่า การมาของเทคโนโลยี Blockchain นั้นยิ่งใหญ่จนไม่สามารถโดนห้ามได้อย่างแน่นอน

ผู้เขียนคิดว่าในอนาคตในประเทศไทยอาจให้ของขวัญในวันแต่งงานเป็นการบริจาค Bitcoin ก็ได้เพราะเทคโนโลยี Blockchain กำลังมา และ Bitcoin ก็เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว

The post คู่รักชาวอินเดียขอของขวัญวันแต่งงานเป็น Bitcoin appeared first on Siam Blockchain.

เว็บผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตสัญชาติไทย TDAX ลิสเหรียญของ Power Ledger ให้ซื้อขายแล้ว

เหรียญ POWR หรือเหรียญ ICO ของบริษัทสัญชาติออสเตรเลียนาม Power Ledger ที่เคยเปิดขายไปเมื่อไม่นานมานี้ และระดมทุนไปได้กว่า 34 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียนั้น เพิ่งจะประกาศร่วมมือบริษัท BCPG แห่งประเทศไทย ที่เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานหมุนเวียน เพื่อวางแผนเปิดตลาดซื้อขายพลังงานผ่านระบบ Blockchain ภายหลังดูเหมือนว่า TDAX หรือเว็บผู้ให้บริการด้านกระดานซื้อขายเหรียญ cryptocurrency จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดไป โดยพวกเขาได้ประกาศลิสเหรียญ POWR ให้ทำการซื้อขายบนกระดานแล้ว

โดยอ้างอิงจากคุณปรมินทร์ อินโสม ผู้ก่อตั้ง TDAX และ Zcoin นั้น การลิสเหรียญดังกล่าวขึ้นบนกระดานซื้อขายมีขึ้นเพื่อตอบรับโครงการของ BCPG และ Power Ledger อีกทั้งคุณปรมินทร์ยังเชื่อว่าเหรียญดังกล่าวจะเป็นเหรียญที่มีศักยภาพมากในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่าบริษัท B.GRIMM POWER หรือผู้ให้บริการด้านพลังงานอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทยก็กำลังจะทำสัญญาดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน

เขาให้สัมภาษณ์กับสยามบล็อกเชนว่า

“BCPG ทำสัญญาร่วมกับ POWR น่ะครับเราเลยมั่นใจว่าเป็นเหรียญที่มีศักยภาพ ในระดับหนึ่ง เห็นบอกว่าทางบีกริม ก็จะทำสัญญาด้วยน่ะครับ”

แนวคิดของบริษัท Power Ledger คือการเปิดตลาดการค้าขายพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนแบบเสรี โดยเจาะกลุ่มบุคคลทั่วไปที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เอง เช่นผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์แผ่นพลังงานแสงอาทิตย์ โดยตลาดการซื้อขายที่ว่านี้จะถูกเปิดให้บริการบนเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งนั่นหมายความว่าการซื้อขายนั้นไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางใดๆ และใครๆก็สามารถเข้ามาซื้อขายได้อย่างเสรี

บริษัทดังกล่าวยังเคยได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียกว่า 8 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียเพื่อทดสอบและพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้าบนเทคโนโลยี Blockchain ภายใต้การร่วมมือของมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Curtin, Murdoch และบริษัทอื่นๆอย่าง LandCorp, CSIRO และ Cisco อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงบทบาทของเหรียญ POWR ว่าจะเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากน้อยแค่ไหน คุณหนึ่งตอบว่า

“น่าจะมีบทบาทในระดับหนึ่งน่ะครับ เนื่องจากบริษัททางด้านพลังงานหลายที่ต้องการที่จะร่วมมือด้วย”

ปัจจุบันราคาของเหรียญ POWR บนตลาดโลกนั้นซื้อขายกันอยู่ที่ราคา 0.683 ดอลลาร์ โดยมีมูลค่าตลาดรวมทั่วโลกกว่า 243.3 ล้านดอลลาร์ และอยู่อันดับที่ 57 ของโลก อ้างอิงจาก Coinmarketcap

กระนั้น เขาก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าโมเดลของตลาดการซื้อขายพลังงานจะมีการนำเอาเหรียญ POWR มาใช้หรือไม่แต่อย่างไร แต่เขาคาดว่าการซื้อขายโดยทั่วไปนั้น อาจจะทำผ่านเงินบาทไทย

The post เว็บผู้ให้บริการซื้อขายคริปโตสัญชาติไทย TDAX ลิสเหรียญของ Power Ledger ให้ซื้อขายแล้ว appeared first on Siam Blockchain.