Friday, August 31, 2018

[รีวิว] BitMEX เว็บเทรด Bitcoin แบบ Margin ที่สามารถ Leverage ได้ 100 เท่า

สำหรับตลาดขาลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนหลาย ๆ คนเริ่มทำกำไรยากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถซื้อได้ในราคาต่ำ และไปขายในราคาที่สูงกว่าได้ง่ายเท่าปีก่อน ๆ แต่รู้หรือไม่ ว่าตลาดคริปโตมีเว็บซื้อขายสัญญา Futures คริปโตอยู่ด้วย ซึ่งจะสามารถ Short (ซื้อสัญญาว่าจะทำการขายในราคานั้น ๆ ) เพื่อทำกำไรในตลาดขาลงได้ โดยในบทความนี้ ผู้เขียนจะมารีวิวเว็บเทรดสัญญา Futures นาม BitMEX ซึ่งเป็นเว็บที่มีปริมาณการเทรดสัญญา Futures อันดับต้น ๆ ของโลก และมีข้อดีตรงที่ผู้ใช้งาน Leverage ได้ถึง 100 เท่า

ดีไซน์และความง่ายต่อการใช้งาน

BitMEX เลือกที่จะใช้สีโทนขาวสลับกับเทาเพื่อความสบายตา ซึ่งจากที่ผู้เขียนดู เหมือนทาง BitMEX ต้องการที่จะมีทุกอย่างรวมอยู่ในหน้าเดียวกัน โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเลื่อนหรือขยับหน้าไปที่ไหน ไม่ว่าจะเป็น Orderbook, กราฟ หรือ Chart, Depth Chart และออร์เดอร์ที่จับคู่ล่าสุด รวมทั้งสามารถ Short และ Long ได้พร้อมทั้งเลือก Leverage ในเวลาเดียว เรียกได้ว่าจบทุกอย่างในหน้าเดียวซึ่งถือว่าค่อนข้างสะดวก

นอกจากนี้ยังมีดีไซน์ให้เลือกที่แถบบนขวาอีกด้วยว่าอยากได้แบบ Basic หรือ Advanced โดยแบบ Advanced ผู้ใช้งานจะสามารถปรับขนาด Widget บนจอได้ตามใจชอบ พร้อมทั้งยังมีดีไซน์ สีขาว หรือสีดำ ให้เลือกอีกด้วย สำหรับผู้ที่คิดว่าดีไซน์แบบสีขาวสว่างเกินไป

ซื้อขาย

สำหรับเว็บ BitMEX ผู้ใช้งานจะไม่สามารถซื้อขายแบบ Spot ได้ แต่จะสามารถซื้อขายได้เฉพาะแบบ Margin เท่านั้น โดยจะ Leverage ได้ตั้งแต่ 1 ถึง 100 เท่า

สำหรับผู้ที่ไม่ทราบ การ Leverage คือการยืมเงินมาเล่น ทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้มากกว่าเงินที่มี แต่ก็จะเพิ่มความเสี่ยงเนื่องจากจะสามารถถูก Liquidate หรือล้างพอร์ทได้ โดยการ Liquidate จะมีกำหนดว่า เมื่อราคาไปแตะที่จุดไหนถึงจะถูกบังคับขายทั้งหมด จะเรียกราคานั้นว่า Liquidation Price ซึ่งหากราคาไปถึงจุดนั้น จะต้องถูกบังคับล้างพอร์ต (ขายทั้งออร์เดอร์) ทันที

สำหรับการเทรด เราจะสามารถเลือกได้ว่าอยากได้ออร์เดอร์แบบไหนไม่ว่าจะเป็น Stop Limit, Trailing Stop, Take Profit Limit หรือ Take Profit Market พร้อมทั้งมีทางเลือก Hidden ให้สามารถซ่อนออร์เดอร์ของตนเองได้ด้วยว่า ไม่ให้โชว์ขึ้น Order Book และแน่นอนว่ามีตัวเลือกให้ Leverage ได้เช่นกัน

สำหรับค่าธรรมเนียมนั้นจะอยู่ที่ 0 เปอร์เซ็นต์สำหรับ Maker, 0.25 เปอร์เซ็นต์สำหรับ Taker และ 0.25 เปอร์เซ็นต์สำหรับ Settlement Fee และแต่ละสกุลก็มีข้อกำหนดต่าง ๆ ที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อต้องการทำการซื้อขาย ก็เพียงใส่ปริมาณเงิน (Quantity) ที่เราต้องการลงทุน พร้อมทั้งเลือกราคา (Price) จากนั้นให้เราเลือกว่าต้องการที่จะ Long (ถ้าคิดว่าราคาจะขึ้น) หรือ Short (ถ้าคิดว่าราคาจะลง) จากนั้นก็รอออร์เดอร์จับคู่เช่นปกติ ก็เป็นอันเรียบร้อย

เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ก็ทำการกด Long หรือ Short จากนั้นจะมีหน้าต่างยืนยันออร์เดอร์ขึ้นมาที่บอกรายละเอียดเชิงลึกอีกครึ่งหนึ่ง เช่น Liquidation Price, Order Value และ Leverage เป็นต้น

เมื่อยืนยันอีกครั้ง จะสามารถดูได้ในแถบ Active Orders ว่ามีออร์เดอร์ของเราเปิดอยู่จำนวนเท่าไร รอการจับคู่

หลังจากออร์เดอร์จับคู่เสร็จสิ้นก็จะมีข้อมูลแสดงในแถบ Position ว่าปัจจุบัน เปิดอยู่กี่ Position พร้อมทั้งมี Mark Price, Unrealised PNL และ Realised PNL โชว์ให้เห็น ซึ่งหากพอใจที่ราคาไหน ก็สามารถเลือกปิดออร์เดอร์ด้วยการ Close หรือ Market ได้ โดยการ Close คือจะปิดออร์เดอร์ในราคา Mark Price ขณะนั้น แต่หากเลือกแบบ Market จะจับคู่ออร์เดอร์ที่มีอยู่ในตลาดตอนนั้นแทน ซึ่งจะรวดเร็วกว่า

เช่นเดียวกับเว็บเทรดอื่น ๆ ที่เมื่อปิดออร์เดอร์จะมีการสรุปข้อมูลให้เห็นซึ่งจะสามารถดูได้ในช่อง Fills

ปัจจุบัน BitMEX เปิดให้เทรดทั้งหมด 8 สกุล ได้แก่ Bitcoin, Cardano, Bitcoin Cash, EOS, Ethereum, Litecoin, Tron และ Ripple ซึ่งถือได้ว่าครอบคลุมคริปโตหลัก ๆ ในตลาดเกือบทั้งหมด

ฝากถอนเงินบาท/คริปโต

อ้างอิงจากเว็บ BitMEX การฝากคริปโตเข้ามาจะไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ ปัจจุบันจะสามารถฝากได้เฉพาะ Bitcoin เท่านั้น โดยขั้นตอนการฝากเป็นไปตามปกติ และแน่นอนว่าเว็บเทรด BitMEX นั้นไม่สามารถฝากหรือถอนเงิน Fiat (อย่างเช่นเงินบาท) ได้เช่นเดียวกับเว็บเทรดต่างประเทศอื่น ๆ พร้อมทั้งพวกเขายังไม่มีค่าธรรมเนียมในการฝากหรือถอนอีกด้วย (มีค่าใช้จ่ายในการถอน Bitcoin เหมือนการโอนแบบ Peer-to-peer เว็บเทรดไม่ได้เก็บเพิ่มในส่วนนี้)

อย่างไรก็ตาม BitMEX มีขั้นต่ำในการฝากที่ 0.001 BTC แต่ไม่มีขั้นต่ำในการถอน ผู้ใช้งานสามารถฝาก BitMEX ได้ตลอดเวลา แต่ทางเว็บ BitMEX จะดำเนินการถอนให้เพียง 1 ครั้งต่อวันเท่านั้น พวกเขาให้เหตุผลว่า การถอนเป็นไปแบบ Manual เนื่องจากใช้ Cold Wallet ซึ่งต่างจากเว็บเทรดอื่น ๆ ที่ใช้ Hot Wallet ที่สามารถดำเนินการอย่างอัตโนมัติได้ แต่จะมีความปลอดภัยที่ต่ำกว่า

กิจกรรม

จากที่ผู้เขียนได้รวบรวมข้อมูล เว็บเทรด BitMEX ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรเท่าไรนัก หากลองเปรียบเทียบกับเว็บเทรดอื่น ๆ เช่น Binance ที่มีการเปิดโหวตจากผู้ใช้งานว่าจะลิสต์เหรียญไหนดี

ความปลอดภัย ความโปร่งใส

สำหรับความปลอดภัย BitMEX ได้เคลมว่า Wallet ของพวกเขาเป็น Multi-Signature Cold Wallet ซึ่งแตกต่างจากเว็บเทรดอื่น ๆ ที่ใช้ Hot Wallet เนื่องจากมันเข้าถึงได้ยากกว่า ทำให้มีความปลอดภัยที่แน่นหนากว่า

BitMEX ถูกก่อตั้งในปี 2014 ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง เป็นเว็บที่มีความน่าเชื่อถือค่อนข้างสูงในวงการคริปโต สังเกตได้จาก ผู้ร่วมก่อตั้งของ BitMEX ได้ออกสื่ออยู่หลากหลายครั้ง เช่นเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผู้ก่อตั้ง BitMEX ได้ออกมาทำนายว่าราคาของ Bitcoin จะไปแตะ 50,000 ดอลลาร์ภายในปี 2018 และ ผู้ก่อตั้งเว็บ BitMEX ได้ถูกรายงานว่ากลายเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยสุดในอังกฤษ

อ้างอิงจากเว็บไซต์ของพวกเขา BitMEX ใช้ Amazon Web Services เพื่อความเสถียรของเซิฟเวอร์ และมีระบบคอยเช็คความเสี่ยงอยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากพบอะไรผิดปกติ เว็บเทรดจะทำการระงับการเทรดทั้งหมดทันที

สภาพคล่อง

เรื่องสภาพคล่องถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเว็บ BitMEX หากอ้างอิงจาก Coinmarketcap BitMEX มีปริมาณการเทรดภายใน 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 3,202 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับแค่คู่ BTC/USD อย่างเดียวเท่านั้น และมีปริมาณการเทรดภายใน 24 ชั่วโมงเยอะที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในโลก เรียกได้ว่าไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีการจับคู่ออร์เดอร์เลย

ข้อดี

  • สภาพคล่องสูงมาก ๆ ออร์เดอร์จับคู่เร็วมาก ๆ
  • สามารถ Leverage ได้ถึง 100 เท่า เหมาะแก่นักลงทุนที่มั่นใจในฝีมือการเทรด ทำให้ได้กำไรได้มากกว่าปกติ
  • มีการเทรดแบบ Futures ทำให้สามารถทำกำไร (Short) ได้ในขาลง
  • Interface สะดวก ใช้งานง่าย รวมทุก ๆ อย่างในจุดเดียว
  • มี Wallet แบบ Multi-Signature Cold Wallet ปลอดภัยกว่าเว็บเทรดอื่น ๆ มาก ๆ
  • ไม่มีขั้นต่ำในการถอน หรือฝาก
  • สามารถฝากได้ตลอด 24/7
  • ไม่มีค่าบริการในการถอน (มีเพียงค่าธรรมเนียมขั้นต่ำสำหรับการทำธุรกรรม Bitcoin)

ข้อเสีย

  • นักลงทุนที่โลภ และ Leverage เยอะอาจเสียทุนไปทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
  • Support ได้ทางอีเมลเท่านั้น ไม่มี Live Chat ที่ตอบได้แบบทันที
  • ถอนได้เพียง 1 วันต่อครั้งเท่านั้น ซึ่งอาจไม่ค่อยสะดวกสำหรับหลาย ๆ คน

ข้อเสนอแนะ

  • ควรเพิ่ม Live Chat
  • ควรมี Option ให้เลือกว่าอยาก ซื้อ/ขายเท่าไรกี่เปอร์เซ็นต์จากทุนที่มี เช่น Binance
  • ควรมีกิจกรรมที่มากกว่านี้
  • ควรถอนได้มากกว่า 1 วันต่อครั้ง

หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency มีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์

The post [รีวิว] BitMEX เว็บเทรด Bitcoin แบบ Margin ที่สามารถ Leverage ได้ 100 เท่า appeared first on Siam Blockchain.

“เราจะได้เห็น Bitcoin ในราคา 10,000 ดอลลาร์ มากกว่า 5,000 ดอลลาร์” CEO Genesis Capital

ดูเหมือนว่าตลาดคริปโตกำลังจะฟื้นตัวจากแนวโน้มตลาดหมีตลอดทั้งปีและเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงที่ดูเหมือนว่ากำลังจะมา ซึ่งมีนักการตลาดออกมาวิเคราะห์ถึงตลาดและราคาคริปโต โดยหนึ่งในนั้นก็คือนาย Michael Moro CEO ของ Genesis Global Trading

จากการสัมภาษณ์ที่ CNBC นาย Moro กล่าวว่าเขามั่นใจใน Bitcoin ว่าจะสามารถทำราคาขึ้นได้ในระยะสั้นหากสามารถทะลุแนวต้านที่ 7,000 ดอลลาร์ได้

นาย Michael Moro เป็นคนมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับราคาที่ผันผวนของ Bitcoin นี้ เขามองว่าการที่ Bitcoin จะทะลุแนวต้านที่ 7,000 ดอลลาร์ได้นั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก โดยเขากล่าวว่า:

“ถ้า Bitcoin ถึง 7,000 ดอลลาร์และคงอยู่อีกสักสองอาทิตย์ ตลาดกระทิงจะกลับมา 100 เปอร์เซ็นต์ นักลงทุนจะรู้สึกสบายใจที่ได้เห็นราคา Bitcoin จากจุดต่ำสุดกลับไปแตะ 10,000 ดอลลาร์มากกว่า 5,000 ดอลลาร์”

ตลาดคริปโตกำลังเติบโต

นาย Moro เห็นว่าตลาดคริปโตไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากหลังจากที่ก.ล.ต. ตัดสินใจที่จะปฏิเสธคำขออนุมัติเรื่อง ETF Bitcoin โดยเขากล่าวว่าทาง SEC ไม่น่าจะอนุมัติคำขอ Bitcoin ETF เร็ว ๆ นี้

นาย Moro เชื่อว่าตลาดคริปโตจะสามารถรักษาระดับราคาให้อยู่ในช่วงนี้ได้ และคาดว่าจะเกิดตลาดกระทิงเร็ว ๆ นี้

The post “เราจะได้เห็น Bitcoin ในราคา 10,000 ดอลลาร์ มากกว่า 5,000 ดอลลาร์” CEO Genesis Capital appeared first on Siam Blockchain.

BTC.com Pool ขุดคริปโตของ Bitmain เตรียมเปิด Pool สำหรับ Ethereum และ Ethereum Classic

ในขณะที่ตลาดคริปโตกำลังอยู่ในขาลง แต่อุตสาหกรรมขุดคริปโตกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทเช่น Bitmain, Canaan, EBang และบริษัทอื่น ๆ กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อต่อกรกับตลาดในช่วงขาลง

Bitmain เป็นบริษัทผลิตเครื่องขุดคริปโตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดเผยว่า บริษัทลูกของพวกเขา BTC.com กำลังจะเปิด Pool ขุด Ethereum และ Ethereum Classic ในไม่กี่วันที่จะถึงนี้

สำหรับนักขุดคริปโตที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมคริปโตมานาน จะทราบเป็นอย่างดีว่า BTC.com มีอิทธิพลต่อตลาดคริปโตเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ Pool ของพวกเขามีกำลังขุด Bitcoin เป็นอัตราส่วนถึง 16 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด

อ้างอิงจาก The Next Web นาย Zhuang Zhhong ผู้บริหารของ Pool ขุดคริปโต BTC.com คาดหวังว่า Pool ของเขาจะมีกำลังขุดที่ 12 เปอร์เซ็นต์ของเครือข่าย Ethereum ทั้งหมดภายใน 12 เดือนข้างหน้า

ถึงแม้เป้าหมายดังกล่าวอาจจะดูเป็นไปได้ยากสำหรับ Pool ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ แต่ก็มีควาเป็นไปได้เนื่องจากได้รับการสนับสนุนของ Bitmain

Pool ที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาใหม่นี้ จะเปิดให้นักขุดสามารถขุด Ethereum และ Ethereum Classic ได้ พร้อมทั้งมีฟังก์ชันที่จะสลับขุดระหว่างคริปโต 2 สกุลได้อัตโตมัติเพื่อได้กำไรสูงสุด

นอกจากนี้ ตัวแทนจาก BTC.com ยังระบุอีกด้วยว่า Pool ใหม่นี้จะรองรับ Protocol Casper ของ Ethereum ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย ซึ่ง Pool นี้จะรองรับได้ทั้งระบบ Proof-of-Work และ Proof-of-Stake (PoS)

“เราสามารถที่จะรองรับ Proof-of-Stake ได้ หากต้องการ Stake นักขุดเพียงแค่ต้องฝาก Ether เข้ามาใน Pool ของเรา ด้วยประสบการณ์เกี่ยวกับ Wallet และ Smart Contracts ของ Ethereum จะทำให้ Pool แบบ PoS เป็นจริงได้”

สำหรับผู้ที่ไม่ทราบ Protocol Casper ของ Ethereum จะเปิดให้ผู้ใช้งาน Stake Ethereum ได้โดยมีขึ้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 500 ถึง 1,000 ETH ซึ่งหาก BTC.com สามารถสร้าง Pool ที่รองรับ PoS ได้ พวกเขาจะได้ผู้สนับสนุนอีกเป็นจำนวนมาก

ที่มา Ethereum World News

The post BTC.com Pool ขุดคริปโตของ Bitmain เตรียมเปิด Pool สำหรับ Ethereum และ Ethereum Classic appeared first on Siam Blockchain.

LINE เปิดตัว Cryptocurrency เหรียญแรกนาม LINK ใช้เป็นระบบจ่ายรางวัล

ผู้ให้บริการแอปสำหรับพูดคุยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย LINE ได้เปิดตัวเหรียญ Cryptocurrency เป็นเหรียญแรก เพื่อใช้สำหรับระบบ Reward System แจกจ่ายเหรียญดังกล่าวให้กับผู้ใช้งาน หลังจากที่ผู้ใช้เริ่มใช้บริการของ LINE

โดยอ้างอิงจากบล็อกของ LINE นั้น เหรียญดังกล่าวจะมีชื่อว่า LINK ซึ่งได้เปิดตัวแล้วในวันนี้ เหรียญ LINK จะถูกแจกจ่ายให้กับผู้ใช้งานที่ใช้บริการของ LINE โดยจะมีลักษณะเหมือนกับเป็น reward หรือรางวัล

รายงานยังเผยว่าทาง LINE นั้นจะ “เปิดตัว Blockchain ที่สร้างขึ้นมาเองสำหรับเหรียญ LINK โดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถทำงานกับ decentralized app (Dapp) อื่น ๆ ได้อีกด้วย”

ทาง LINE มีแผนที่จะลิสต์เหรียญ LINK บนเว็บเทรดของตัวเองนาม BITBOX ที่วางแผนจะเปิดในเดือนกันยายนนี้ โดย Cryptocurrency ตัวใหม่นี้จะแจกจ่ายให้กับผู้ใช้งาน พร้อมกับ DApp ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ เว็บเทรด BITBOX จะเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานสามารถซื้อเหรียญ LINK และเทรด LINK กับเหรียญคริปโตสกุลอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ BITBOX จะให้สิทธิพิเศษกับผู้ที่ถือเหรียญนี้ เช่นจะทำการลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายและกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกมากมายอีกด้วย

LINK จะทำงานบนระบบ LINK Chain ซึ่งเป็นเครือข่าย Blockchain (Mainnet) ที่สร้างโดย LINE โดยเปิดตัวบล็อกแรกสุดของเชน (Genesis Block) เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา LINK Chain เป็นเครือข่าย Blockchain ที่มุ่งเน้นการบริการที่จะช่วยให้ DApps สามารถใช้งานได้โดยตรงกับแอปฯ แชท LINE

เหรียญ LINK จำนวน 1 พันล้านเหรียญจะค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมาตาม Ecosystem โดย 800 ล้านเหรียญจะนำมาจัดสรรเป็น Rewards ให้กับผู้ใช้งานและ 200 ล้านเหรียญจะถูกจัดการโดย LINE Tech Plus หรือผู้ออกเหรียญ LINK

ไม่สน ICO

ที่น่าสนใจคือ รายงานเผยว่าทาง LINE นั้นจะไม่ระดมทุนผ่าน ICO ซึ่งนั่นหมายความว่าเหรียญ LINK นั้นจะไม่ถูกนำมาเสนอขายต่อสาธารณะเพื่อนำเงินไปใช้พัฒนาโปรเจคดังกล่าว แต่จะสร้างเหรียญเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อเปรียบเสมือนเป็น reward point เมื่อพวกเขาใช้บริการ พร้อมเสริมว่า

“ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้งานได้มาเข้าร่วมในหนึ่งในบริการ decentralized app ที่เกี่ยวข้องกับ LINK ก็จะได้รับเหรียญ LINK เป็นแรงจูงใจว่า LINK สามารถถูกใช้เป็นช่องทางในการจ่ายเงินหรือรางวัลภายใน dApp ที่จะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ เช่นบริการด้าน content, การค้าขาย, social, เกม, เว็บเทรด และอื่น ๆ อีกมากมายใน LINE”

เหรียญดังกล่าวจะมีการแบ่งหน่วยเป็น cony และ LINK โดยทาง LINE กำหนดสัดส่วนให้ 1 LINK มีค่าเท่ากับ 1,000,000 cony อย่างไรก็ตาม ทาง LINE นั้นไม่ได้เผยว่าเหรียญดังกล่าวจะใช้อัลกอริทึ่มอะไรและจะสามารถถูกขุดได้หรือไม่

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมาทางสยามบล็อกเชนได้รายงานว่า LINE ได้เปิดตัวเว็บเทรดเหรียญ cryptocurrency ที่มีนามว่า BITBOX โดย BITBOX จะสนับสนุนทั้งหมด 15 ภาษา และเปิดให้ให้ผู้ใช้งานทั่วโลก ยกเว้นที่ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เนื่องจากปัญหาด้านกฏหมาย

The post LINE เปิดตัว Cryptocurrency เหรียญแรกนาม LINK ใช้เป็นระบบจ่ายรางวัล appeared first on Siam Blockchain.

เว็บเทรด Binance มีผลประกอบการแซง Deutsche Bank ในไตรมาสแรกของ 2018

เว็บเทรดคริปโต Binance มีกำไรมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสแรก ในขณะที่ Deutsche Bank ได้กำไร 146 ดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา นาง Dovey Wan ผู้บริหาร DanHua Capital และนักลงทุนคริปโต ได้ทวีตถึงประเด็นดังกล่าวว่า เว็บเทรดคริปโต Binance มีผลประกอบการที่ดีกว่า Deutsche Bank ในไตรมาสแรกของปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอได้ตีแผ่ประเด็นดังกล่าว ได้มีการถกเถียงเกิดขึ้นระหว่างสองฝ่าย โดยบางคนโต้แย้งว่าไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ เนื่องจากทั้งสององค์กรนั้นทำธุรกิจอยู่คนละอุตสาหกรรมโดยสิ้นเชิง

หลังจากที่เห็นข้อโต้แย้ง นาง Wan เลยทำการเปรียบเทียบ Binance กับ Nasdaq แทน และกล่าวว่ามีผลประกอบการน้อยกว่า Nasdaq เพียง 9 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกันมาก หากเปรียบเทียบขนาดขององค์กรของทั้งคู่

การเปรียบเทียบดังกล่าว ไม่ได้สื่อว่าตลาดคริปโตจะก้าวข้ามตลาดการเงินปกติแต่อย่างใด แต่เธอเพียงจะแสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตนั้นมีศักยภาพในการ Disrupt ตลาดเก่า ๆ

อ้างอิงจากรายงานของ Ethereum World News CEO ของ Binance ได้คาดคะเนว่าบริษัทของเขาจะสร้างกำไร 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2018 ถึงแม้ว่าตลาดคริปโตจะเข้าสู่ตลาดหมีตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา Binance ยังคงขยายฐานผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีคู่เทรดกว่า 100 สกุล

อ้างอิงจากนาย Zhao CEO ของ Binance กล่าวว่าปัจจุบัน เว็บเทรดของเขามีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน และมีปริมาณการเทรดที่ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งในต้นปี 2017 นั้น Binance มีผู้ใช้ที่ 2 ล้านคนเท่านั้น

The post เว็บเทรด Binance มีผลประกอบการแซง Deutsche Bank ในไตรมาสแรกของ 2018 appeared first on Siam Blockchain.

รายงานเผย: ราคา Bitcoin อาจพุ่งไปถึง 98,000 ดอลลาร์ ภายในห้าปี

จากผลการวิจัยใหม่ของบริษัท Satis Group หรือบริษัทที่ปรึกษาด้านการระดมทุน ICO กล่าวว่าราคา Bitcoin จะสูงถึง 96,000 ดอลลาร์ภายในห้าปีข้างหน้า รายงานนี้ถูกเขียนโดยนาย Sherwin Dowlat และนาย Michael Hodapp

ในรายงานระบุว่าราคาของคริปโตมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้า โดยราคา Bitcoin (BTC) จะสูงถึง 98,000 ดอลลาร์, Monero (XMR) จะถึง 18,000 ดอลลาร์ และ Decred (DCR) จะสูงถึง 535 ดอลลาร์

นอกจากนี้ในรายงานคาดการณ์อีกว่า Bitcoin Cash (BCH) ราคาจะดิ่งลงถึง 268 ดอลลาร์ และ Ripple เหรียญ XRP จะลงเหลือ 0.01 ดอลลาร์

ทีมวิจัยยังคาดการณ์อีกว่าแพลตฟอร์ม Ethereum จะสูญเสียส่วนแบ่งประมาณครึ่งหนึ่งภายในปี 2028 อ้างอิงจากรายงานมูลค่าของ Cryptoassets จะเพิ่มขึ้นจาก 500 พันล้านดอลลาร์เป็น 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีผลการวิจัยจาก Sanford C. Bernstein & Co. ชี้ให้เห็นว่ารายได้ที่เกิดจากเว็บเทรดคริปโตนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และไปแตะที่ 4 พันล้านดอลลาร์ในปี 2018 ขณะที่เว็บ ICORating ระบุว่าในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2018 แสดงให้เห็น ว่าตลาดการระดมทุน ICO มีจำนวนมากขึ้นกว่าสองเท่าในปี 2018

The post รายงานเผย: ราคา Bitcoin อาจพุ่งไปถึง 98,000 ดอลลาร์ ภายในห้าปี appeared first on Siam Blockchain.

CBOE ประกาศเตรียมเปิดให้ซื้อขาย Ethereum Futures ภายในปี 2018

อ้างอิงจาก Business Insider รายงานเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม CBOE Global Markets เจ้าของ Chicago Board Options Exchange หรือ CBOE หนึ่งในแพลตฟอร์มการเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก วางแผนที่จะเปิดตลาดซื้อขายสัญญา Futures สำหรับ Ethereum ภายในปี 2018

CBOE จะจับมือกับเว็บเทรดคริปโต Gemini เพื่อที่จะเปิด Ethereum Futures ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้จับมือกันเพื่อเปิดตลาด Bitcoin Futures เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

สำหรับสัญญา Futures นั้น นักลงทุนจะตกลงกันเพื่อซื้อขายสินทรัพย์นั้น ๆ ในราคาที่กำหนดไว้ ในอนาคต ทำให้ผู้ลงทุน Futures จะสามารถลงทุนในสินทรัพย์นั้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องครอบครองสินทรัพย์นั้น ส่งผลให้เกิดความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก

อ้างอิงจากแหล่งข่าว Ethereum Futures กำลังรอได้รับการอนุมัติจาก Commodities Futures Trading Commission หรือ CFTC ก่อนที่จะเปิดให้บริการได้

เมื่อเดือนมิถุนายน ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ หรือ SEC ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในผู้ออกกฎหมายด้านการเงิน กล่าวว่า Ethereum ไม่ใช่หลักทรัพย์

เมื่อเดือนที่ผ่านมา Chicago Mercantile Exchange หรือ CME ได้ออกรายงานว่า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ BTC Futures เพิ่มขึ้นร้อยละ 93 ในไตรมาสที่สอง หากลองเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปี 2018

เมื่อเดือนธันวาคมของปี 2017 CBOE ได้เปิดให้สามารถซื้อขาย Bitcoin Futures และในเดือนเดียวกันนั้นราคาของ Bitcoin พุ่งไปแตะจุดสูงสุดที่เกือบ 20,000 ดอลลาร์

ที่มาภาพ BCFocus

The post CBOE ประกาศเตรียมเปิดให้ซื้อขาย Ethereum Futures ภายในปี 2018 appeared first on Siam Blockchain.

ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชี้อนาคตประเทศไทยกับเทคโนโลยี Blockchain และเงินดิจิทัลยังอีกไกล

แม้ว่าหลาย ๆ คนจะมีความเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเหรียญ cryptocurrency ที่แตกต่างกันออกไป แต่ในขณะนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าความเห็นของหนึ่งในผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองที่กล่าวว่าเป็น “ตัวแทนของคนรุ่นใหม่” อย่างคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากกลุ่ม community ผู้ใช้ Bitcoin ในเมืองไทย

โดยอ้างอิงจากการพูดคุยกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในรายการ LIVE ทาง Youtube SiamBlockchain เขาได้กล่าวถึงเทคโนโลยี Blockchain และ Bitcoin ว่า เวลาเขามองเรื่อง Blockchain หรือ Digital Currency เขาอาจจะมองแตกต่างกับคนอื่นนิดนึง หลายคนมอง Digital Currency หรือ Blockchain ในฐานะทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่เอาไว้ลงทุน ซึ่งถ้ามองในแง่นั้น Bitcoin ,Ethereum หรือ Digital Currency ตัวไหนก็ตาม มันก็เหมือนสินทรัพย์ประเภทหนึ่งไม่ต่างอะไรกับทอง ไม่ต่างอะไรกับหุ้น ปตท. ตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นเสมือนการ trade-off (แลกเปลี่ยน) กันว่าจะเลือกลงทุนตัวไหน

“ผมมอง Bitcoin และ Blockchain  ในฐานะเทคโนโลยีมากกว่า รวมถึงมองว่าในฐานะเทคโนโลยีมันสามารถเอามาใช้ในประเทศไทยได้อย่างไรบ้าง แล้วประเทศไทยจะได้ผลประโยชน์ จะเก็บเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวใหม่ตัวนี้ได้อย่างไรบ้าง ผมจะมองในลักษณะนั้นมากกว่า”

เมื่อถามถึงการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในแต่ละอุตสาหกรรม คุณธนาธรได้กล่าวว่า Blockchain คือเทคโนโลยีที่ใช้เก็บข้อมูลดิจิทัล มีลักษณะพิเศษ คือ 1 ข้อมูลที่ติดตัวถาวร 2 มันลบแก้ไม่ได้ 3 มันเป็นสาธารณะ ดังนั้นการมีลักษณะที่พิเศษเฉพาะสามแบบนี้ มันทำให้เราสามารถประยุกต์เอาเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลดิจิทัลตัวนี้ไปใช้ในสิ่งอื่นๆ ได้อีกเยอะแยะ

“เทคโนโลยีตัวนี้ทำลายตัวกลาง ตัวกลางที่มีอยู่ในระบบการทำธุรกรรมต่างๆ มันไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปถ้าเราสามารถเอา Blockchain เข้ามาใช้ เช่น การทำสัญญาต่างๆ การโอนเงิน การเปิดบัญชีโอนเงินต่างประเทศ ซึ่งมันมีวิธีเยอะแยะที่จะสามารถใช้เทคโนโลยีตัวนี้”

โดยคุณธนาธรได้ยกตัวอย่าง กรณี Ride Sharing แอปพลิเคชันแชร์รถยนต์ ถ้าเป็นรถยนต์สมัยเก่าเวลาที่เราอยากจะไปเอารถหนึ่งคันต้องไปที่ศูนย์ เช่ารถ ต้องกรอกเอกสารเยอะแยะก่อนที่จะได้กุญแจมา และเมื่อได้กุญแจแล้วต้องเดินไปที่รถโดยถือกุญแจเพื่อไขประตูรถถึงจะเข้ารถได้

คุณธนาธรกล่าวว่า กุญแจตัวนี้สามารถใช้เทคโนโลยี Blockchain ได้ คิด Blockchain เป็นกุญแจ ผมใช้รถเสร็จผมก็ทิ้งกุญแจอยู่ในแอปสักตัวที่กุญแจผูกกับตัวรถไว้ พอต้องการใช้ครั้งต่อไป ก็เข้ามาก็กดเลือกรถคันที่อยู่ใกล้ๆ ดังนั้น ID ของผมก็คือตัวตนของผมจะไป Link กับกุญแจรถยนต์ที่เลือกเสมือนว่ากุญแจตัวนี้อยู่กับผมแล้ว และเมื่อไปที่รถยนต์เอามือถือไปยิงกับรถก็สามารถใช้รถคันนั้นได้ ซึ่งมันจะเก็บข้อมูลทั้งหมดว่าผมจะใช้รถเมื่อไหร่ สตาร์ทรถเมื่อไหร่ เอารถคืนเมื่อไหร่ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สามารถเอาเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ได้

“อย่างที่ผมบอก ข้อมูลมันถาวร ตั้งแต่อายุของรถคันนี้เริ่มขึ้นจนรถพัง ข้อมูลจะอยู่กับรถคันนี้ตลอดว่าใครใช้เมื่อไหร่อย่างไรบ้าง อีกทั้งมันปรับแก้ไม่ได้ทำให้มันมีความน่าเชื่อถือ ไม่เกิดการคดโกงกัน และมันเป็นสาธารณะมันมองเห็น”

นอกจากนี้คุณธนาธร เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อเกิดเทคโนโลยีใหม่ขึ้นมันเป็นโอกาสที่เราจะสามารถเปลี่ยนจากผู้ตาม จากเทคโนโลยีหนึ่งก้าวกระโดดข้ามไปเป็นผู้นำได้ จะใช้ Blockchain คุณไม่ต้องเริ่มจากการผลิตคอมพิวเตอร์  ไม่ต้องเริ่มจากการผลิตแอป แต่คุณสามารถเป็นประเทศที่เป็นผู้นำในการทำ Blockchain ได้เลย ซึ่งนี่คือโอกาส ถ้าเราไม่ทำไม่เอาเทคโนโลยีตัวนี้มาประยุกต์ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นคือคุณจะกลายเป็นผู้ตามเทคโนโลยี

ถ้าเราเริ่มตัวแต่วันนี้ในวันที่เทคโนโลยียังไม่มีใครเป็นผู้นำแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคุณมีโอกาสที่จะเป็นผู้นำ เพราะการเริ่มก่อนคือการที่คุณยืนอยู่ที่พรมแดน ถ้าคุณจะ Innovate คุณต้องไปยืนที่พรมแดนเพราะข้างหน้าคุณไม่มีใครแล้ว แต่ถ้าคุณอยู่ข้างหลังเพื่อรอคนเดินไปก่อนสิ่งที่คุณก็ต้องเดินตามเขา การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง Blockchain เรามีโอกาสที่จะเป็นผู้นำได้โดยไม่ต้องไปตามเขา

เมื่อถามถึงกฎเกณฑ์ที่ออกมากำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล คุณธนาธรเผยว่า การมีกฎแบบนี้ออกมามันมีข้อเสีย 3 ประการ 1 มันเป็นการฉุดรั้งประเทศไทยไม่ให้ใช้เทคโนโลยีนี้ไม่ให้ตามโลกทัน 2 มันปกป้องอุตสาหกรรมปัจจุบัน อย่างเช่นตลาดหุ้น การลงทุนในตลาดหุ้นไม่เสีย Capital Gain Tax แต่พอออก ICO ต้องเสีย ซึ่งมันเป็นการสร้างความไม่เท่าเทียมกันระหว่างทรัพย์สิน 2 ตัว 3 คือจะทำให้ประเทศไทยไม่เท่าทันกับโลก StartUp ใหม่ๆ จะระดมทุนยากขึ้น ต่างชาติจะไม่ลงทุนในประเทศไทยเพราะการลงทุน ICO ประเทศไทยโดน Capital Gain Tax 15% นักลงทุนต่างชาติก็เอาเงินไปที่อื่นซึ่งจะหมดโอกาสการมีเม็ดเงินต่างชาติเข้ามา

กฎที่ออกมามันจะทำให้การพัฒนาของประเทศไทยในเรื่องนี้ช้า เพราะเทคโนโลยีพวกนี้คุณชอบหรือไม่ชอบแต่มันคืออนาคต คุณหลีกหนีมันไม่พ้น มีทางเลือก 2 ทางคือ อยู่แบบนี้ให้คนอื่นไปรอก่อนถ้าเขานำเขาประสบความสำเร็จเราค่อยตามแต่ถ้าตามไปถึงตรงนั้นเราจะไม่ได้อะไรแล้ว หรือในขณะที่ตอนนี้มันอึ้มครึมยังไม่มีใครไปถ้ากล้าที่จะนำ มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำ

สุดท้ายเมื่อถามถึงอนาคตของประเทศไทยกับเทคโนโลยี Blockchain และเงินดิจิทัล

คุณธนาธรกล่าวว่า ผมไม่รู้จะพูดอย่างไร ผมยังมองไม่เห็นความพยายามของรัฐบาลที่จะผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง อย่างพ.ร.ก.ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มันถูกสร้างมาเพื่อควบคุมกำกับการเติบโตมากกว่าที่จะส่งเสริม ดังนั้นผมไม่เห็นว่าประเทศไทยภายในอนาคตอันใกล้ 3-5 ปีจะเกิดการใช้สิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างแพร่หลายได้เลยซึ่งจะเป็นการเสียประโยชน์ ดังนั้นเราต้องปรับตัวกล้าที่จะเผชิญโลกมากกว่านี้ กล้าที่จะเดินให้เท่าทันโลกมากกว่านี้

The post ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชี้อนาคตประเทศไทยกับเทคโนโลยี Blockchain และเงินดิจิทัลยังอีกไกล appeared first on Siam Blockchain.

Walmart มีแผนที่จะสร้างหุ่นยนต์ โดยควบคุมผ่านระบบ Blockchain คาดสามารถแข่งกับ Amazon ได้

Walmart มีแผนที่จะสร้างหุ่นยนต์ โดยควบคุมผ่านระบบ Blockchain เพื่อนำมาแข่งขันกับทาง Amazon โดยหุ่นยนต์ตัวนี้จะสามารถส่งของโดยใช้สัญญาณไร้สาย

เอกสารที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาโดยสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ (USPTO) โดยทาง Walmart กล่าวว่านี่ไม่ใช่หุ่นยนต์แบบภาพยนตร์เรื่อง The Terminator และ Walmart ก็กล่าวว่าเราไม่ได้สร้างบริษัท Skynet ตามภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย

ทาง Walmart บอกว่ามีแผนที่จะใช้หุ่นยนต์ในการส่งของเพื่อนำมาแข่งขันกับทาง Amazon โดยในเอกสารยังระบุอีกว่าระบบนี้จะสามารถควบคุมหุ่นยนต์หลาย ๆ ตัวในการส่งของ โดยใช้สัญญาณไร้สาย (Wireless Signal) ในการสื่อสารและตรวจสอบข้อมูลหุ่นยนต์ในแต่ละตัวอีกด้วย

ในระบบดังกล่าวน่าจะเป็นเป้าหมายสำหรับนักแฮ็กเกอร์อย่างแน่นอน แต่ทาง Walmart เชื่อว่าเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภท (DLT) จะช่วยป้องกันในเรื่องนี้ได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทาง Walmart ได้เตรียมจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain เพื่อทำให้การส่งสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทาง Walmart ได้จดสิทธิบัตรในหัวข้อ “เครื่องมือและวิธีการจัดส่งสินค้า” โดยมันจะทำหน้าที่ในการจองตู้สินค้าในกรณีที่ผู้ซื้อไม่สามารถไปรับสินค้าด้วยตนเองได้ และเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2017 Walmart ก็ได้จดสิทธิบัตที่จะใช้เทคโนโลยี Blockchainในการติดตามตำแหน่งโดรนขนส่งสินค้าเช่นกัน

The post Walmart มีแผนที่จะสร้างหุ่นยนต์ โดยควบคุมผ่านระบบ Blockchain คาดสามารถแข่งกับ Amazon ได้ appeared first on Siam Blockchain.

PwC ออกหลักสูตรสำหรับพนักงาน เพื่อเสริมสร้างความชำนาญในด้าน Blockchain

PwC หรือบริษัทที่ปรึกษากำลังจะเริ่มโครงการ “ทักษะดิจิทัล” เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญให้กับพนักงานในด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Blockchain

อ้างอิงจาก Digiday บริษัทนี้จะมอบหมายพนักงานกว่า 1,000 คนให้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมนี้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งจะเป็นการครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ตั้งแต่ Blockchain จนไปถึง 3D Printing และ Drones โครงการนี้จะมีชื่อว่า “PwC Digital Accelerators” โดยจะเริ่มเดือนมกราคมปีหน้า

นาง Sarah McEneaney หัวหน้าของโครงการนี้กล่าวว่า:

“งานของฉันคือการพิสูจน์ว่าพนักงานของเรานั้น จะมีทักษะทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้นในอนาคต และจำเป็นต่อการทำงานและตอบสนองต่อสิ่งที่ลูกค้าของเราต้องการได้”

และด้วยการฝึกอบรมนี้จะทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังจะลดชั่วโมงในการทำงานในการแก้ปัญหาด้วย

พนักงานกว่า 3,500 คนจาก  46,000 คนกล่าวว่าได้สมัครโครงการนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในระหว่างที่เริ่มโครงการนี้ จะมีพนักงานที่โดนเลือก 1,000 คนได้ไปร่วมงานกับลูกค้า โดยใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การวิเคราะห์และข้อมูลรวมไปถึงเรื่อง Blockchain จะเป็นส่วนแรกที่เรียนในหลักสูตรนี้

The post PwC ออกหลักสูตรสำหรับพนักงาน เพื่อเสริมสร้างความชำนาญในด้าน Blockchain appeared first on Siam Blockchain.

สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น จะสร้างซอฟต์แวร์เพื่อต่อกรกับโจรกรรม และการใช้คริปโตผิด ๆ

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา NHK องค์การกระจายเสียงแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นได้รายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น (NPA) วางแผนจะเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ที่ช่วยติดตามประวัติการทำธุรกรรมด้วย Cryptocurrency ได้

ในปี 2019 NPA วางแผนที่จะนำมาใช้งานจริง เพื่อติดตามการทำธุรกรรมคริปโตภายในประเทศ นี่เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจที่จะต่อกรกับจำนวนของการใช้งาน Cryptocurrency ผิด ๆ และการโจรกรรมที่มากขึ้น

เพื่อที่จะสร้างซอฟต์แวร์ใหม่นี้ NPA กำลังเตรียมการขอเพิ่มทุนประมาณ 315,000 ดอลลาร์ สำหรับปีหน้า

สำหรับซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะถูกพัฒนาโดยบริษัทเอกชน ซึ่งไม่ได้ถูกเปิดเผยชื่อ ทั้งนี้อ้างอิงจาก NHK ซอฟต์แวร์ดังกล่าวสามารถดึงข้อมูลธุรกรรมที่จำเป็นเพื่อการสืบสวน, แสดงข้อมูลให้เห็นภาพ และบอกได้ว่าธุรกรรมเกิดขึ้นที่เว็บเทรดคริปโตไหนให้บริการ

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Trend Micro บริษัทผลิตซอฟต์แวร์สัญชาติญี่ปุ่น พบว่าสามารถซื้อเครื่อง ATM Bitcoin ที่มีมัลแวร์อยู่ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ในราคาเพียง 25,000 ดอลลาร์

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Financial Services Agency (FSA) ผู้ออกกฎหมายด้านการเงินของประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ต้องการให้อุตสาหกรรม Cryptocurrency เติบโตขึ้นภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม และระบุว่า พวกเขา “ไม่มีความตั้งใจที่จะยับยั้งอุตสาหกรรมคริปโต” เป้าหมายของ FSA ก็คือการพัฒนาอุตสาหกรรม คริปโต และหา “ความสมดุล” ระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ที่มาภาพ hurriyetdailynews.com

The post สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น จะสร้างซอฟต์แวร์เพื่อต่อกรกับโจรกรรม และการใช้คริปโตผิด ๆ appeared first on Siam Blockchain.

โปรเจกต์ ICO ทำนายราคา Bitcoin อาจไปแตะ 96,000 ดอลลาร์ใน 5 ปีข้างหน้า

อ้างอิงจากรายงาน Satis Group ซึ่งเป็นโปรเจกต์ ICO เชื่อว่าราคาของ Bitcoin อาจพุ่งขึ้นไปแตะ 96,000 ดอลลาร์ภายใน 5 ปีข้างหน้า

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2018 Satis Group เพิ่งตีพิมพ์รายงานวิเคราะห์เกี่ยวกับ Ecosystem ของ Cryptocurrency ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ส่วน โดยจะวิเคราะห์ว่า ตลาดคริปโตนั้นมีมูลค่าได้อย่างไร และโมเดลการประเมินมูลค่าของพวกเขานั้นตรงกับราคาของโทเคนนั้นจริง ๆ หรือไม่ พร้อมทั้งทำนายด้วยว่าในอีไม่กี่ปีข้างหน้าในอนาคต ตลาดคริปโตจะเป็นเช่นไร

รายงานดังกล่าวถูกจัดทำโดยนักวิจัย 2 คนนาม Sherwin Dowlat และนาย Micheal Hodapp

อ้างอิงจากรายงาน ได้ทำนายว่าราคาของคริปโตแต่ละสกุลนั้นจะมีมูลค่าเท่าไร ในอีก 5 ปีข้างหน้า และระบุว่าเหรียญ เช่น Bitcoin, Monero และ Decred จะมีการทะยานของราคา เนื่องจากพวกมันเป็น “คริปโตที่มีคุณค่าที่เฉพาะตัว ซึ่งส่งผลต่อตลาดคริปโต”

ในทางกลับกัน นักวิจัยได้เชื่อว่าเหรียญเช่น Bitcoin Cash และคริปโตตัวอื่น ๆ ที่ “พยายามจะเคลมว่าเป็นคริปโตที่จะมาแทนที่คริปโตสกุลหลัก ๆ โดยการเคลมว่ามีเทคโนโลยีที่ดีกว่า” จะมีมูลค่าที่ลดลง และเหรียญ XRP ได้รับคำทำนายที่รุนแรงที่สุด โดย Satis Group กล่าวว่ามันจะมีราคาเหลือเพียง 0.01 ดอลลาร์

“ภายในเครือข่ายของแต่ละคริปโต เรามีมุมมองในแง่บวกต่อเครือข่ายที่เติบโตด้วยตัวมันเอง และมีชุมชนของพวกเขาเอง เช่น LTC และมีมุมมองในแง่ลบต่อคริปโตที่พยายามจะสืบทอดจากคริปโตสกุลหลัก ๆ ที่อาจเกิดจากการ Fork เช่น BCH และเครือข่ายที่โฆษณาพยายามชวนเชื่อผิด ๆ เช่น XRP จะแทบไม่เหลือมูลค่าเลย”

พวกเขายังกล่าวอีกด้วยว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า “เครือข่ายที่เป็นแพลตฟอร์ม” เช่น Ethereum จะมีโปรเจกต์ต่าง ๆ ไปสร้างโทเคนบนแพลตฟอร์มของพวกเขาน้อยลง โดยระบุว่าปัจจุบันโปรเจกต์ต่าง ๆ ถึง 86 เปอร์เซ็นต์สร้างบนเครือข่าย Ethereum

จากที่กล่าวมาทั้งหมด พวกเขาสรุปว่า:

“ในปัจจุบัน เราเชื่อว่า ETH นั้นยังมีมูลค่าน้อยเกิดจริงจากที่มันควรจะเป็น หากลองพิจารณาจากสภาพคล่อง และชื่อเสียงของมันที่ใคร ๆ ในวงการคริปโตต่างก็ได้รับจากสนับสนุนจากพวกเขา”

ที่มาภาพ usitech-int.com.br

The post โปรเจกต์ ICO ทำนายราคา Bitcoin อาจไปแตะ 96,000 ดอลลาร์ใน 5 ปีข้างหน้า appeared first on Siam Blockchain.

แพลตฟอร์มการชำระเงิน BitPay เพิ่ม Bitcoin Cash เป็นตัวเลือกในการชำระเงิน

เมื่อวันพุธที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมาบริษัท BitPay ประกาศว่าร้านค้าต่าง ๆ จะสามารถรับการชำระเงินด้วย Bitcoin Cash (BCH) อีกทั้งพ่อค้ายังสามารถแบ่งเงินที่ได้ออกเป็นสกุลเงิน Fiat และ BCH ด้วยเช่นกัน

BitPay เพิ่มบริการการชำระด้วย Bitcoin Cash

BitPay มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2011 และเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทก็เพิ่มการชำระเงินด้วย Bitcoin Cash แก่พ่อค้า

BitPay อนุญาตให้ลูกค้าสามารถชำระเงินด้วย BTC อยู่แล้ว และตอนนี้ก็ได้เพิ่มตัวเลือกเป็น BCH ด้วย และทาง BitPay ยังอนุญาตให้สามารถรับเงินทั้งหมดเป็น Bitcoin Cash หรือเลือกที่จะแบ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคา

“ในธุรกิจส่วนใหญ่นั้นยังคงทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินสากล แต่ก็มีอีกหลายที่ที่เริ่มใช้สกุลเงินดิจิทัลแล้ว” BitPay กล่าว

เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา BitPay เพิ่งได้รับ BitLicense เป็นลำดับที่แปด กลายเป็นผู้ให้บริการชำระเงินด้วยคริปโตอย่างเต็มตัว

The post แพลตฟอร์มการชำระเงิน BitPay เพิ่ม Bitcoin Cash เป็นตัวเลือกในการชำระเงิน appeared first on Siam Blockchain.

Thursday, August 30, 2018

Spark หรือกระเป๋าเก็บคริปโตแบบ Offline สามารถเทรด Bitcoin โดยใช้ C-Lightning

เทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่าง ๆ กำลังถูกออกแบบมาเพื่อให้การทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin รวดเร็ว ปลอดภัยและมีราคาถูกลงมากขึ้น ล่าสุด Spark หรือกระเป๋าเก็บคริปโตที่สามารถรับและส่ง Bitcoin ได้หันมาใช้เทคโนโลยี C-lightning เป็นที่เรียบร้อย

Interface ง่ายต่อการชำระเงินด้วย Bitcoin ผ่าน Lightning Network

Lightning Network กำลังเติบโต เพราะมันจะช่วยให้การทำธุรกรรมระหว่าง Node นั้นเร็วขึ้น และด้วยเทคโนโลยีที่กำลังเกิดใหม่นั้นก็ทำให้ Spark ถือกำเนิดขึ้นมา

Spark เป็นเว็บแอปฯ กระเป๋าเก็บคริปโตในรูปแบบ GUI มันสามารถทำงานร่วมกับแอปฯ Electron บน Linux, Windows และ MacOS และยังสามารถใช้งานบน Android และ iOS อีกด้วย

อ้างอิงจาก Medium กล่าวว่า:

“ด้วย Spark เราสามารถรับและส่ง Bitcoin ผ่าน Lightning Network ได้อย่างง่ายดายผ่าน Interface ที่เรียบง่าย”

หนึ่งในคุณสมบัติหลักของ Spark คือผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมผ่าน Lightning Network แบบ Off-chain ได้ โดยในทวิตเตอร์ของนักพัฒนานาย Nadav Ivgi กล่าวว่า:

“ด้วยการตั้งค่านี้จะทำให้สามารถรัน C-lightning node บน Server ที่บ้านหรือบน Cloud ได้โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านการ Remote ได้โดยตรงจากโทรศัพท์ของคุณ ซึ่งโทรศัพท์ของคุณไม่จำเป็นต้อง Online และ Server สามารถรองรับ Wallet ได้หลายแบบ”

ช่วยแก้ปัญหาการ Scaling ของ Bitcoin

Lightning Network สนับสนุนการทำธุรกรรมนับล้าน ๆ รายการต่อวินาที มันเป็นระบบแบบ Decentralized ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ช่องทาง Micropayment ในการทำธุรกรรมผ่าน Off-blockchain ได้

ตอนนี้ Lightning Network มีจำนวน 3,288 Nodes, 11,700 Channels และมีจำนวน Bitcoin กว่า 95 BTC ที่รันอยู่ในระบบ

The post Spark หรือกระเป๋าเก็บคริปโตแบบ Offline สามารถเทรด Bitcoin โดยใช้ C-Lightning appeared first on Siam Blockchain.

รัฐบาลโปแลนด์ประกาศร่างกฎหมาย สำหรับการเก็บภาษี Cryptocurrency

เมื่อวันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2018 อ้างอิงจากเว็บไซต์ของรัฐบาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตีพิมพ์โปแลนด์ได้ประกาศร่างกฎหมายใหม่สำหรับนโยบายการเก็บภาษีคริปโต

ก่อนหน้านี้นโยบายการเก็บภาษีได้รับการต่อต้านจากชุมชนคริปโตภายในประเทศเป็นอย่างมาก ทางรัฐบาลได้พิจารณาถึงข้อนั้น และนำมาปรับเปลี่ยนกฎหมายให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ร่างกฎหมายครั้งนี้มีขึ้นเพื่อ ทำให้การเก็บเรียบง่ายมากขึ้น สำหรับธุรกรรมคริปโต

ร่างกฎหมายดังกล่าวจะกำหนด Cryptocurrencies ในแง่ของพระราชบัญญัติการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการก่อการร้ายทางการเงินว่าเป็น “เงินในรูปแบบดิจิทัล”

นอกจากนี้ เงินดิจิทัลจะแบ่งถูกออกเป็นสองกลุ่มคือ Cryptocurrency และเงินดิจิทัลที่ Centralized โดยทั้งสองกลุ่มได้รับการอนุญาตให้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนใน E-commerce และสามารถรับเป็นช่องทางในการชำระเงินได้

สำหรับการเก็บภาษี ร่างกฎหมายจะส่งผลทั้งบุคคลทั่วไป และธุรกิจ การทำธุรกรรม Crypto-to-crypto ที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือเป็นรายบุคคล (Peer-to-peer) จะไม่ถูกเก็บภาษี ในขณะเดียวกัน รายได้จากการขายสินค้า, หลักทรัพย์ และบริการจะถูกจัดเป็นรายได้ เพื่อนำไปคำนวณการเก็บภาษีต่อ

นอกจากนี้เอกสารยังได้พูดถึงนักขุดคริปโตอีกด้วย โดยระบุว่า ผู้ที่ขุดคริปโตเพื่อตนเองจะไม่ถูกเก็บภาษี ในขณะที่ การขุดคริปโตให้องค์กร หรือผู้อื่นจะถูกเก็บภาษี

ปัจจุบัน ระบบภาษีสำหรับประเทศโปแลนด์ จะเก็บภาษี 18 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อปีต่ำกว่า 23,000 ดอลลาร์ และจะเก็บภาษี 32 เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อปีมากกว่านี้

ต้องติดตามต่อไปว่า กระแสตอบรับของร่างกฎหมายในครั้งนี้ จะถูกต่อต้านเช่นช่วงต้นปีที่ผ่านมาหรือไม่ สำหรับประเทศไทยนั้น ได้มีการเก็บภาษี Capital Gain 15 เปอร์เซ็นต์จากกำไรที่ได้รับจากคริปโต ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ที่มาภาพ techcrunch

The post รัฐบาลโปแลนด์ประกาศร่างกฎหมาย สำหรับการเก็บภาษี Cryptocurrency appeared first on Siam Blockchain.

เหรียญ Tron ถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรด Kryptono และ KuCoin โดยราคาพุ่งขึ้นก่อนร่วงลงมา

เหรียญ Tron ถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรด Kryptono และ KuCoin เมื่อวันที่ 24 และ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา จนทำให้เหรียญ TRX มีราคาพุ่งขึ้นทันที 10 เปอร์เซ็นต์แต่ตกลงมาเรียบร้อย

อ้างอิงจาก Twitter ของนาย Justin Sun เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมาระบุว่า เหรียญ Tron หรือ TRX จะถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรดแบบ Peer 2 Peer นามว่า Kryptono และสามารถเทรดคู่สกุล TRX/BTC, TRX/ETH ได้เลย

อย่างไรก็ตามสามวันถัดมานาย Justin ก็ได้ประกาศอีกครั้งว่า TRX จะถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรด KuCoin ซึ่งทำให้เกิดความตื่นเต้นใน Community ของ Tron อย่างต่อเนื่อง และในวันเดียวกันนั้นนาย Sun ได้ประกาศอีกครั้งว่าจะทำการเผาเหรียญทิ้งอีกกว่า 670 ล้าน TRX และจะเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้สามารถเปลี่ยนไปใช้งานบน Blockchain ของตนเองได้ หลังจากที่ใช้อยู่บนเครือข่าย Ethereum มานาน

ก่อนหน้านี้นาย Justin Sun ได้เข้าซื้อบริษัท BitTorrent ในราคา 140 ล้านดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นไม่นานเจ้าของ BitTorrent ก็ได้ลาออกจากบริษัทตนเองหลังจาก Tron เข้าซื้อ

ในขณะที่เขียนบทความนี้ราคาของ Tron อยู่ที่ 0.024 ดอลลาร์ จากราคา 0.026  ดอลลาร์ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 5.02 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

The post เหรียญ Tron ถูกลิสต์ขึ้นเว็บเทรด Kryptono และ KuCoin โดยราคาพุ่งขึ้นก่อนร่วงลงมา appeared first on Siam Blockchain.

ฮ่องกงประกาศรับผู้เชี่ยวชาญ Blockchain จากประเทศอื่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศว่าจะอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้สำหรับผู้คนที่มีความสามารถ 11 ด้านที่พวกเขาระบุไว้ เนื่องจากสายอาชีพดังกล่าวนั้นมีความจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

แน่นอนว่ามันรวมไปถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Blockchain, AI, Data Engineering, Robotics, Biometric และ Industrial/Chemical Engineering

รัฐบาลจะทำการทดสอบผู้คนที่ต้องการย้ายมาประเทศของพวกเขาด้วยการทดสอบ Hong Kong’s Quality Migrant Admission Scheme หรือ QMAS

นาย Matthew Cheung Kin-chung ประธานคณะกรรมาธิการการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ของฮ่องกง กล่าวว่า:

“ฮ่องกงยินดีต้อนรับผู้มีพรสวรรค์จากทั่วโลกที่มีทักษะความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า เราตั้งใจจะดึงศักยภาพของพวกเขาออกมาให้มากที่สุด และพัฒนาต่อยอดสายอาชีพของพวกเขาขึ้นไปอีก”

การทดสอบ QMAS ถูกสร้างขึ้นในปี 2006 โดยจะเปิดรับผู้คนจากทุกประเทศ มีข้อยกเว้นเพียงข้อเดียวคือ ผู้เข้าร่วมต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป ซึ่งในครั้งนี้มีโควตาให้สำหรับ 1,000 ที่

ผู้สมัครจะต้องผ่านการทดสอบ “การทดสอบจากคะแนนทั่วไป” หรือ “การทดสอบที่อิงคะแนนจากความสำเร็จ” โดยทางรัฐบาลได้ยืนยันว่า ผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain จะได้รับแต้มพิเศษใน “การทดสอบจากคะแนนทั่วไป”

นอกจากนี้ ผู้สมัครจะต้องพิสูจน์ความเป็นอิสระทางการเงิน และพื้นฐานการศึกษา เช่น ปริญญาจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา แต่จะมีการพิจารณาเป็นพิเศษหากไม่มีพื้นฐานทางการศึกษา แต่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางตามที่กำหนดไว้

ที่มาภาพ Abercrombie & Kent

The post ฮ่องกงประกาศรับผู้เชี่ยวชาญ Blockchain จากประเทศอื่นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ appeared first on Siam Blockchain.

มหาวิทยาลัยมอลตาจัดตั้งกองทุนการศึกษาด้าน Blockchain มูลค่า 300,000 ยูโร

อ้างอิงจาก Times of Malta เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมอลตาได้ร่วมมือกับหน่วยงานเทคโนโลยีสารสนเทศมอลตา (MITA) เพื่อจัดตั้งกองทุน ทุนการศึกษาด้าน Blockchain และ Distributed Ledger (DLT) มูลค่า 300,000 ยูโร (351,000 ดอลลาร์)

โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของทุนดังกล่าว ได้แก่ นักเรียนที่เรียนด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT), กฎหมาย, การเงินและวิศวกรรม โดยจะเริ่มในปีการศึกษาที่จะถึงนี้ นักเรียนสามารถสมัครรับทุนการศึกษานี้เพื่อที่จะทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโทและเอกด้าน Bockchain และ DLT

ทุนการศึกษานี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลในการดึงดูดบริษัทด้าน Blockchain ไปยังเกาะมอลตา โดยจะจัดหาบุคลากรให้เพียงพอ โดยนาย Silvio Schembri เลขานุการรัฐสภา กล่าวว่าเขาต้องการเห็นผู้สำเร็จการศึกษาจากมอลตาในสาขานี้:

“บริษัทเหล่านี้ต้องการบุคลากรที่มีความรู้เชิงเทคนิคทั้งในการสร้างและดำเนินการโดยใช้เทคโนโลยีนี้ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านบริการทางการเงิน, กฎหมายและการบริหารจัดการ”

มอลตาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเกาะที่ได้รับฉายาว่า “Blockchain Island” และเมื่อเดือนที่แล้วทางมอลตา เพิ่งร่างกฎหมายสามฉบับที่เกี่ยวกับ Cryptocurrency, Blockchain และ Distributed Ledger ที่ผ่านการรับรองโดยรัฐสภาของมอลตา ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการเข้ามาดูแล Cryptocurrency ในมอลตาเป็นอย่างมาก

The post มหาวิทยาลัยมอลตาจัดตั้งกองทุนการศึกษาด้าน Blockchain มูลค่า 300,000 ยูโร appeared first on Siam Blockchain.

แฮ็กเกอร์ขายข้อมูลส่วนตัวที่แฮ็กมาได้กว่า 130 ล้านคน เป็นมูลค่า 8 BTC

อ้างอิงจาก The Next Web’s Hard Fork แฮ็กเกอร์ได้ทำการขายข้อมูลที่แฮ็กมาได้เป็นจำนวน 8 Bitcoin หรือประมาณ 56,000 ที่ Dark Web ประเทศจีน

แฮ็กเกอร์ได้ทำการขายข้อมูลที่แฮ็กได้จาก Huazhu Hotels Group ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือโรงแรมที่มีอิทธิพลที่สุดในประเทศจีน โดยมีแบรนด์ของตัวเองกว่า 10 แบรนด์, โรงแรม 3,800 แห่งกระจายอยู่กว่า 380 เมืองหลัก

อ้างอิงจาก Bleeping Computer ข้อมูลดังกล่าวมีขนาด 141.5 GB โดยมันเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้คนกว่า 130 ล้านคนที่เคยมาพักที่โรงแรมในเครือ Huazho และข้อมูลที่หลุดไปนั้นรวมไปถึง:

“ข้อมูลการลงทะเบียนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (หมายเลขบัตรประจำตัว, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ, ที่อยู่อีเมล, รหัสผ่านเข้าสู่ระบบ), ข้อมูลการลงทะเบียนการเช็คอิน (ชื่อลูกค้า, หมายเลขบัตรประจำตัว, ที่อยู่บ้าน, วันเกิด) และข้อมูลการจองห้องพัก (ชื่อ, หมายเลขบัตร, หมายเลขโทรศัพท์มือถือ, เวลาเช็คอิน, เวลาออกเดินทาง, หมายเลขโรงแรม, หมายเลขห้อง)”

Zibao ซึ่งเป็นกลุ่มดูแลความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ของจีนคาดการณ์ว่าข้อมูลอาจรั่วไหลออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เพราะมีโปรแกรมเมอร์ Huazhu หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์อัปโหลดข้อมูลบางส่วนของฐานข้อมูลของบริษัทไปยัง Github

หลังจากที่เครือ Huazhu รับทราบว่ามีการแฮ็กเกิดขึ้น พวกเขาก็ได้ออกมายอมรับความผิดพลาด และเผยว่าพวกเขาอยู่ในกระบวนการสืบสวนของ แต่ยังคงไม่ได้ให้รายละเอียดอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้

แม้ว่าข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมาอาจไม่สำคัญเท่าไรมากนัก (เช่น ไม่มีข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลหนังสือเดินทางเป็นต้น) แต่หน่วยงานท้องถิ่นก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการปราบปรามเหตุการณ์ที่ผิดกฎหมายนี้ หลังจากที่มีการประกาศ หุ้นของ บริษัท Huazhu ที่จดทะเบียนในสหรัฐซึ่งมีชื่อว่า China Lodging Group โดยบางรายลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ด้วยเช่นกัน

ที่มาภาพ The Hacker New

The post แฮ็กเกอร์ขายข้อมูลส่วนตัวที่แฮ็กมาได้กว่า 130 ล้านคน เป็นมูลค่า 8 BTC appeared first on Siam Blockchain.

ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นวง NGT48 Rie Kitahara ออกมาให้ความรู้กับตำรวจด้าน Cryptocurrency

ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปของญี่ปุ่นวง NGT48 ได้ออกมาให้ความรู้กับกรมตำรวจที่ญี่ปุ่นเกี่ยวกับประเด็นความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ รวมไปถึงเรื่อง Cryptocurrency เธอได้รับหน้าที่ในฐานะเป็นวิทยากรพูดในประเด็นด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ในงาน (Event) ที่จัดโดยกรมตำรวจ โดยผู้ร่วมเข้างานจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับมาตรการในการตอบโต้การโจมตีบนโลกไซเบอร์

Rie Kitahara สร้างความตระหนักเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์

อ้างอิงจากสื่อท้องถิ่นนักแสดงและนักร้องชาวญี่ปุ่นนาม Rie Kitahara เธออยู่ในวงไอดอล Girl Group นาม NGT48 และยังเป็นอดีตสมาชิกวง AKB48 และ SKE48 อีกด้วย ได้ออกมาช่วยให้ความรู้ที่กรมตำรวจในเมืองโตเกียวเกี่ยวกับความสำคัญและความปลอดภัยในโลกไซเบอร์รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับ Bitcoin และคริปโตสกุลอื่น ๆ

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมากรมตำรวจกรุงโตเกียว ได้เป็นเจ้าภาพในการจัดงานนี้ โดย Kitahara พยายามให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรการต่อต้านอาชญากรบนโลกไซเบอร์

ในงานวันนั้นมีผู้ฟังกว่า 1,700 คน โดยมีทั้งผู้ปกครองและเด็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของ Email Phishing (อีเมลหลอกลวง) และเว็บไซต์ปลอมที่จะพยายามขโมยข้อมูลส่วนตัว พร้อมทั้งวิธีที่จะป้องกันจากอันตรายเหล่านี้ โดยทาง Asahi TV ได้อธิบายว่า:

“ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสำคัญของมาตรการในการตอบโต้อาชญากรรมบนโลกไซเบอร์โดยการจำลองสถานการณ์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และแบบทดสอบเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ และปีที่ผ่านมามีเหยื่อจากอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ที่มาแจ้งความกับทางตำรวจมากกว่า 13,101 คดี ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลง แต่ความเสียหายที่เกิดจาก Cryptocurrency เช่น Bitcoin นั้นมีมากขึ้น”

การร่วมมือกับเว็บเทรดคริปโต

เพื่อที่จะทำให้กรมตำรวจสามารถต่อสู้กับอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์หรือที่เกี่ยวกับ Cryptocurrency ได้นั้น ทางกรมตำรวจในกรุงโตเกียวได้ร่วมมือกับเว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ 10 แห่ง ได้แก่ SBI Virtual Currencies, Bitflyer, Bitpoint Japan, GMO Coin, Bittrade, Quoine, Bitbank, Btc Box, Money Partners และ Coincheck นั่นเอง

ที่มา: Bitcoin News

ที่มาภาพ: Flickr

The post ไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปญี่ปุ่นวง NGT48 Rie Kitahara ออกมาให้ความรู้กับตำรวจด้าน Cryptocurrency appeared first on Siam Blockchain.

Yahoo Finance ลิสต์ Bitcoin, Ethereum, Litecoin ขึ้นแพลตฟอร์ม ผู้ใช้สามารถซื้อขายได้แล้ว

Yahoo Finance ได้เพิ่มฟังก์ชันสำหรับการเทรด Bitcoin, Ethereum และ Litecoin เข้าไปในแพลตฟอร์มของพวกเขาแล้ว

ถึงแม้จะมีการแสดงข้อมูลราคาของ Bitcoin Cash, Ethereum Classic และ EOS ก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีฟังก์ชันสำหรับการซื้อหรือขายได้

การที่ Yahoo Finance เพิ่มฟังก์ชันดังกล่าวเข้ามานั้น ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของวงการคริปโต และการที่คริปโตจะถูกยอมรับโดยคนส่วนมาก

อ้างอิงจาก Coinmarketcap ในขณะที่รายงานอยู่นี้ ราคา Bitcoin ยังคงรักษาระดับไว้ได้ที่ 7,000 ดอลลาร์ เช่นเดียวกันกับ Litecoin ที่ยังคงตัวอยู่ในระดับ 60 ดอลลาร์ แต่ Ethereum ยังคงไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้าน 300 ดอลลาร์ไปได้

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ได้มีผู้คนที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโตออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก เช่น นาย Anthony Pompliano ผู้ก่อตั้ง Morgan Creek Digital

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Yahoo ได้ประกาศว่า พวกเขาจะเปิดเว็บเทรดคริปโตในเดือนเมษายน 2019 หรือช้ากว่านั้น และก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Yahoo Japan เข้าซื้อหุ้นของ BitARG Exchange Tokyo เป็นจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์

ที่มาภาพ HealthAware

The post Yahoo Finance ลิสต์ Bitcoin, Ethereum, Litecoin ขึ้นแพลตฟอร์ม ผู้ใช้สามารถซื้อขายได้แล้ว appeared first on Siam Blockchain.

“ผมไม่เชื่อว่า Tether หรือ USDT กำลังควบคุมคริปโตอยู่”กล่าวโดย ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา นาย Joseph Lubin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum กล่าวใน Yahoo Finance Final Round ว่าเขาไม่เชื่อในข้อกล่าวหาที่ว่า Tether หรือเหรียญ USDT กำลังควบคุมราคาคริปโตอยู่

Tether ถูกสร้างขึ้นในปี 2014 และเป็นแพลตฟอร์ม Blockchain แรกที่สร้างคริปโตที่มีเงิน Fiat ค้ำประกันอยู่

ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่มีการตีพิมพ์การวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัย University of Texas USDT ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามันอาจเป็นตัวการในการควบคุมราคา Bitcoin ในปี 2017 เมื่อตอนที่ราคาของมันพุ่งไปจุดสูงสุดเกือบ 20,000 ดอลลาร์ โดยวิจัยดังกล่าวเคลมว่า “การใช้ Tether ซื้อ Bitcoin ณ ตลาดขาลงในตอนนั้น สร้างผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำกลับมา”

ในขณะที่ผู้คนในวงการคริปโตหลายคนเชื่อว่า Tether กำลังโกหกเรื่องเงินดอลลาร์ที่พวกเขาเคลมว่ามีการค้ำประกัน แต่นาย Lubin ไม่เห็นด้วยในข้อกล่าวหานั้น เขากล่าวว่า:

“ถึงแม้ว่าผมจะไม่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่จากการวิเคราะห์ของเราซึ่งรวมไปถึงการพูดคุยสอบถามผู้คนในวงการคริปโตเราเชื่อว่า USDT มีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ค้ำประกันในอัตราส่วน 1: 1 อยู่จริง”

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า:

“สำหรับประเด็นของการควบคุมราคาตลาด ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเกี่ยวข้องกับ Tether โดยตรงเพียงเจ้าเดียวหรือไม่ เนื่องจากคลาดคริปโต เป็นตลาดที่ไม่มีกฎหมายอะไรมากำหนดมาอย่างยาวนาน ซึ่งนักลงทุนเจ้าใหญ่ ๆ ก็อาจทำการควบคุมราคาได้เช่นกัน”

อ้างอิงจาก Bloomberg รายงานในวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ดูเหมือนจะมีการยืนยันว่า Tether ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานว่ามีเงินดอลลาร์รองรับไหม ได้ถูกยืนยันแล้วว่ามีเงินดอลลาร์ค้ำอยู่จริง อย่างไรก็ตามมันเป็นเพียงการตรวจสอบจากบริษัทด้านกฎหมาย ไม่ใช่บริษัทด้านบัญชี มันเลยถูกพิจารณาว่าไม่ใช่การตรวจที่ถูกหลักการมากนัก

ที่มาภาพ Coingape

The post “ผมไม่เชื่อว่า Tether หรือ USDT กำลังควบคุมคริปโตอยู่”กล่าวโดย ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum appeared first on Siam Blockchain.

Square ผู้ให้บริการชำระเงินได้สิทธิบัตรสามารถชำระเงินด้วย Cryptocurrency เรียบร้อยแล้ว

Square หรือผู้ให้บริการด้านการชำระเงินรูปแบบดิจิทัลได้รับสิทธิบัตรด้านการชำระเงินด้วย Cryptocurrency เรียบร้อยแล้ว ทั้งในรูปแบบ Bitcoin และสกุลอื่น ๆ

Square ได้รับสิทธิบัตรสำหรับการชำระเงินด้วยคริปโตแล้ว

เอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21  สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่าสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐฯ (USPTO) อนุมัติสิทธิบัตรของแอปฯ Square ที่จะช่วยให้ร้านค้ายอมรับวิธีการชำรเงินในรูปแบบ Cryptocurrency ควบคู่กับการชำระเงินแบบทั่วไปหรือบัตรเครดิต

นอกจากนี้สิทธิบัตรนี้ยังสามารถให้ทางร้านค้าต่าง ๆ ก็สามารถเลือกได้ว่าจะรับสกุลเงินทั่วไปเช่นดอลลาร์หรือจะเลือกรับเป็น Cryptocurrency ก็ได้เช่นกัน

Square ไม่ใช่แอปฯ แรกที่อนุญาตให้พ่อค้ารับการชำระเงินด้วยคริปโต ที่ยังสามารถแปลงสกุลเงินตามท้องถิ่นนั้นได้เลยทันที เพราะก่อนหน้านี้ BitPay ได้เปิดให้บริการในรูปแบบนี้ตั้งแต่ปี 2011 แล้ว

Square เตรียมตัวพร้อมที่จะรับการชำระเงินด้วย Bitcoin หรือยัง?

ในเดือนพฤษภาคม CEO ของ Square นาย Jack Dorsey หรือ CEO ของ Twitter ด้วยนั้นก็กล่าวว่า:

“ในโลก Internet ควรมีสกุลเงินท้องถิ่นเช่นกัน ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็น Bitcoin ได้ไหม แต่ผมหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”  และเมื่อถามถึงการที่ Square เพิ่งได้รับสิทธิบัตรนาย Dorsey ก็กล่าวว่า:

“Square พร้อมที่จะบุกตลาดนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบ POS (Point of Sale) และเขาเชื่อว่ามันจะทำให้คนหลายล้านรู้จักและยอมรับในตัว Bitcoin มากขึ้น และทำให้มันใช้งานได้ง่ายขึ้นไม่ต้องเสียเวลาไปกับการแปลงค่าเป็นเงินทั่วไปด้วยตนเอง”

The post Square ผู้ให้บริการชำระเงินได้สิทธิบัตรสามารถชำระเงินด้วย Cryptocurrency เรียบร้อยแล้ว appeared first on Siam Blockchain.

นาย Charlie Lee กล่าวแนะนำว่า “ให้ซื้อ Bitcoin ช่วงตลาดหมี”

ปัจจุบัน ตลาดคริปโตกำลังอยู่ในช่วงตลาดหมี แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของเหรียญ Litecoin นาย Charlie Lee ก็ยังกล่าวว่า Bitcoin ยังเป็นอะไรที่น่าเข้าซื้ออยู่ในตอนนี้

จากการสัมภาษณ์ที่ CNBC นาย Lee กล่าวว่าในช่วงที่ราคา Bitcoin กำลังลดคือโอกาสในการลงทุนที่ดีเยี่ยม

นาย Lee หรืออดีตพนักงาน Google และเว็บเทรด Coinbase กล่าวเตือนว่า ยังคงมีผู้ที่ไปยืมเงินคนนั้นคนนี้เพื่อมาลงทุนใน Bitcoin และคิดว่ามันจะเหมือนในปลายปี 2017 จริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดาว่าราคามันจะขึ้นหรือไม่ เพราะบางครั้งตลาดหมีก็อาจมีระยะเวลานานหลายปี โดยเขากล่าวว่า:

“มันยากที่จะคาดเดา ผมอยู่ในวงการคริปโตนี้มา 7 ปีแล้ว บางครั้งตลาดหมีก็อยู่แค่ 6 เดือนบางครั้งก็ใช้เวลา 3 ถึง 4 ปีเลยทีเดียว”

นาย Lee กล่าวเพิ่มเติมว่า ราคา Cryptocurrency ส่วนใหญ่จะสะท้อนถึงความสนใจในการเก็งกำไรไม่ใช่การนำมาใช้งานที่แท้จริง โดยเขากล่าวว่า:

“ในตอนนี้มันนำมาใช้ในการเก็งกำไร แต่ในอนาคต ราคามันจะสะท้อนถึงความสำเร็จในสกุลเงินนั้น” เขากล่าวเพิ่มว่าปีนี้มีการนำไปใช้งานน้อยมากในขณะที่ราคาก็ลดลงอย่างสอดคล้องกัน

และเมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เขาขาย Litecoin ไปจนหมด เขาได้ตอบว่า:

“ผมขายเนื่องจากมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ดังนั้นผมจะไม่ซื้อ Litecoin ในเร็ว ๆ นี้หรือตลอดไป”

The post นาย Charlie Lee กล่าวแนะนำว่า “ให้ซื้อ Bitcoin ช่วงตลาดหมี” appeared first on Siam Blockchain.

นักวิจัยพบมัลแวร์ขุดคริปโตกว่า 787,000 ตัวในครึ่งปีแรกของ 2018

อ้างอิงจาก Midyear Security Roundup  นักวิจัยจาก Trend Micro พบว่าเขาพบเขามัลแวร์ขุดคริปโตกว่า 787,000 ตัวในครึ่งปีแรกของปี 2018 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกของ 2017 ที่มีเพียง 74,500 ตัว โดยมัลแวร์ที่พบเจอนั้นอยู่ในรูปแบบของโปรแกรม Cryptojacking

รายงานระบุว่า เขายังพบด้วยว่ามีมัลแวร์ขุดคริปโตกว่า 47 ชนิด ซึ่งแปลว่ามีมัลแวร์ขุดคริปโตถูกพัฒนาเป็นจำนวนมากในปีนี้ ไม่เหมือนกับปีที่ผ่าน ๆ มาซึ่งจะใช้แต่มัลแวร์ตัวเดิม ๆ

รายงานระบุว่า มัลแวร์ดังกล่าวจะเป็นปัญหาให้กับองค์กรต่าง ๆ :

“ในมุมมองขององค์กร การที่มีมัลแวร์ดังกล่าวเข้ามาในระบบจะไม่ได้กระทบเพียงบุคคล ๆ หนึ่งเท่านั้น แต่มันกระทบเครือข่ายโดยภาพรวม ความท้าทายใหม่ขององค์กรต่าง ๆ คือหาวิธีต่อกรกับมัลแวร์ดังกล่าว ซึ่งตรวจจับได้ยากขึ้น”

มัลแวร์ดังกล่าวจะทำการ Cryptojacking หรือการแอบใช้คอมพิวเตอร์ของคนอื่นในการขุดคริปโตให้กับเจ้าของมัลแวร์ ส่งผลให้ฮาร์ดแวร์ได้รับความเสียหาย ทำให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลง และยังทำให้คอมพิวเตอร์นั้นทำงานได้ช้าลง และส่งผลต่อการประมวลผลอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แฮ็กเกอร์บางคนยังคงเลือกที่จะแฮ็กเว็บเทรดคริปโตโดยตรง เพื่อขโมยเงินก้อนใหญ่ในครั้งเดียว เช่นการที่ Coincheck ถูกแฮ็กซึ่งเกิดความเสียหายกว่า 530 ล้านดอลลาร์

อ้างอิงจากรายงาน เทรนด์ดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป:

“น่าสนใจเป็นอย่างมาก ที่เทรนด์การแฮ็กดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นอยู่ ถึงแม้ว่ามูลค่าคริปโตจะร่วงลงอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรกก็ตาม”

ที่มาภาพ Netralnews

The post นักวิจัยพบมัลแวร์ขุดคริปโตกว่า 787,000 ตัวในครึ่งปีแรกของ 2018 appeared first on Siam Blockchain.

Wednesday, August 29, 2018

Bithumb เตรียมจับมือธนาคารในประเทศ เพื่อเปิดให้ผู้ใช้สร้างบัญชีเว็บเทรดได้อีกครั้ง

Bithumb เว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ กำลังจะเซ็นสัญญากับธนาคารในประเทศนาม Nonghyup ซึ่งการจับมือกันครั้งนี้จะทำให้บริษัทดังกล่าวเปิดรับสมัครผู้ใช้งานเพิ่มได้อีกครั้ง

อ้างอิงจากสำนักข่าว Yonhap รายงานในวันที่ 29 สิงหาคม 2018 Bithumb และ Nonghyup กำลังวางแผนที่จะเซ็นสัญญาดังกล่าวในวันที่ 30 สิงหาคม 2018 เพื่อที่เว็บเทรดจะเปิดบัญชีเสมือน (Virtual Accounts) ที่ใช้ชื่อจริงของนักเทรดคริปโตได้

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา Bithumb ประกาศระงับไม่ให้มีการสมัครเปิดบัญชีใหม่ โดยให้เหตุผลว่า “กำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนา” และก็มีรายงานระบุว่า การระงับดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจาก เว็บ Bithumb ถูกแฮ็กไปเป็นจำนวน 31 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ปัจจุบัน ธนาคารต่าง ๆ ในประเทศเกาหลีใต้สามารถเปิดบัญชีให้เว็บเทรดคริปโต อย่างไรก็ตาม บัญชีเสมือนนี้จะเชื่อมกับผ้ใช้งานที่มีบัญชีในเว็บเทรดเท่านั้น ซึ่งบัญชีต้องได้รับการยืนยันตัวตน เพื่อที่ธนาคารต่าง ๆ จะสามารถตรวจสอบกระแสเงินภายในบัญชี สำหรับกระบวนการต่อต้านการฟอกเงิน

ภายใต้กฎหมายของประเทศ บัญชีของผู้ใช้ต้องแยกจากบัญชีของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น ต้องมีไว้เพื่อเก็บ้เงินของผู้ใช้เท่านั้น

หลังจากการแฮ็กเมื่อเดือนกรกฎาคมเกิดขึ้น ปริมาณการเทรดของ Bithumb ภายใน 24 ชั่วโมงลดลงเป็นอย่างมาก โดยร่วงลงไป 71.7 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม แต่ในขณะนี้ก็เริ่มฟื้นตัวมาอยู่ที่ 344 ล้านดอลลาร์

The post Bithumb เตรียมจับมือธนาคารในประเทศ เพื่อเปิดให้ผู้ใช้สร้างบัญชีเว็บเทรดได้อีกครั้ง appeared first on Siam Blockchain.

NetCents ผู้ให้บริการ Crypto Debit Card ได้เพิ่มสกุลเงิน BCH เข้าไปในบัตรเป็นรายแรกของโลก

บริษัทด้านการชำระเงินของแคนาดานาม NetCents Technology เพิ่งได้ประกาศว่าจะเปิดให้บริการบัตรเครดิตรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งจะมีร้านค้ากว่า 40 ร้านทั่วโลกรองรับ โดยบัตร NetCents จะสนับสนุนสกุลเงิน BCH ด้วย

NetCents จะเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่จะสนับสนุนการชำระเงินด้วยสกุลเงิน BCH กับเว็บเทรดคริปโตซึ่งจะสามารถนำไปใช้กับร้านค้าที่สนับสนุนบัตรของ NetCents อีกด้วย

NetCents จะสามารถแปลงเงินคริปโตเป็นสกุลเงิน Fiat ได้ทันที นั่นหมายความว่าผู้ที่ถือบัตรจะได้รับประโยชน์จากการซื้อขายแบบ Real Time โดยไม่จำเป็นต้องโหลดอะไรมาทั้งสิ้นก่อนที่จะใช้บัตรของ NetCents โดยบัตรนี้จะเชื่อมต่อกับ Wallet ของผู้ใช้งานเพื่อให้ผู้ใช้งานใช้งานได้อย่างราบรื่น

อุตสาหกรรมในคริปโตไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ถึงแม้ว่าราคาคริปโตจะผันผวนเป็นอย่างมากก็ตาม

ปัจจุบันหลาย ๆ บริษัทก็เริ่มเข้ามาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการชำระเงินด้วยคริปโต ซึ่งนี่เป็นเสมือนการมองหาลู่ทางในการลงทุนใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Intercontinental Exchange (ICE) ซึ่งเป็นเจ้าของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ได้ประกาศว่าทางบริษัทได้เปิดตัวแพลตฟอร์มที่มีการควบคุมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลนาม Bakkt ซึ่งจะช่วยการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลในแต่ละวัน ล่าสุด Bakkt ก็ได้จับมือกับทาง Microsoft และ Starbucks ในการแปลงสกุลเงินดิจทัลเช่น Bitcoin เป็นสกุลเงิน Fiat และนำไปใช้จ่ายที่ร้าน Starbucks ได้

ที่มา: CoinGeek

The post NetCents ผู้ให้บริการ Crypto Debit Card ได้เพิ่มสกุลเงิน BCH เข้าไปในบัตรเป็นรายแรกของโลก appeared first on Siam Blockchain.

เว็บเทรดคริปโตในอินเดียหาวิธีรับฝากและถอนด้วยสกุลเงินรูปีอีกครั้ง หลังถูกธนาคารกลางแบน

เว็บเทรดคริปโตในอินเดียสามารถหาวิธีการใหม่ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถฝากและถอนสกุลเงินรูปี แม้ว่าธนาคารกลางของอินเดียจะแบนก็ตาม โดยเว็บเทรดรับประกันด้วยว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการภายใน 30 นาทีและยังจะได้รับเครดิตฟรีเป็นเหรียญ XRP 10 XRP ด้วย

หนทางใหม่หลังจากโดนทางธนาคารกลางแบน

ธนาคารกลางของอินเดีย (RBI) ได้ออกกฏห้ามสถาบันทางการเงินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนนั้นให้บริการแก่เว็บเทรดคริปโต โดยการแบนนี้มีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ธนาคารเองเริ่มมีการปิดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับเว็บเทรดคริปโต และหลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้ที่คิดค้นวิธีในการฝากและถอนเงินรูปี เช่น เปิดเว็บเทรดแบบ Peer 2 Peer (P2P) หรือบริการเทรดแบบ Crypto เป็น Crypto นั่นเอง

เว็บเทรดคริปโตแห่งหนึ่งในอินเดียได้เคลมว่าตนนั้นสามารถหาทางรับฝากและถอนเงินด้วยสกุลเงินรูปีได้ โดยเว็บเทรดที่ว่านี้มีนามว่า Giottus โดยเขามีบริการเทรดแบบ Peer 2 Peer และยังเปิดสนับสนุนการฝากและถอนเงิน Fiat อีก แม้ทาง RBI จะทำการแบนก็ตาม โดยแพลตฟอร์มนี้มีคู่เทรดดังนี้ BTC, ETH, BCH, XRP และ LTC

บนเว็บไซต์ของ Giottus ระบุว่า:

“ฝากเงินรูปีของคุณภายใน 30 นาที หลังจากนั้นคุณจะได้รับอีก 10 XRP ในบัญชีของคุณ”

โดยผู้ก่อตั้งและCOO ของทางเว็บ Giottus นาย Arjun Vijay อธิบายกับเว็บ Ambcrypto ว่าวิธีการฝากเงินรูปนี้จะมีวิธีการอย่างไรโดยเขากล่าวว่า:

“เราจะทำการระบุนักเทรดแบบเฉพาะเจาะจงซึ่งมันจะช่วยให้ทำการฝากและถอนเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยจะทำการผ่านวิธีการ P2P ซึ่งนักเทรดก็จะสามารถใช้งานได้อย่างปกติ”

The post เว็บเทรดคริปโตในอินเดียหาวิธีรับฝากและถอนด้วยสกุลเงินรูปีอีกครั้ง หลังถูกธนาคารกลางแบน appeared first on Siam Blockchain.

รัสเซียอาจยกเลิกการแบน Telegram หากยอมให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลบนแอป

ผู้ตรวจการด้านโทรคมนาคมของรัสเซียกล่าวว่าจะพิจารณายกเลิกการแบนแอปฯ แชทที่มีความเป็นส่วนตัวสูงนาม Telegram หากทางบริษัทแชร์ Key ในการเข้าถึงข้อมูลให้กับฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาล

อ้างอิงจากสำนักข่าว RT รายงานว่า Roscomnadzor (RKN) อาจยกเลิกการแบนแอปฯ Telegram ในประเทศถ้าทาง Telegram แชร์ Keys ที่จะทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลให้กับทางบริการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (FSB) โดยพวกเขาอ้างว่าต้องการที่จะเข้าไปตรวจสอบข้อความที่อาจก่อให้เกิดการก่อการร้ายได้

โดยการแบน Telegram นั้นเกิดขึ้นหลังจากทาง Telegram เสร็จสิ้นการระดมทุน ICO เป็นมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการระดมทุนแบบ Private Sales ถึงสองครั้ง ในตอนนั้นทาง Telegram เองเล็งเห็นถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นสำคัญ จึงได้ปฎิเสธที่จะมอบอำนาจ ซึ่งส่งผลให้เกิดการแบนเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามทาง Telegram ก็ไม่ได้ออกมาตอบสนองต่อคำตัดสินของศาลแต่อย่างใด

ต่อมาผู้ก่อตั้ง Telegram นาย Pavel Durov ได้ริเริ่มโครงการ “Digital Resistance” ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือแก่บุคคลทั่วไปและองค์กรที่จะใช้แอปฯ Telegram ในการสื่อสารแต่โดนทางรัฐบาลแบน โดยจะเป็นการเข้าใช้งานผ่าน Proxy และ VPN นั่นเอง

The post รัสเซียอาจยกเลิกการแบน Telegram หากยอมให้รัฐบาลเข้าถึงข้อมูลบนแอป appeared first on Siam Blockchain.

สายการบินรัสเซียทดสอบใช้ Blockchain ในการติดตามการชำระเงินในการเติมน้ำมัน

S7 หรือผู้ประกอบการสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซียได้ทดสอบ Blockchain ในการติดตามข้อมูลและเอกสารที่จะเชื่อมต่อกับกระบวนการในการเติมน้ำมันเครื่องบิน

อ้างอิงจาก PR ของสายการบินที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาระบุว่า การทดสอบในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับ Supplier ที่จำหน่ายเชื้อเพลงนาม Gazpromneft-Aero และร่วมมือกับธนาคารที่ชื่อว่า Alfa-Bank ซึ่งเป็นธนาคารเอกชนรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียในเที่ยวบินภายในประเทศซึ่งอยู่นอกสนามบินนานาชาติ Tolmachevo

อ้างอิงจากสายการบิน S7 ระบุว่าจะมีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการเติมเชื้อเพลิง (น้ำมัน) บน Ledger โดยจะทำสำเนาไว้สามฉบับเพื่อให้แต่ละฝ่ายสามารถเข้ามาบริหารจัดการได้ นอกจากนี้ข้อมูลการชำระเงินในการเติมเชื้อเพลิงจะไปรันข้อมูลอยู่บนเครือข่ายในรูปแบบใบแจ้งหนี้ดิจิทัล ด้วย Smart Contract ในแต่ละธุรกรรม

เป้าหมายของการทดสอบในการใช้ Blockchain ก็คือเพื่อเร่งความเร็วของการทำธุรกรรม “โดยไม่ต้องชำระเงินล่วงหน้าและการค้ำประกันของธนาคาร” โดยทางสายการบินกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยเทคโนโลยีนี้จะมา “กำจัดการทำงานด้วยตนเอง (Manual) โดยใช้เวลาเพียง 60 วินาทีเท่านั้น”

การทดสอบนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามล่าสุดของสายการบิน S7 ในการใช้ Blockchain ในธุรกิจสายการบิน

ก่อนหน้านี้สายการบิน S7 ใช้เทคโนโลยี Blockchain ของ Ethereum ช่วยในการขายตั๋วเครื่องบินอีกด้วย

The post สายการบินรัสเซียทดสอบใช้ Blockchain ในการติดตามการชำระเงินในการเติมน้ำมัน appeared first on Siam Blockchain.