Tuesday, October 31, 2017

ราคา Bitcoin ทะลุจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ตลาดไทยทะลุ 2 แสนบาท

ราคาของเหรียญคริปโตเคอเรนซี Bitcoin ที่มีเทรนด์เป็นขาขึ้นมาตั้งแต่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหลังจากทะลุจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ก่อนที่จะย่อตัวลงไปปรับฐานที่ 6,100 ดอลลาร์ ทว่าดูเหมือนหลังจากนั้นราคาจะยังคงตัวอยู่ได้เหนือระดับ 6,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะวิ่งขึ้นมาทะลุจุดเก่าอีกครั้ง

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 6,404 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap และดูเหมือนจะมีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งมูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin ตัวเดียวนั้นมีอยู่ถึง 106.6 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 58.4% ของเหรียญทั้งหมดในตลาด ที่สำคัญคือตัวเลขดังกล่าวนี้ได้ผลักดันให้มูลค่าตลาดรวมของเหรียญคริปโตทั้งหมดไปอยู่ที่ 182.4 พันล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการพุ่งขึ้นของราคาดังกล่าวน่าจะมาจากการเปิดตัวแพลทฟอร์มซื้อขาย Bitcoin แบบฟิวเจอร์นามของ CME Group ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปในวันนี้

ในขณะเดียวกันบางคนก็เชื่อว่าน่าจะมาจากข่าวลือที่ทางรัฐบาลจีนมีแนวโน้มอาจจะกลับมาอนุญาตให้เว็บกระดานซื้อขายในประเทศกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง แม้ว่าในปัจจุบันเว็บเทรดใหญ่ๆอย่าง OKEx และ Huobi-Pro จะมีฐานที่มั่นบริษัทตั้งอยู่ในฮ่องกง แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เชื่อว่าพวกเขาเหล่านี้น่าจะให้บริการลูกค้าในประเทศจีน ด้วยสกุลเงินหยวนด้วย

ตลาดไทยทะลุ 2 แสนบาท

มันเป็นเรื่องที่อาจกล่าวว่าหาดูได้ยากมากๆ เมื่อราคา Bitcoin ในตลาดไทยได้ขึ้นไปอยู่ในระดับราคาที่สองแสนบาทแบบไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน

โดยอ้างอิงจากเว็บกระดานซื้อขายแห่งแรกของไทย Bx นั้น ราคาของ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 204,500 บาท และมีโวลลุ่มการซื้อขายที่ 482.41 BTC และมีราคาอยู่ที่ 204,100 บาทในขณะนี้

ในขณะเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่ฝีมือคนไทยอย่าง TDAX ก็มีอัตราการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin เช่นกัน โดยแตะจุดสูงสุดที่ 203,017 บาท และมีโวลลุ่มการซื้อขาย 24 ชั่วโมงอยู่ที 8.79 BTC และมีราคาล่าสุดที่น้อยกว่าของ Bx โดยอยู่ที่ 195,002.90 บาท

The post ราคา Bitcoin ทะลุจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ตลาดไทยทะลุ 2 แสนบาท appeared first on Siam Blockchain.

มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเวียดนามวางแผนรับ Bitcoin แม้ว่าธนาคารกลางจะประกาศสั่งแบนห้ามใช้

มหาวิทยาลัย FPT ซึ่งเป็นหมาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในประเทศเวียดนามกำลังวางแผนให้มีการจ่ายค่าศึกษาเล่าเรียนเป็น Bitcoin ท่ามกลางการประกาศแบนห้ามใช้ Bitcoin ของธนาคารแห่งประเทศเวียดนาม

มหาวิทยาลัย FPT มีสาขาตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมิน, กรุงฮานอยและดานัง ซึ่งถือเป็นเมืองใหญ่ๆสามเมืองในประเทศเวียดนาม โดยพวกเขาวางแผนที่จะเริ่มรับ Bitcoin เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับจ่ายค่าเล่าเรียน โดยอ้างอิงจากเฟสบุคของดอกเตอร์ Le Truong หรือประธานของมหาวิทยาลัย FTP เขาเชื่อว่านักศึกษาต่างประเทศจะได้รับประโยชน์จากการใช้ Bitcoin โดยเฉพาะผู้ที่มาจากประเทศที่มีกฎหมายด้านการเงินที่เข้มงวด

ดอกเตอร์ Tung กล่าวว่า

“ดังนั้นทาง FPT ได้ตัดสินใจที่จะทดสอบอย่างเป็นทางการและเป็นรูปธรรม เราขอประกาศว่าการเข้าสมัครมหาวิทยาลัยในเวียดนามนั้นสามารถใช้ Bitcoin จ่ายแทนเงินสดได้แล้ว ซึ่งเราคาดว่าการทำแบบนี้จะช่วยดึงดูดนักศึกษาให้เข้ามาอีก”

ทางมหาวิทยาลัยกำลังหค้นคว้าวิจัยด้าน cryptocurrency โดยศึกษาจาก Bitcoin เพื่อนำไปปรับใช้ในด้านการเงิน, การบริหารธุรกิจ และการธนาคาร ซึ่งความพยายามดังกล่าวนี้ทำให้มหาวิทยาลัย FPT เป็นมหาวิทยาลัยแรกของประเทศเวียดนามที่เริ่มรับ Bitcoin นาย Tung กล่าวว่าเขาคาดหวังว่า Bitcoin จะช่วยเพิ่มจำนวนของนักศึกษาใหม่ได้ และจะหาวิธีทางจัดการในด้านข้อกฎหมาย เนื่องจากว่าทางธนาคารกลางเวียดนามเพิ่งจะออกมาประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่าจะแบน Bitcoin

ในการจะทำเช่นนั้นได้ นักเรียนต่างประเทศที่เข้ามาจะต้องทำการแลก Bitcoin เป็นเงินตงเสียก่อน ก่อนที่จะนำไปจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนได้ หรือในอีกวิธีหนึ่งคือนักศึกษาสามารถที่จะ ‘บริจาค’ Bitcoin ของพวกเขาลงไปใน address ที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ซึ่งเหรียญที่ถูกบริจาคมาจะนำไปเปลี่ยนเป็นเงินตงอีกที และจะนำไปใช้ชำระค่าเล่าเรียนในภายหลัง

ดอกเตอร์ Tung กล่าวเพิ่มว่า

“หลักๆแล้ว FPT จะสามารถเปิดบัญชี Bitcoin ให้กับนักศึกษาเพื่อโอน Bitcoin เข้ามาให้มหาวิทยาลัยได้แบบผ่านอินเทอร์เนต หลังจากนั้น เมื่อมีกฎหมายที่แน่ชัดถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งนักศึกษาต่างประเทศและในเวียดนามจะสามารถจ่ายโดยใช้ Bitcoin ได้”

เมื่อวานซืนที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศเวียดนามได้ออกมาประกาศว่า Bitcoin และสกุลเงินเสมือนจริงๆอื่นๆนั้นไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ชำระเงินได้ตามกฎหมาย ก่อนที่จะกล่าวห้ามใช้ Bitcoin อย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้ที่ฝ่าฝืนนั้นจะต้องถูกปรับเป็นเงินจำนวน 150 ล้าน -200 ล้านตง หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 220,000-290,000 บาท

The post มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเวียดนามวางแผนรับ Bitcoin แม้ว่าธนาคารกลางจะประกาศสั่งแบนห้ามใช้ appeared first on Siam Blockchain.

ก.ล.ต. แห่งประเทศไทยเปิดรับฟังความเห็นด้านแนวทางกฎเกณฑ์ ICO แล้ว เตรียมผลักดันใช้ปีหน้า

หลังจากตัวเลขมูลค่าตลาดรวมของตลาดการระดมทุน Initial Coin Offerings (ICO) ก้าวข้ามผ่านระดับ 3,000 ล้านดอลลาร์ไปแล้วหลายๆฝ่ายมองว่านี่คือกระแสการระดมทุนแบบใหม่ที่อาจจะมา disrupt โมเดลการระดมทุนในปัจจุบัน แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลประเทศจีนกับเกาหลีใต้จะออกมาลงดาบแบนการซื้อขายเหรียญ ICO มาแล้ว เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทว่าก็ยังมีอีกหนึ่งประเทศซึ่งก็คือประเทศไทยของเราที่ทางหน่วยงานกำกับดูแล (regulators) ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ ICO และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นในประเทศเพื่อนำไปออกกฎเกณฑ์และแนวทางในการกำกับการระดมทุนแบบดังกล่าวแล้ว

สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ทางสยามบล็อกเชนรายงานว่าทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) กำลังเตรียมการร่างและเสนอกฎเกณฑ์เพื่อมากำกับ ICO ที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ (ICO ที่นักลงทุนซื้อแล้วมีส่วนร่วมในทิศทาง,หุ้นและกำไรของบริษัท) ที่จะมีการผลักดันใช้ในช่วงไตรมาสที่สองของปีหน้า แต่จะต้องมีการเปิดรับฟังความเห็นจากสาธารณะก่อน

โดยอ้างอิงจากหน้าข่าวสารของเว็บไซต์ก.ล.ต. ทางสำนักงานได้เปิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจใน ICO สามารถอ่านแนวทางของกฎเกณฑ์ดังกล่าว รวมถึงแสดงความเห็นได้ผ่านแบบฟอร์มที่ทางสำนักงานเสนอไว้ให้ โดยสามารถส่งได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไปจนถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560

ICO สำหรับ “ส่วนแบ่งร่วมลงทุน”

ในเอกสารของทาง ก.ล.ต. ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายในการออกกฎเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นมาคือเพื่อทำให้เกิดความชัดเจนในแนวทางกำกับดูแล ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและมาตรฐานในการระดมทุนผ่าน ICO โดยในเบื้องต้น ก.ล.ต. จะเปิด track สำหรับ ICO ที่เป็น “ส่วนแบ่งร่วมลงทุน” ซึ่งเป็นนิยามทั่วไปของหลักทรัพย์ประเภทใหม่ซึ่งเป็นตราสารการลงทุนที่มีเงื่อนไขเป็นมาตรฐาน (highly standardized terms and conditions)

“ส่วนแบ่งร่วมลงทุน” หมายถึง สิทธิซึ่งมีข้อตกลงและเงื่อนไขที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน ในการได้รับส่วนแบ่งในผลประโยชน์ซึ่งเกิดจากการร่วมลงทุน ในการดำเนินการใดหรือทรัพย์สินใดโดยไม่มีส่วนในการบริหารจัดการการดำเนินการ (day-to-day operation) แต่ไม่รวมถึงหลักทรัพย์ที่มีการประกาศกำหนดไว้แล้ว ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

จำกัดวงเงินลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยที่สามแสนบาทต่อโครงการ

สำหรับส่วนแบ่งร่วมลงทุนที่ออกและเสนอขายด้วยกระบวนการ ICO นั้น นักลงทุนรายย่อยทั่วๆไปที่ต้องการจะซื้อ ICO ในลักษณะดังกล่าวจะถูกจำกัดวงเงินลงทุนไว้ที่รายละ 300,000 บาทต่อโครงการ รายงานกล่าวว่าทาง ก.ล.ต. มองเห็นบทบาทสำคัญของกลุ่มนักลงทุนดังกล่าว และต้องการปกป้องนักลงทุนรายย่อยในกรณีที่เกิดการขาดทุน โดยรายงานกล่าวว่า

“ผู้ลงทุนรายย่อยควรมีช่องทางลงทุนใน ICO เนื่องจากผู้ลงทุนรายย่อยมีบทบาทสำคัญ ในการให้ข้อเสนอแนะและช่วยพัฒนาแผนธุรกิจใน white paper ซึ่งจะช่วยให้โครงการที่ผู้ระดมทุนเสนอมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่างไรก็ดี เพื่อจำกัดความเสียหาย ต่อผู้ลงทุนรายย่อย สำนักงานเห็นควรจำกัดวงเงินในการลงทุนของผู้ลงทุนรายย่อยแต่ละราย ไว้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อการลงทุนใน ICO แต่ละโครงการ”

คุณอาจารีย์ ศุภพิโรจน์ หรือผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมเทคโนโลยีการเงินของ ก.ล.ต. ได้ให้สัมภาษณ์กับสยามบล็อกเชนว่าการจำกัดเงินลงทุนสำหรับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุน retail investor ที่ 300,000 บาทต่อโครงการจะมีผลเฉพาะกับ ICO ที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ข้างต้น

โดยเธอกล่าวว่า

“ขอบเขตการกำกับดูแลของสำนักงานจะครอบคลุมเฉพาะ ICO ที่เป็นหลักทรัพย์ ซึ่งในเบื้องต้นสำนักงานจะเปิด TRACK เฉพาะ “ส่วนแบ่งร่วมลงทุน” ก่อน และในกรณีเป็น RETAIL INVESTOR นักลงทุนแต่ละรายจะลงทุนได้ไม่เกิน INVESTMENT LIMIT ที่ 300,000 บาทต่อการลงทุนใน ICO แต่ละโครงการ”

แต่งตั้ง ICO Portal เป็นผู้ช่วยคัดกรอง ICO

นอกจากนี้ทาง ก.ล.ต. ยังมีแผนการคัดเลือกบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในด้าน ICO มาเป็น “ผู้คัดกรอง” หรือ ICO portal ที่สำนักงานให้การยอมรับ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน เช่น แยก ICO เพื่อการระดมทุนอย่างแท้จริงออกจากกรณีที่ผู้ไม่สุจริตพยายามใช้ช่องทางดังกล่าวหาประโยชน์จากประชาชน

โดยอ้างอิงจากรายงานของ ก.ล.ต. นั้น บริษัทที่ทำหน้าที่เป็น portal จะช่วยคัดกรอง ICO ที่เข้าข่ายไม่สุจริต, พิจารณาความเป็นไปได้ของแผนธุรกิจ, ตรวจสอบ source code ของ smart contract, มีระบบยืนยันตัวตนผู้ลงทุน (KYC), ดูแลไม่ให้ผู้ลงทุนรายย่อยลงทุนเกินวงเกินที่กำหนด, เพิ่มความโปร่งใสของการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน และประสานงานร่วมมือกับทาง ก.ล.ต. โดยอาจทำหน้าที่คล้ายๆกับวาณิชธนกิจและนายทะเบียนหลักทรัพย์

ที่น่าสนใจคือ บริษัทที่จะได้รับเลือกมาเป็น ICO portal นั้นจะต้องมีการจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยด้วยเงินทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 5 ล้านบาท

คุณอาจารีย์ให้ข้อมูลว่า ICO จากต่างประเทศก็อาจให้ ICO portal ในไทยช่วยคัดกรองเพื่อความโปร่งใสได้เช่นกัน ทว่าที่น่าสนใจคือ ปัจจุบันมีหนึ่งบริษัทเอกชนที่เสนอตัวเองเข้ามาเป็น ICO Portal ให้กับทาง ก.ล.ต. แล้ว ซึ่งก็คือ ICOra โดยต้องพิจารณาในรายละเอียดว่าบริษัทดังกล่าวจะสามารถตอบโจทย์ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่วางไว้ได้หรือไม่ และในอนาคตสามารถมี ICO portal มากกว่าหนึ่งรายได้

การเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ในปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพมากมายที่เริ่มหันมาเปิดระดมทุน ICO เจาะกลุ่มนักลงทุนในไทย ซึ่งหลักๆแล้วก่อนหน้านี้มีทั้ง GoldMintTripAlly และ Clout

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแนวทางกำกับดูแล ICO ในไทยกับ ก.ล.ต. สามารถแสดงความเห็นผ่านแบบฟอร์มที่เว็บหลักได้

The post ก.ล.ต. แห่งประเทศไทยเปิดรับฟังความเห็นด้านแนวทางกฎเกณฑ์ ICO แล้ว เตรียมผลักดันใช้ปีหน้า appeared first on Siam Blockchain.

รัฐบาลอิหร่านเตรียมสร้างระบบเพื่อนำ Bitcoin มาใช้ในประเทศ

รัฐบาลแห่งประเทศอิหร่านได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเศรษฐกิจของ Bitcoin และกำลังเตรียมการวางระบบเพื่อเตรียมนำเอา Bitcoin มาใช้ในประเทศอย่างเป็นทางการ อ้างอิงจากกระทรวงสาระสนเทศแห่งประเทศอิหร่าน “การจัดการกำลังถูกดำเนินการอยู๋” เพื่อจัดการระบบ infrastucture ของสกุลเงินดิจิตอล “โดยเร็วที่สุด”

รัฐบาลอิหร่านเตรียมระบบโครงข่ายเพื่อการใช้งาน Bitcoin

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งอิหร่าน Amir Hossein Davaee ได้กล่าวในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Shargh เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

“กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศได้เริ่มทำการวิจัยเกี่ยวกับการเตรียมพร้อมวางระบบเครือข่ายการใช้งาน Bitcoin ในประเทศแล้ว”

เขากล่าวว่า cryptocurrency มีอยู่สองมุมมอง ซึ่งก็คือด้านเศรษฐกิจและด้านระบบเครือข่าย และยังกล่าวเสริมว่าการนำมันมาใช้ในประเทศอิหร่านนั้นจะส่งผลให้ประเทศอิหร่านได้ประโยชน์ตรงนี้ไป “พวกเรากำลังจัดการในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศอิหร่าน และได้ทำการเตรียมระบบสกำหรับสกุลเงินใหม่นี้อย่างจริงจัง” พร้อมกับเสริมว่า

“การจัดการกำลังมีขึ้นพร้อมๆกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโครงข่ายนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

แม้ว่าธนาคารกลางใรประเทศอิหร่านจะมองว่าการทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin นั้น “ไม่มีกฎหมายมารองรับ” ซึ่งทำให้ธุรกิจทั่วๆไปในประเทศไม่หันมาปรับตัวใช้สกุลเงินดิจิตอลดังกล่าว จนถึงในขณะนี้ประเทศอิหร่านก็ยังไม่ได้ออกกฎหมายในด้าน cryptocurrency มาอย่างชัดเจน หรือแม้แต่แบนการใช้งาน Bitcoin ทว่าในขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าองค์กร National Center of Cyberspace ของประเทศอิหร่านได้เริ่มร่างกฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลแล้ว เมื่อช่วงมิถุนายนที่ผ่านมา

ปัจจุบันประชาชนในประเทศอิหร่านทำการซื้อขาย Bitcoin ผ่านเว็บ Localbitcoins และรวมถึงเว็บ Coinava สัญชาติออสเตรเลียที่เป็น P2P เช่นกันด้วย ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่ม Bitcoin บนเฟสบุคในประเทศอิหร่านได้มีสมาชิกแล้วกว่า 29,000 คนในปัจจุบัน

Bitcoin ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอิหร่านอย่างไร

ในขณะที่บริษัทหลายๆบริษัทในประเทศอิหร่านได้เริ่มหันมาใช้ Bitcoin กันเยอะแล้ว พวกเขากลัวกฎหมายด้านภาษีที่เกี่ยวข้องกับมัน รายงานจากสำนักข่าว YJC

สำนักข่าวดังกล่าวได้สัมภาษณ์นาย Morteza Imani-Rad นักเศรษฐศาสตร์มืออาชีพเกี่ยวกับผลกระทบของ Bitcoin ต่อเศรษฐกิจของประเทศ เขากล่าวว่า

“สกุลเงินดังกล่าวนั้นไม่มีกฎหมายมารองรับในประเทศอิหร่าน และการทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin นั้นถือว่าไม่ถูกกฎหมาย และจะไม่ถูกมองว่าเป็นธุรกรรม ดังนั้นทางเราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะมีผลกระทบอะไรกับเศรษฐกิจของประเทศมากนัก”

เขายังเชื่อว่ามูลค่าตลาดรวมของ Bitcoin นั้นยังเล็กเกินไปที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการซื้อขายสัญญาน้ำมันระหว่างประเทศได้

นอกจากนี้รายงานข่าวดังกล่าวยังได้ถามถึงการที่เว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Bitcoin หลายๆเว็บถูกรัฐบาลในประเทศบล็อกไว้ไม่ให้เข้าถึงได้ เขากล่าวว่า “Bitcoin นั้นจะไม่สามารถถูกติดตั้งได้อย่างง่ายดายในประเทศอิหร่าน และจะไม่สามารถมามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอิหร่านได้”

The post รัฐบาลอิหร่านเตรียมสร้างระบบเพื่อนำ Bitcoin มาใช้ในประเทศ appeared first on Siam Blockchain.

จีนกำลังวางแผนอนุญาตให้เว็บเทรด Bitcoin ในประเทศกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งจริงหรือ

CNLedger หรือผู้สื่อข่าวอิสระด้านคริปโตในประเทศจีนได้เผยให้เห็นว่า OKEx กำลังเตรียมตัวที่จะเปิดตัวแพลทฟอร์มซื้อขาย Bitcoin แบบ peer-to-peer (P2P) over-the-counter (OTC)

“OKEx (และดูเหมือนว่า Huobi-Pro) กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวระบบซื้อขาย Bitcoin ที่รองรับสกุลเงินหลักหลายๆสกุล” รายงานโดย CNLedger “เราเชื่อว่าพวกเขาจะรองรับสกุลเงินอย่างเช่นหยวน และอื่นๆอย่างเช่นดอลลาร์ และเยน พวกเขาจดทะเบียนนอกประเทศจีน และไม่ได้ขึ้นตรงกับ OKCoin การให้บริการของพวกเขาอาจจะไม่ได้สะดวกเหมือนกับเว็บกระดานแลกเปลี่ยนและมีความปลอดภัยน้อยกว่า (มีพวกฉ้อโกงเยอะ) แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย”

OKEx และ Huobi-Pro มีฐานอยู่ที่ฮ่องกงใช่หรือไม่

เว็บ OKEx มีบริษัทฐานหลักตั้งอยู่ที่แถวๆ Causeway ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง รวมถึงบริษัทอื่นๆอย่างเช่น BTCC และ Huobi-Pro ที่ก่อนหน้านี้เคยให้บริการด้านระบบการซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin และ Cryptocurrency ในประเทศจีน แต่ก็ตามที่ CNLedger ได้รายงานไว้ ว่าบริษัทเหล่านี้กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวตลาด P2P OTC ในฮ่องกง ซึ่งจะมีการอนุญาตให้นักลงทุนซื้อขายสกุลเงินหยวนสำหรับ Bitcoin และรวมถึง cryptocurrency อื่นๆด้วย

หากไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีน มันคงเป็นเรื่องยากที่จะให้บริการกับลูกค้า, นักลงทุน และนักเก็งกำไรในประเทศจีน ดังนั้นถ้าหากว่า OKEx และ Huobi-Pro เปิดตัวตลาด OTC ที่มีบริการแลกเปลี่ยน BTC/CNY ออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นั่นแปลว่าพวกเขาจะต้องสามารถขออนุญาตจากธนาคารกลางแห่งประเทศจีน (PBoC) ได้แล้วอย่างแน่นอน

ในขณะนี้ชาวจีนส่วนใหญ่ทำธุรกรรม Bitcoin ผ่านตลาด OTC ที่ไม่มีกฎหมายมารองรับอย่าง LocalBitcoins ถ้าหากลองมาดูดีๆแล้ว รัฐบาลจีนน่าจะได้ประโยชน์จากบริษัทในฮ่องกงอย่าง OKEx มากกว่าหากทำให้ถูกกฎหมาย

เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ สำนักข่าวสังกัดรัฐบาลหลายๆสำนักรวมถึง Xinhua เผยให้เห็นว่ารัฐบาลจีนกำลังเป็นห่วงว่า Bitcoin และ cryptocurrency กำลังเป็นที่แพร่หลายในตลาดมืด ทาง Xinhua ได้ชี้ให้เห็นอย่างเฉพาะเจาะจงว่าทางรัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายในด้าน “การเก็บข้อมูล, การออกใบอนุญาต และขั้นตอนการป้องกันการฟอกเงิน (AML)” ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการออกกฎหมายมากำกับตลาด cryptocurrency

“สำนักข่าว Xinhua หรือสื่อหลักของรัฐบาลรายงานว่า สกุลเงินเสมือนจริงได้กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆของธุรกิจใต้ดิน เราจะดำเนินนโยบายไม่ปราณีต่ออาชญากรที่กระทำการเหล่านี้ และจะดำเนินการด้วยการเก็บข้อมูล, ออกใบอนุญาต, ทำขั้นตอน AML, เก็บชื่อจริง, จำกัดธุรกรรมขนาดใหญ่” รายงานโดย CNLedger

อย่างที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ออกกฎหมายมาควบคุมตลาดดังกล่าวในเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บางทีรัฐบาลจีนอาจจะออกกฎหมายและบังคับใช้ในมันเพื่อกำกับเว็บเทรด cryptocurrency และรวมถึงการซื้อขายด้วย

การเลือกตั้งนายสี จิ้นผิงเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งจะทำให้การซื้อขายคริปโตกลับมามีสีสันอีกหรือไม่

การเลือกตั้งครั้งที่สองของนายสี จิ้นผิงที่หลายๆคนคาดไว้ว่าอาจจะทำให้การซื้อขาย cryptocurrency กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง กำลังใกล้จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ นักวิเคราะห์อย่างเช่น Jon Creasy หรือนักวิจัยด้าน Bitcoin ได้ออกมาชี้ให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งที่สองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอาจทำให้มีการปลดแบนเว็บเทรด Bitcoin และ cryptocurrency ลง

โดยเขากล่าวไว้ว่า

“การคาดการณ์ของผมคือ เมื่อนายสี จิ้นผิงถูกเลือกเป็นประธานาธิบดีอีกรอบนั้น เขาจะยังคงรักษาไว้ซึ่งกฎหมายด้านการค้าเสรี และเว็บเทรด Bitcoin ที่เคยแบนไปจะถูกนำมาพิจารณาอีกครั้ง อันที่จริงแล้ว ผมจะไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นรัฐบาลจีนสนับสนุนเว็บเทรดบางเว็บและ cryptocurrency เมื่อกฎหมายนั้นมาถึง ในอดีต ประธานาธิบดีสี จิ้งผิงได้เป็นผู้สนับสนุนตลาดการค้าเสรีในประเทศจีนที่มากที่สุด และก็นานพอสมควร และผมคาดว่าเทรนด์แบบนี้จะยังคงมีต่อไปเรื่อยๆ”

The post จีนกำลังวางแผนอนุญาตให้เว็บเทรด Bitcoin ในประเทศกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งจริงหรือ appeared first on Siam Blockchain.

รัสเซียเลือกเมืองเพื่อทำการทดสอบเปิดตัวหน่วยงานด้าน Cryptocurrency

“ราคา Bitcoin จะพุ่งถึง $10k เพราะมี 30,000 Wallet ใหม่ต่อวัน” โดย Kax Keiser

หลังจากที่ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นทะลุ 6,000 ดอลลาร์และสามารถยืนหยัดเหนือระดับดังกล่าวไว้ได้เมื่อวานนี้ หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้ Bitcoin ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่าราคาของมันจะพุ่งขึ้นไปถึง 10,000 ดอลลาร์ได้แบบไร้ปัญหา

นักเก็งกำไรหลายๆคนก็ได้ออกมาพยายามวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการพุ่งของราคาดังกล่าว ในขณะที่นาย Max Keiser หรือพิธีการรายการ RT ผู้โด่งดัง ได้ออกมาชี้ให้เห็นถึงตัวแปรด้านราคาที่ผสมกันไป

แปล: มีกระเป๋า Bitcoin จำนวน 30,000 ตัวที่ถูกเปิดใหม่รายวัน แล้วกองทุน ETF ก็กำลังใกล้เข้ามา Wall Street กำลังเริ่มต้นลงทุนมัน ผู้ออกกฎหมายกำลังเริ่มมองเห็นความสำคัญของมัน สวัสดีราคาที่ 10,000 ดอลลาร์!

ทว่าก็มีนักเก็งกำไรบางคนที่ออกมาชี้ให้เห็นว่าการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ล่าสุดอาจจะเป็นฝีมือของเพียงแค่คนๆเดียว

แปล: มันไม่ยอมโผล่ขึ้นมาบน feed เพราะว่ามันต้องปิดแล้ว แต่สัญญาณทุกตัวชี้ไปที่ผู้ถือ Bitcoin ที่มากที่สุดคนหนึ่ง ที่กำลังถูก liquidate

Bitcoin นั้นดูเหมือนว่าจะเมินคำกล่าวของนาย Warren Buffet ที่ออกมากล่าวว่ามันกำลังอยู่ในช่วงฟองสบู่ รวมถึงคำการของนาย Jamie Dimon หรือ CEO ของ JPMorgan ว่านี่คือสิ่งหลอกลวงอีกด้วย

ในขณะเดียวกันนาย Max Keiser ก็ยังคงเชื่อมั่นในราคาของ Bitcoin ว่ามันจะสามารถพุ่งขึ้นไปถึง 10,000 ดอลลาร์ได้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้เขายังเคยออกมาประกาศว่าราคาของ Bitcoin จะพุ่งขึ้นไปถึง 5,000 ดอลลาร์เนื่องจากการเปิดใช้งาน SegWit ซึ่งในขณะนั้นราคาของ Bitcoin อยู่ที่ 2,300 ดอลลาร์เท่านั้น

เขายังทวีตข้อความกล่าวอีกว่าใครก็ตามที่ไม่คิดว่าราคาของ Bitcoin จะพุ่งถึง 10,000 ดอลลาร์ได้อย่างง่ายดายนั้น แปลว่าพวกเขา “ไม่ได้สนใจและเอาใจใส่” มัน

ราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นไปแตะ 6,300 ดอลลาร์เมื่อช่วงเช้ามืดของวันจันทร์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะร่วงลงมาปรับฐานที่ 6070.11 ในขณะที่กำลังเขียนข่าวอยู่นี้

ท่าน่าสนใจคือการพุ่งของราคา Bitcoin ในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะนำพาเหรียญตัวอื่นๆในตลาดให้มีราคาที่สูงขึ้นตามมาด้วย ซึ่งนั่นส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมทั้งหมดของเหรียญ cryptocurrency อยู่ที่ 176.98 พันล้านดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap

กระนั้น ความเห็นของนาย Max Keiser จะเป็นจริงหรือไม่ก็คงต้องดูกันต่อไป

The post “ราคา Bitcoin จะพุ่งถึง $10k เพราะมี 30,000 Wallet ใหม่ต่อวัน” โดย Kax Keiser appeared first on Siam Blockchain.

Monday, October 30, 2017

“เราได้เห็นอัตราการพุ่งขึ้นถึง 82% ของสายอาชีพเกี่ยวกับ Bitcoin” กล่าวโดย CEO เว็บหางาน

ตัวเลขของสายงานด้าน Bitcoin กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหมวดหมู่ของฟรีแลนซ์การจ้างงานระหว่างประเทศ กล่าวโดย CEO ของบริษัท Freelancer นามว่า Matt Barrie เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว CNBC นั้น อัตราการเติบโตของสายอาชีพในด้าน cryptocurrency พุ่งขึ้นถึง 82% ในช่วงไตรมาสที่สามของรายงานของบริษัท Freelancer

บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ให้บริการด้านเว็บไซต์สำหรับโพสหางานและสมัครงานด้านฟรีแลนซ์จากทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ ซึ่งลักษณะงานประกอบไปด้วยหลายประเภทด้วยกัน

“ผู้คนกำลังหาจ้างฟรีแลนซ์เพื่อมาออกแบบและสร้างเหรียญคริปโตใหม่ๆ”

กล่าวโดยนาย Barrie โดยหนึ่งในความสามารถด้านสายคริปโตที่บริษัทหลายๆบริษัทกำลังต้องการในปัจจุบันคือการบริหาร initial coin offerings (ICO)

โดยอ้างอิงจาก Freelancer นายจ้างส่วนใหญ่นั้นเคยมองหาผู้คนที่สามารถสร้างเหรียญ cryptocurrency เองได้ และสามารถเขียน whitepaper และแผนการทางด้านเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงการนำเทคโนโลยี Blockchain มาปรับใช้เองได้

อัตราการโพสรับสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrency มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 59% ในช่วงไตรมาสที่สาม อ้างอิงจากทาง Freelancer

ราคาของ Bitcoin ได้สิ่งขึ้นและลงมาเป็นเวลาสักพักหนึ่งแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่สำหรับในเดือนตุลาคมนี้ ราคาของมันเพิ่งจะพุ่งไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 6,300 ดอลลาร์เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา

บริษัท Freelancer ได้ช่วยผู้ประกอบการลิสประกาศรับสมัครงานขึ้นบนเว็บแล้วถึง 480,000 งานในช่วงไตรมาสที่สามที่ผ่านมา โดยหากนับตั้งแต่เริ่มต้นมานั้น บริษํทดังกล่าวได้ลิสงานขึ้นเว็บไปแล้วถึง 12 ล้านงาน อ้างอิงจากบริษัท

ก่อนหน้านี้เว็บสยามบล็อกเชนเคยเขียนบทความเกี่ยวกับความจำเป็นในปัจจุบันที่สถาบันการศึกษาควรที่จะให้ความสำคัญในด้านนี้ โดยเฉพาะการเพิ่มคอร์สเกี่ยวกับ Cryptocurrency และ Blockchain เข้าไปเพื่อรองรับ demand ของสายอาชีพดังกล่าวที่กำลังเพิ่มขึ้นมาอย่างมากในอนาคต

รวมถึงผู้ก่อตั้ง Zcoin อย่างคุณปรมินทร์ อินโสมที่เคยออกมาประกาศรับสมัครนักเขียน protocol ของ Blockchain ซึ่งอาจจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ก็ได้ แต่ต้องมีความสามารถในข้างต้น โดยมีเงินเืดอนเริ่มต้นให้อยู่ที่ 100,000 บาทต่อเดือน

The post “เราได้เห็นอัตราการพุ่งขึ้นถึง 82% ของสายอาชีพเกี่ยวกับ Bitcoin” กล่าวโดย CEO เว็บหางาน appeared first on Siam Blockchain.

นักลงทุน Bitcoin ในจีนอาจได้ประโยชน์จากการเปิดตัวระบบ P2P ของ OKEx และ Huobi-Pro

นักลงทุน Bitcoin ในประเทศจีนอาจจะได้กลับไปซื้อขายบนเว็บเทรดที่พวกเขาคุ้นเคยอีกครั้งถ้าหากว่าข่าวลือเกี่ยวกับ OKEx และ Huobi-Pro เป็นจริง

โดยอ้างอิงจากนักข่าวอิสระด้านคริปโตในจีน cnLedger นั้น ผู้ให้บริการทั้งสอง “ใกล้จะเปิดตัว” ระบบซื้อขาย Bitcoin แบบ P2P ที่จะรองรับสกุลเงินหลักหลายๆสกุลรวมทั้งหยวนด้วย

“เราเชื่อว่าพวกเขาจะรองรับสกุลเงินหยวนและอื่นๆด้วย” อ้างอิงจากทวิตเตอร์ของเขา

ช่วงจังหวะเวลาของข้อมูลดังกล่าวดูเหมือนค่อนข้างที่จะกระชั้นชิด เพราะเนื่องจากว่ามันมีขึ้นในขณะที่เว็บเทรดหลายๆที่ในประเทศจีนกำลังจะปิดให้บริการ หลังจากการประกาศแบนของรัฐบาล

ในขณะที่เว็บเทรด OKEx และ Huobi-Pro นั้นถือเป็นเว็บที่ให้บริการกับนักลงทุนทั่วโลกยกเว้นจีนเนื่องจากการประกาศแบนของรัฐบาลนั้น ทาง cnLedger ได้เผยให้เห็นว่าเว็บเทรดทั้งสองมีแนวโน้มที่จะเปิดให้บริการกับนักลงทุนในประเทศจีนด้วย

“พวกเขาลงทะเบียนบริษัทนอกประเทศจีน และไม่ได้ขึ้นตรงกับ OkCoin (อย่างน้อยพวกเขาก็อ้างไว้ว่าอย่างนั้น คุณคงจะพอนึกออกนะ)” อ้างอิงจาก cnLedger

“พวกเราสบายดี”

ทางเว็บ OKEx แสดงท่าทีบอกใบ้ถึงแผนการในอนาคตของพวกเขาหลังจากเดดไลน์การปิดตัวของ OkCoin ลงในช่วงสิ้นเดือนนี้

แปล: พวกเราจะทำอย่างไรกับ OKCoin หลังจากวันที่ 31 ตุลาคมหรือวันที่จะต้องปิดตัวลงในจีน? โปรดติดตามตอนต่อไปกับ Fans Appreciation Night ของเรา

เมื่อช่วงวันหยัดที่ผ่านมาหลังจากการประชุมครั้งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ในจีน เว็บเทรด ZB.com ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาจะเปิดให้บริการแบบเต็มตัวจากวันที่ 1 พฤศจิกายันเป็นต้นไป แม้ว่าเว็บดังกล่าวจะยังไม่สามารถเปิดดูได้ก็ตาม อ้างอิงจาก CT

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพวกเขายังรายงานว่าจำนวนของผู้ให้บริการด้านเว็บเทรด Bitcoin ในจีนกำลังย้ายบริษัทให้บริการออกไปประเทศอื่นๆ อย่างเช่นญี่ปุ่น โดยเฉพาะบริษัท Quoine ที่กล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถทนให้บริการกับจำนวนผู้ใช้งานในจีนที่ลดลงได้

ในขณะเดียวกันราคาของ Bitcoin ก็ยังคงตัวอยู่ที่ในระดับสูงกว่า 6,000 ดอลลาร์ไว้ได้ หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์อีกครั้งที่ 6300 ดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา

The post นักลงทุน Bitcoin ในจีนอาจได้ประโยชน์จากการเปิดตัวระบบ P2P ของ OKEx และ Huobi-Pro appeared first on Siam Blockchain.

ธนาคารกลางแห่งประเทศเลบานอนแย้ม “สกุลเงินดิจิตอลออกโดยรัฐบาล”

ฯพณฯท่าน ริอาด ซาลาเม หรือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศเลบานอน หรือ Banque Du Liban (BDL) ได้ออกมากล่าวในการประชุมในเมืองเบรุตว่าทางรัฐบาลกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการออกสกุลเงินคริปโตที่มีรัฐบาลเป็นผู้หนุน นายซาลาเมยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ Bitcoin และอนาคตของสกุลเงินดิจิตอลในประเทศเลบานอนอีกด้วย

เลบานอนกำลังเตรียมพร้อมสู่อนาคตแห่งเงินอิเลคทรอนิคส์

อ้างอิงจากสำนักข่าว Zawya และ The Daily Star นายซาลาเมกล่าวว่าเขาเข้าใจว่า “สกุลเงินดิจิตอลนั้นจะมีความโดดเด่นมากในอนาคต”

โดยนายซาลาเมได้ขึ้นพูดในงาน Corporate Social Responsibility ในเมืองเบรุต ที่มีธนาคารกลางเป็นผู้ให้การสนับสนุน

“ทาง BDL จะต้องทำการวางแผนประชุมและจัดการก่อนที่จะริเริ่มกระทำการใดๆ” เขากล่าว “และทำการพัฒนาระบบการป้องกันจากอาชญากรด้านไซเบอร์” รายงานจาก The Daily Star

นายซาลาเมยังได้มีการกล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับการออกสกุลเงินดิจิตอลที่มีรัฐบาลเป็นผู้หนุนหลัง โดยในรายงานข่าวได้มีการอ้างอิงถึงคำพูดของเขาว่า “สกุลเงินดิจิตอลตัวใหม่นี้จะตกอยู่ภายใต้กฎหมายของเลบานอนและจะถูกควบคุมดูแลโดย BDL” ทว่าทางธนาคารกลางก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสกุลเงินดังกล่าวว่าจะมีการเปิดตัวอย่างไรในประเทศ

นายซาลาเมกล่าวคอมเม้นถึงปัญหาของสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Bitcoin โดยอธิบายถึง “การต่อต้านของธนาคารกลางเนื่องจากว่ามันไม่สามารถทำให้ถูกกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ” โดยอ้างอิงจากบทความของหนังสือพิมพ์ The Daily Star นั้น ทางธนาคารกลางสรุปว่า “Bitcoin และกสุลเงินคริปโตอื่นๆถือเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงสำหรับผู้บริโภคและระบบการจ่ายเงิน”

“เจ้าพวก [cryptocurrency] เหล่านี้ไม่ใช่สกุลเงิน แต่ควรจะเป็นสินค้าที่ราคาของมันมีการขึ้นและลงโดยไม่มีเหตุผล” กล่าวเตือนโดยนายซาลาเม “ด้วยสาเหตุนี้ ทาง BDL ได้แบนการใช้งานสกุลเงินดังกล่าวในตลาดของเลบานอน”

กลับมาที่หัวข้อสกุลเงินดิจิตอลของรัฐบาล เขาได้คาดการณ์ว่า “สกุลเงินดิจิตอลจะถูกออกให้โดยธนาคารกลาง และจะเปิดให้ใช้งานในอีก 2-3 ปีข้างหน้า”

“เป้าหมายหลักของโครงสร้างด้านการเงินของธนาคารกลางนั้นมีขึ้นเพื่อทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นมีความเสถียร และปกป้องเศรษฐกิจของประเทศเลบานอน”

แม้ว่าผู้ว่าฯของธนาคารกลางเลบานอนจะรู้สึกได้ว่าสกุลเงินดิจิตอลอย่างเช่น Bitcoin ถือเป็นภัยต่อผู้ใช้งาน แต่เขาไม่รู้สึกว่าสกุลเงินดิจิตอลที่มีเงินหลักของประเทศมาหนุนไว้จะมีความเสี่ยงตาม

The post ธนาคารกลางแห่งประเทศเลบานอนแย้ม “สกุลเงินดิจิตอลออกโดยรัฐบาล” appeared first on Siam Blockchain.

“รัฐบาลสหรัฐควรจะอยู่ให้ห่างจาก Bitcoin ไว้” กล่าวโดยนักการเมือง Ron Paul

อดีตผู้ออกกฎหมายและผู้ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนาม Ron Paul ไม่คิดว่า cryptocurrency ควรจะถูกมองว่าเป็นเงิน แต่ทว่าเขารู้สึก “ทึ่ง” กับการเติบโตของมัน

โดยอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ของสำนักข่าวด้านการเงิน TheStreetเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นาย Paul ได้แสดงความเห็นของเขา โดยกล่าวว่าในขณะที่เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนั้น เขาได้สนับสนุนเทคโนโลยีดังกล่าว เนื่องจากว่ามันช่วยทำให้การขึ้นทะเบียนถูกกฎหมายของสกุลเงินทางเลือกในประเทศสหรัฐฯนั้นเป็นไปด้วยความง่ายดายขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นาย Paul กำลังรู้สึกไม่แน่ใจว่า cryptocurrency ควรที่จะเป็นสกุลเงินหรือไม่ (เขามองว่าทองคำและแร่ธาตุดีกว่า) แต่เขาก็มีความเห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯควรที่จะอยู่ให้ห่างจากเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ มิเช่นนั้นมันจะมีข้อจำกัดในด้านการพัฒนาตัวเอง

โดยนาย Paul ให้สัมภาษณ์ว่า

“ถ้าหากผู้คนต้องการจะใช้มัน รัฐบาลควรที่จะอยู่ห่างๆมันไว้”

ในท้ายสุด นาย Paul ยังได้แสดงความเป็นห่วงในสองด้านหลักๆของ cryptocurrency ซึ่งประกอบไปด้วยการหลอกลวงฉ้อโกง และการที่มันถูกควบคุมโดยรัฐบาล

ยกตัวอย่างเช่น นาย Paul เชื่อว่าในปัจจุบันนั้นความเข้มงวดของกฎหมายและรัฐบาลที่มีต่อสกุลเงินธรรมดาในปัจจุบันนั้นมีมากเกินไป เขากลาวว่าสิ่งนี้อาจจะถูกนำมาปรับใช้กับเหรียญคริปโตด้วย

กระนั้น เขายังเชื่อว่าเทคโนโลยี Blockchain กำลัง “มีอนาคตที่สดใส” ซึ่งเป็นจุดที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากว่าเขานั้นเป็นถึงนักการเมืองระดับสูง แต่ได้ออกมากล่าวแสดงการสนุบสนุนในเทคโนโลยีดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ลูกชายของนาย Paul หรือ Rand ได้เริ่มประกาศรับ Bitcoin เป็นช่องทางการบริจาคสำหรับการหาเสียงของเขาในปีนี้ด้วย

The post “รัฐบาลสหรัฐควรจะอยู่ให้ห่างจาก Bitcoin ไว้” กล่าวโดยนักการเมือง Ron Paul appeared first on Siam Blockchain.

ผู้ออกกฎหมายในญี่ปุ่นออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการระดมทุนผ่าน ICO แล้ว

Japanese Financial Services Agency (FSA) ของประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการระดมทุนผ่าน Initial Coin Offerings (ICO) โดยหลักๆแล้วเป็นการเตือนในเรื่องของความเสี่ยง และการนำกฎหมายสองข้อในปัจจุบันมาบังคับใช้กับการระดมทุนในแบบดังกล่าว

FSA เตือนเรื่องความเสี่ยงของ ICO

FSA ของญี่ปุ่นได้เผยแพร่ประกาศดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยใจความในประกาศตอนต้นมีการเตือนถึงเรื่องความเสี่ยงของการลงทุนใน ICO กับนักลงทุน

ความเสี่ยงข้อแรกคือด้านของความผันผวนของราคา โดยทาง FSA เตือนว่า “ราคาของเหรียญ ICO อาจจะร่วงลงในภายหลังหรือกลายเป็นไร้ค่าภายในทันที” ในขณะที่ความเสี่ยงข้อที่สองคือ “มิจฉาชีพและการหลอกลวง” โดยทาง FSA เตือนว่าสินค้าหรือบริการที่อยู่ใน whitepaper ของ ICO อาจจะไม่เป็นไปตามนั้นเสมอไป และยังมีการกล่าวเพิ่มว่า

“คุณควรที่จะตัดสินใจลงทุนด้วยตัวเองหลังจากศึกษาและทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงในข้างต้น และเนื้อหาของโครงการ ICO ถ้าหากคุณคิดจะทำการซื้อเหรียญโทเค็น คุณควรที่จะต้องสังเกตและระมัดระวังตัว ICO ที่ดูมีการเชื้อเชิญให้ไปลงทุนที่น่าสงสัยด้วย”

กฎหมายสองข้ออาจมีผลบังคับใช้

แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะไม่ได้มีการออกกฎหมายมากำกับ ICO อย่างเฉพาะเจาะจง แต่พวกเขาอาจจะนำเอากฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันเข้ามาปรับใช้กับบริษัทสตาร์ทอัพที่ต้องการจะเปิดระดมทุนผ่าน ICO โดยทาง FSA กล่าวว่า

“ICO อาจจะตกอยู่ภายใต้กฎหมายด้านการให้บริการการจ่ายเงิน หรือการเป็นเครื่องมือด้านการเงินและการแลกเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของโครงการนั้นๆ”

ถ้าหากว่าเหรียญ ICO ตัวไหนก็ตามที่ตกอยู่ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับบริการการจ่ายเงิน บริษัทสตาร์ทอัพดังกล่าวจะต้อง “ลงทะเบียนบริษัทกับสำนักการเงินท้องถิ่นที่ได้รับมอบหมายอำนาจจากนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ” เขียนโดย FSA ปัจจุบันมีเว็บผู้ให้บริการเทรดเหรียญคริปโตในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 11 บริษัทที่ได้รับใบอนุญาต

อย่างไรก็ตาม “ถ้าหากว่า ICO มีลักษณะเป็นการลงทุน และการซื้อเหรียญดังกล่าวด้วยสกุลเงินดิจิตอล ICO ตัวนั้นจะต้องตกอยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการลงทุนและการแลกเปลี่ยน” กล่าวโดย FSA

ICO ในประเทศญี่ปุ่น

ตลาด ICO ในประเทศญี่ปุ่นกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน มีบริษัทเล็กๆมากมายและรวมถึงบริษัทใหญ่ๆที่เริ่มจะกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาด ออกเหรียญ ICO เพื่อมาระดมทุนและนำเงินที่ได้ไปช่วยสร้างโปรเจคของตนเอง เมื่อไม่นานมานี้สยามบล็อกเชนได้รายงานว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอินเทอร์เนตในญี่ปุ่น GMO กำลังวางแผนขายเหรียญ ICO เพื่อระดมทุนมาสร้างแผงวงจรขุด Bitcoin ที่มีชิพขนาด 7nm ฝังอยู่

Tech Bureau ที่เปิดให้บริการเว็บแลกเปลี่ยน Bitcoin นามว่า Zaif ได้เปิดตัวแพลทฟอร์มนามว่า Comsa ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทดังกล่าวบอกว่า “Cosa นั้นจะเป็นโซลูชันแบบสำเร็จรูปที่จะช่วยสร้าง whitepaper ในหลายๆภาษา, มี dashboard ที่อำนวยความสะดวกในด้านการขาย token แบบ pre-sale, บริการด้านการ blockcahin integration และประชาสัมพันธ์”

นอกจากนี้ยังมีบริษัทต่างประเทศอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่เข้ามาลงทุนในประเทศญี่ปุ่นเพื่อเปิดระดมทุน ICO อีกด้วย

The post ผู้ออกกฎหมายในญี่ปุ่นออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการระดมทุนผ่าน ICO แล้ว appeared first on Siam Blockchain.

ราคา Bitcoin ทะลุจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ 6,300 ดอลลาร์ ท่ามกลางข่าวลือเว็บเทรดในจีน

ราคาของ Bitcoin หรือเหรียญคริปโตที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในโลกตอนนี้ได้พุ่งทะลุ 6,300 ดอลลาร์ไปแล้วในช่วงคืนที่ผ่านมา และมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 102.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 57.4% ของส่วนแบ่งตลาดทั้งหมด ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางข่าวลือที่ว่าประเทศจีนอาจจะกลับมาอนุญาตให้เว็บเทรดต่างๆในประเทศกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

หลังจากที่การประชุมแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ได้จบลงไปเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางรัฐบาลจีนได้ยกเลิกกฎหมายชั่วคราวหลายๆกฎหมายออกไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่ากฎหมายในเรื่องของ Bitcoin อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย รวมถึงเว็บเทรดเหรียญคริปโตรายหนึ่งนามว่า ZB.com ที่อ้างว่าจะเปิดให้บริการกับนักลงทุนจากประเทศจีนอีกด้วย อ้างอิงจากสำนักข่าว CT แม้ว่าในปัจจุบันเว็บดังกล่าวจะไม่สามารถเปิดเข้าไปดูได้ก็ตาม

บางฝ่ายคาดว่าตัวแปรในด้านของการ hard fork ของ SegWit2xยังคงมีผลอยู่ โดยจะมีขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหลังจากที่หลายๆเว็บผู้ให้บริการรวมทั้ง Coinbase ออกมาประกาศว่าจะทำการลิสเหรียญดังกล่าวให้เป็น altcoin ไม่ใช่เชนหลัก Bitcoin นั้น ผู้คนคาดหวังว่าจะได้รับเหรียญดังกล่าวฟรีๆอีกครั้งเป็นครั้งที่สามของปีนี้ (ต่อจาก BCH และ BTG) จึงทำให้พวกเขาแห่กันมาครอบ Bitcoin กันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสังเกตได้จากส่วนแบ่งการตลาดของเหรียญ cryptocurrency ทั้งหมดที่ไหลกันมารวมที่ Bitcoin อ้างอิงจาก Coinmarketcap

อย่างไรก็ตาม การพุ่งของราคามีขึ้นเมื่อรัฐบาลเวียดนามออกมาประกาศแบน Bitcoin โดยจะมีผลตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งการแบนดังกล่าวนี้หมายถึงห้ามมีใครในประเทศครอบครอง Bitcoin หรือ cryptocurrency ได้เลย และถ้าหากฝ่าฝืนก็จะมีการปรับเป็นเงินประมาณ 150-200 ล้านตง หรือประมาณ 220,000-290,000 บาท

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคาของ Bitcoin ได้มีการ pull back กลับมาที่ 6,140 ดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตลาดไทยกำลังขยับตัวตาม

เนื่องจากว่าราคาพุ่งขึ้นในช่วงเช้ามืด ทำให้ตลาดในประเทศไทยอย่าง Bx นั้นมีอัตราการพุ่งของราคา Bitcoin ไปแตะจุดสูงสุดที่ 200,000 บาท หรือเพียงแค่ 6,016 ดอลลาร์เท่านั้น ยังห่างกับจุดสูงสุดของตลาดโลกถึง 300 ดอลลาร์ บางฝ่ายคาดว่าราคาอาจจะเริ่มขยับในเร็วๆนี้ โดยในขณะนี้ราคาอยู่ที่ 199250 บาท และมีโวลลุ่มการซื้อขาย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 517.4 BTC

ส่วนตลาดไทยฝีมือคนไทยอย่าง TDAX ก็ได้มีการพุ่งขึ้นของราคาเช่นกัน โดยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 203,017.90 บาท และมีโวลลุ่มซื้อขาย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 37.76 BTC โดยขณะนี้ราคาเริ่มแรับฐานเล็กน้อยลงมาอยู่ที่ 198,643 บาท ซึ่งน้อยกว่าของตลาด Bx เล็กน้อย

The post ราคา Bitcoin ทะลุจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ 6,300 ดอลลาร์ ท่ามกลางข่าวลือเว็บเทรดในจีน appeared first on Siam Blockchain.

นักลงทุนในตำนาน Bill Miller ลงทุน Bitcoin 30% ของเงินทุน มองเห็นโอกาสเติบโต

นักลงทุนในตำนานแห่ง Wall Street นาม Bill Miller ได้ลงทุนใน Bitcoin ด้วยเงินทุน 30% จากเงินลงทุนจัดสรรทั้งหมดของเขา อ้างอิงจากจดหมายที่เขียนสู่นักลงทุนผ่านรายงานของ Wall Street Journal โดยในจดหมายดังกล่าวได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านาย Miller ได้นำงบกว่า 30% เข้าไปลงทุนในตลาด Bitcoin ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2016 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาของ Bitcoin ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์

ซึ่งนั่นหมายความว่านาย Miller ได้เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ของเขากว่า 70% ซึ่งถือว่าสูงกว่าของ hedge fund อย่าง Third Point LLC ของ Dan Loeb ซึ่งมีการเพิ่มมูลค่าเพียง 14%

ก่อนหน้านี้นาย Bill Miller เคยออกมาเผยให้เห็นแล้วว่า 1% ของทรัพย์สินของเขาถูกนำไปลงทุนใน Bitcoin แล้ว ทำให้นักลงทุนชื่อดังใน Wall Street อย่างนาย Dimon, Fink และ Buffet ผู้ที่เคยออกมากล่าวโจมตี Bitcoin ว่าเป็นของหลอกลวงหรือฟองสบู่จนต้องออกมาแสดงความเห็นดังกล่าว อย่างไรก็ตามนาย Miller ก็ไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อการคอมเม้นโจมตีของพวกเขาแต่อย่างใด เพราะสำหรับตัวเขาแล้วยังคงมีความเชื่อมันในตัวของ Bitcoin อยู่ในขณะนี้ เขากล่าวว่า

“ผมเชื่อว่ามันยังมีโอกาสความบังเอิญที่ Bitcoin จะยังคงวิ่งไปหา 0 ดอลลาร์ได้ ทว่าแต่ละวันผ่านไปโอกาสเหล่านั้นก็ดูจะเลือนลางหายไป เพราะว่าเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้ามาในตลาดและระบบของ Bitcoin เรื่อยๆ และผู้คนก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับ Bitcoin และซื้อมัน”

The post นักลงทุนในตำนาน Bill Miller ลงทุน Bitcoin 30% ของเงินทุน มองเห็นโอกาสเติบโต appeared first on Siam Blockchain.

ประเทศจีนอาจอนุญาตให้เว็บเทรด Bitcoin กลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้ง

การประชุมแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศจีนครั้งที่ 19 หรือหนึ่งในการประชุมที่สำคัญที่สุดในประเทศจีนที่ได้จบลงไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังการจบการประชุมนั้น กฎหมายชั่วคราวบางตัวก็ได้ถูกยกเลิกไป ซึ่งท่ามกลางกฎหมายเหล่านั้น การประกาศแบนเว็บเทรด Bitcoin ในประเทศจีนก็อาจจะเป็นหนึ่งในกฎหมายชั่วคราวนั้นด้วย

โดยอ้างอิงรายงานจากสำนักข่าว CT เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม เว็บ ZB.com ที่เป็นผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญ cryptocurrency ได้ออกมาประกาศว่าการให้บริการซื้อขายเหรียญนั้นจะมีขึ้นตามปกติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ซึ่งผู้ใช้งานสามารถที่จะลงทะเบียนบัญชีและฝากเงินเข้าไปได้แล้วในตอนนี้

แพลทฟอร์มดังกล่าวอ้างว่าผู้คนทั่วโลก รวมทั้งประชาชนในประเทศจีนสามารถที่จะเข้ามาใช้บริการซื้อขายเหรียญคริปโตบนแพลทฟอร์มดังกล่าวได้ ซึ่งภาษาบนเว็บดังกล่าวนั้นถูกเขียนเป็นจีนและอังกฤษ ทว่าอย่างไรก็ตาม มันอาจจะยังเร็วไปที่จะกล่าวว่ากฎหมายด้านเว็บเทรด Bitcoin ในจีนจะถูกยกเลิกในเร็วๆนี้ บางทีแพลทฟอร์มดังกล่าวอาจจะถูกปิดโดยทางรัฐบาลในเร็วๆนี้ก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ข่าวลือจาก Coin Telegraph กล่าวว่ารัฐบาลจีนนั้นคือผู้อยู่เบื้องหลังของแพลทฟอร์มดังกล่าวนี้

การซื้อขายแบบ P2P กลายเป็นตัวเลือกที่นิยมทันที

ในขณะนี้ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ทว่ามันคงจะเป็นข่าวดีไม่น้อยถ้าหากว่านักเก็งกำไร Bitcoin ในประเทศจีนสามารถกลับมาซื้อขาย Bitcoin ผ่านเว็บเทรดในประเทศได้อย่างปกติ เนื่องจากว่าตั้งแต่เว็บเทรดแต่ละเว็บประกาศปิดตัวไปนั้น ผู้คนได้ย้ายไปซื้อขายที่เว็บ Taobao (เว็บซื้อขายสินค้าคล้ายๆ eBay) ที่มี Alibaba เป็นเจ้าของ, LocalBitcoins, แอพ Wechat และแอพ QQ ซึ่งการซื้อขายในลักษณะ P2P นั้นได้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ซื้อขายชาวจีน

ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนเคยรายงานไปแล้วเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ทางเว็บเทรดในประเทศจีนจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่งผ่านการออกใบอนุญาตจากรัฐบาล อ้างอิงจากสำนักข่าว Xinhua ในประเทศจีน

The post ประเทศจีนอาจอนุญาตให้เว็บเทรด Bitcoin กลับมาเปิดให้บริการตามปกติอีกครั้ง appeared first on Siam Blockchain.

Sunday, October 29, 2017

ชายชาวยูเครนคนหนึ่งถูกจำคุก 16 เดือนข้อหาฟอกเงินด้วย Bitcoin

วิศวกรคอมพิวเตอร์อายุ 39 ปีสัญชาติยูเครนคนหนึ่งนามว่า Yuri Lebedev ถูกจำคุกในข้อหาฟอกเงินโดยใช้ Bitcoin รวมถึงการเจาะระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์อีกนับไม่ถ้วน โดยนาย Yuri เดินทางมาที่สหรัฐฯเพื่อทำงานเหมือนๆกับชาวต่างชาติทั่วไปที่เข้ามาตามล่าหาฝัน แต่ก็ต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 16 เดือน

เขาได้ใช้เว็บ Coin.mx ในการหลอกลวงธนาคารให้ช่วยประมวลผลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin โดยปกปิดและทำให้มันดูเหมือนว่ามันคือธุรกรรมสำหรับสั่งซื้ออาหารและสินค้าออนไลน์ โดยคดีดังกล่าวมีการไต่สวนตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายหลังมาสิ่นสุดลงด้วยคำตัดสินว่าเขาและผู้สมรู้ร่วมคิดนาย Trevon Gross อายุ 52 ปีมีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อฉ้อโกง

ผู้พิภากษา Alison J. Nathan แห่งศาลเขตแห่งหนึ่งในสหรัฐฯได้ชี้ให้เห็นว่านาย Yuri นำเอาฝีมือความสามารถของเขามาใช้ในทางที่ผิด โดยการหลอกสถาบันการเงินให้หลงเชื่อว่า “มีคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง” เข้ามาสมรู้ร่วมคิดในแผนการฟอกเงินของเขาในครั้งนี้

ที่น่าสนใจคือเว็บ Coin.mx นั้นถูกก่อตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักแฮคใช้งาน โดยพวกเขาจะมุ่งเป้าไปที่สถาบันการเงินอย่างเช่น JP Morgan และ Dow Jones โดยพวกเขาทำธุรกรรมด้าน Bitcoin เป็นจำนวนมาก ผ่านตัวโปรแกรม ransomware ที่พวกเขาอยู่เบื้องหลัง โดยโปรแกรมที่ว่านี้จะทำการล็อคเครื่องคอมพิวเตอร์ของเหยื่อ และบังคับให้เหยื่อจ่ายเงินเป็น Bitcoin เพื่อปลดล็อค

ก่อนหน้านี้นาย Yuri กล่าวรู้สึกผิดในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับ Coin.mx ตั้งแต่แรก โดยสิ่งที่เขาแค่อยากจะทำนั้นก็คือ “สร้างเทคโนโลยีขั้นสุดยอดที่จะทำให้ตัวของเขานั้นพิเศษกว่าใคร” เขาได้กล่าวเพิ่มว่าเขาทำเลยเถิดเกินไป จนภายหลังรู้สึกได้ว่ามันมี “ทางลัดสำหรับสิ่งนี้”

ทว่าด้วยการที่เขานั้นไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด นาย Yuri จึงได้รับการผ่อนผันโทษจากสูงสุดที่ 10 ปีเหลือเพียงแค่ 16 เดือน โดยผู้พิภากษา Nathan กล่าวว่า “เขาแค่ทำในสิ่งที่เขาถูกสั่งให้ทำ”

หน้าที่หลักๆของนาย Yuri บนเว็บ Coin.mx คือการติดตั้งเซิฟเวอร์สำหรับเว็บดังกล่าวเพื่อใช้ในการช่วยประมวลผลธุรกรรม ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ทางธนาคารไม่สามารถตรวจจับได้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ โดยรายงานในชั้นศาลระบุว่า

“หนึ่งในปัญหาใหญ่หลักๆที่นาย Yuri จัดการก็คือการใช้เซิฟเวอร์อีกตัวหนึ่งเพื่อตบตาธนาคารและผู้ดำเนินการธุรกรรมให้เชื่อว่าธุรกรรม Bitcoin ของ Coin.mx นั้นมาจาก Collectables Club และการสั่งอาหารจาก MyXtremeDelivery”

นาย Yuri เกิดที่ประเทศรัสเซีย และโตที่ยูเครน เมื่อเขาอายุ 8 ขวบ เขาถูกพ่อขี้เมาของเขาทิ้งเขาไป และเหลือแต่แม่ของเขาที่เลี้ยงดู ตอนอายุ 16 ปีเขาถูกรับเลือกให้ไปอยู่อาศัยที่ประเทศสหรัฐฯ หลังจากชนะการประกวดคณิตศาสตร์, ฟิสิกส์ และชีววิทยา โดยหลังจากเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศศหรัฐฯ เขาได้ปริญญาสองใบในสาขาฟิสิกส์และวิทยาการคอมพิวเตอร์

The post ชายชาวยูเครนคนหนึ่งถูกจำคุก 16 เดือนข้อหาฟอกเงินด้วย Bitcoin appeared first on Siam Blockchain.

“ICO ถือเป็นเครื่องมือสสำหรับการฉ้อโกง” กล่าวโดยแผนกกองปราบของ SEC สหรัฐฯ

ในงานประชุมที่ชื่อว่า Securities Enforcement Forum เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้กำกับของแผนกกองปราบของ Securities and Exchange Commission (SEC) แห่งประเทศสหรัฐอเมริกานาม Stephanie Avakian ได้ออกมากล่าวถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดกับการระดมทุนผ่าน inital coin offerings(ICO)

แม้ว่าทาง SEC มองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยี Blockchain แต่พวกเขาก็ตระหนักถึงความอันตรายของเทคโนโลยีด้านดิจิตอลที่ทางมิจฉาชีพอาจนำไปใช้เพื่อฉ้อโกงนักลงทุนหรือคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้ โดยนาง Avakian กล่าวว่า

“เทคโนโลยี Blockchain ได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่น่าสนใจทั่วไป และในขณะเดียวกันมันก็สามารถที่จะช่วยสร้างโอกาสให้บริษัทสตาร์ทอัพส่วนใหญ่สามารถระดมทุนได้ แต่ก็เหมือนๆกับวิธีการระดมทุนที่ได้รับความนิยมแบบอื่นๆ เพราะว่ามันสามารถที่จะเป็นตัวดึงดูดมิจฉาชีพให้มาฉ้อโกงได้ เราคิดว่าการเสริมโครงสร้างทางด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยสามารถปกป้องได้ทั้งนักลงทุนและมูลค่าของตลาดดังกล่าวได้”

ก่อนหน้านี้ทาง SEC ได้ออกมาประกาศแล้วว่าเหรียญโทเค็นของ ICO บางตัวที่มีลักษณะเป็นสินทรัพย์​(securities) อาจจะต้องตกอยู่ภายใต้กฎหมายสินทรัพย์ซึ่งทำให้บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐฯเป็นจำนวนมากที่รู้สึกกลัวการประกาศดังกล่าว

ในขณะที่หลายๆคนมองว่าการประกาศของนาง Avakian อาจมีโทนด้านลบอยู่ แต่อีกหลายๆคนมองว่านี่เป็นเรื่องดี เนื่องจากว่าการออกมาเข้มงวดนั้นจะช่วยลดโอกาสการฉ้อโกงที่ถือเป็นมะเร็งในวงการ ICO ลง

The post “ICO ถือเป็นเครื่องมือสสำหรับการฉ้อโกง” กล่าวโดยแผนกกองปราบของ SEC สหรัฐฯ appeared first on Siam Blockchain.

[รายงาน] ธนาคารแห่งประเทศเวียดนามประกาศ Cryptocurrency คือสิ่งผิดกฎหมาย

ผู้คนในประเทศเวียดนามดูเหมือนว่าจะให้ความสนใน Bitcoin มาแล้วนานพอสมควร แม้ว่าอัตราการปรับตัวใช้งานนั้นจะมีเพิ่มมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่เป็นไปในทิศทางที่หลายๆคนคาดหวังเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น การใช้เหรียญ cryptocurrency ในประเทศเวียดนามจะถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และจะต้องถูกปรับ นับตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป

โดยอ้างอิงจากสำนักข่าวท้องถิ่นในประเทศเวียดนาม Nguoi lao dong Bitcoin และสกุลเงิน cryptocurrency ทุกชนิดจะกลายเป็นของผิดกฎหมายในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปีหน้านี้เป็นต้นไป โดยสิ่งที่สามารถใช้ชำระเงินได้ตามกฎหมายมีเพียงแค่เงินตงของประเทศเท่านั้น

ส่วนค่าปรับสำหรับการละเมิดกฎหมายดังกล่าวจะอยู่ที่ประมาณ 150-200 ล้านตง หรือคิดเป็นเงินบาทไทยจะอยู่ที่ 220,000 บาทไปจนถึง 290,000 บาท

กระนั้นสำนักข่าวดังกล่าวก็ไม่ได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทางรัฐบาลออกมาประกาศตัดสินใจแบน Bitcoin และเหรียญ cryptocurrency อื่นๆแต่อย่างใด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มเชื่อว่าสาเหตุหลักๆนั้นน่าจะเป็นเพราะว่ารัฐบาลเวียดนามไม่ชอบสกุลเงินดิจิตอล เนื่องมาจากการที่มันไม่สามารถถูกควบคุมได้โดยรัฐบาลและธนาคารกลาง โดยการตัดสินใจดังกล่าวดูเหมือนว่าจะรุนแรงมากกว่าของรัฐบาลจีน ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาประกาศแบนเพียงแค่เว็บผู้ให้บริการเทรดเหรียญคริปโตในประเทศเท่านั้น แต่การขุดและการใช้งานดูเหมือนว่าจะยังสามารถมีต่อไปได้

อย่างที่หลายๆคนทราบดีนั้นว่าการแบนไม่ให้ใช้งานเหรียญ cryptocurrency ในทางปฏิบัติถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก จนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากว่าธรรมชาติของสกุลเงินในลักษณะนี้ที่ทำงานบนเทคโนโลยี Blockchain จะปกปิดตัวตนของผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์แบบ และการที่ node ประมวลผลธุรกรรมของเหรียญเหล่านี้ทำงานแบบ decentralized ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องไปไล่สั่งปิดนักขุดจากทั่วโลกในเวลาที่พร้อมๆกันถึงจะทำลาย Bitcoin ลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ บางทีวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับพวกเขาอาจเป็นการยกเลิกการใช้งานอินเทอร์เนตในประเทศทั้งหมด

การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ราคาของ Bitcoin เพิ่งจะทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ที่ระดับราคาสูงกว่า 6,000 ดอลลาร์เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ที่น่าแปลกใจคือเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั้น มีรายงานว่าทางรัฐบาลเวียดนามกำลังวางแผนที่จะทำให้ Bitcoin และ cryptocurrency ถูกกฎหมาย ซึ่งจะทำให้แล้วเสร็จก่อนเดือนมิถุนายน 2019 บางทีการประกาศแบนครั้งนี้อาจเป็นเพียงแค่การเตรียมการไปสู่การทำให้มันถูกกฎหมายก็เป้นได้

The post [รายงาน] ธนาคารแห่งประเทศเวียดนามประกาศ Cryptocurrency คือสิ่งผิดกฎหมาย appeared first on Siam Blockchain.

รัฐคาตาลูญญาพิจารณาใช้สกุลเงินดิจิตอลและระบบโปรแกรม E-Residency

รัฐคาตาลูญญาที่เพิ่งจะประกาศเอกราชจากสเปนนั้นกำลังพิจารณาโปรแกรม E-Residency ที่คล้ายๆกับของประเทศ Estonia นอกจากนี้ทางรัฐคาตาลูญญากำลังพิจารณาสร้างสกุลเงินดิจิตอลหรือ cryptocurrency เป็นของตัวเองอีกด้วย

รัฐบาลของรัฐคาตาลูญญาหรือ Generalitat de Catalunya ได้ส่งตัวแทนไปประเทศเอสโตเนียเพื่อศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรม E-Residency ด้วยโปรแกรมดังกล่าวนี้จะทำให้รัฐบาลสามารถออกบัตรประชาชนแบบดิจิตอลให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติที่อยากจะเข้ามาลงทุนในประเทศผ่านระบบออนไลน์

นาย Dani Marco ผู้อำนวยการขององค์กร SmartCatalonia กล่าวว่าเอสโตเนียสร้างโมเดลด้านเศรษฐกิจขึ้นมาจากศูนย์ ซึ่งดูเหมือนว่านาย Marco กำลังจะมีแนวคิดริเริ่มที่จะทำแบบดังกล่าวบ้าง

รัฐคาตาลูญญาในปัจจุบันกำลังเดินหน้าผลักดันแผนการสร้างเศรษฐกิจให้มีการแยกตัวออกมาจากประเทศสเปน โดยอ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ El Pais ในประเทศสเปนนั้น โปรแกรม E-Residency ของประเทศเอสโตเนียจะถูกนำมาปรับใช้กับรัฐคาตาลูญญาและทางรัฐบาลอาจจะสร้างเหรียญโทเค็นบนระบบ Blockchain สำหรับใช้เป็นเงินของประเทศ

ข้อได้เปรียบของ E-Residency

หังสือพิมพ์ El Pais รายงานว่ารัฐคาตาลูญญานั้นให้ความสนใจกับโปรแกรม E-Residency ของเอสโตเนีย เนื่องจากว่ามันสามารถใช้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด โดยโปรแกรมดังกล่าวนั้นได้ดึงดูดนักลงทุนมามากกว่า 20,000 คนจาก 143 ประเทศตั้งแต่เมื่อปี 2014 รวมถึง 336 คนจากประเทศสเปน

หนังสือพิมพ์ดังกล่าวยังรายงานว่ารัฐคาตาลูญญานั้นมีนักลงทุนด้านคริปโตมากที่สุดในสเปนอีกด้วย

การช่วยเหลือจาก Vitalik Buterin

ผู้เชี่ยวชาญด้าน Blockchain ในรัฐคาตาลูญญาเริ่มหันมาขอความช่วยเหลือจากนาย Vitalik Buterin หรือผู้ก่อตั้ง Ethereum อ้างอิงจาก El Pais โดยนาย Vitalik ได้แนะนำให้ชาวคาตาลูญญ่าระดมทุนผ่าน ICO เพื่อสร้างเหรียญ และนำทุนที่ได้นั้นมาพัฒนาโปรเจค E-Residency โดยโปรแกรมดังกล่าวสามารถที่จะสร้าง ecosystem และกลุ่ม community ที่ไม่จำเป็นต้องขึ้นตรงกับธนาคารกลาง

ก่อนหน้านี้ประเทศเอสโตเนียได้เสนอโครงการสร้างเหรียญ “Estcoin” หรือสกุลเงินดิจิตอลสำหรับประเทศ ทว่าก็ถูกธนาคารกลางแห่งยุโรปยิงตกไปเสียก่อน ซึ่งว่ากันว่าถ้าหากพวกเขาทำสำเร็จนั้น มันจะกลายเป็น ICO ตัวแรกของโลกที่ถูกเปิดตัวด้วยรัฐบาล

นาย Kaspar Korjus หรือ MD ของโปรแกรม E-Residency ในประเทศเอสโตเนียได้โพสเนื้อหาลงบนบล็อกของเขาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเคลมว่าทางรัฐบาลเอสโตเนียอาจจะแจกเหรียญ Estcoin ให้กับประชาชน โดยเหรียญดังกล่าวจะถูกควบคุมและจัดการโดยรัฐบาลของเอสโตเนีย แต่จะสามารถซื้อผ่านโปรแกรม E-Residency ได้เท่านั้น

The post รัฐคาตาลูญญาพิจารณาใช้สกุลเงินดิจิตอลและระบบโปรแกรม E-Residency appeared first on Siam Blockchain.

Bitcoin ช่วยชาวออสเตรเลียรายนี้ผ่อนบ้านจนหมด สร้างบ้านหลังใหม่จากกำไรที่เหลือ

นักธุรกิจรายหนึ่งในออสเตรเลียได้ผ่อนบ้านของเขาจนหมดโดยใช้ Bitcoin ที่เขาลงทุน และกำลังใช้ส่วนกำไรที่เหลือของเขาในการสร้างบ้านหลังใหม่

นาย Michael Sloggett ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง Townsville ชายฝั่งทะเลแถวๆตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐ Queensland ในประเทศออสเตรเลียได้เริ่มต้นใช้งาน Bitcoin เมื่อห้าปีที่แล้ว โดยหลักๆเขาใช้มันเพื่อนำเข้าสินค้าสำหรับนำมาขายในร้านขายอาหารเสริมของเขานามว่า Second to None Nutrition โดยสาเหตุหลักๆที่เขาเลือก Bitcoin เป็นตัวช่วยโอนเงินระหว่างประเทศนั้นก็เพราะว่าค่าธรรมเนียมของธนาคารแพงมาก

ทว่าเมื่อตอนต้นปี 2017 มานี้ เขาก็เริ่มที่จะลงทุนใน Bitcoin อย่างจริงจัง ซึ่งดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเขานั้นจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เนื่องจากว่าเขาได้กำไรจากการเก็งกำไร Bitcoin มาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงที่เขาซื้อใหม่ๆนั้น ราคาของมันอยู่ที่ 1,100 ดอลลาร์ออสเตรเลียเท่านั้น จนกระทั่งเดือนตุลาคมนี้ ราคาของมันก็พุ่งขึ้นไปถึง 7,700 ดอลลาร์ออสเตรเลีย อ้างอิงจาก Townsville Bulletin

เขากล่าวว่า

“เราผ่อนบ้านจนหมด และก็นำกำไรที่เหลือไปซื้อที่ดินเพิ่มแถวๆ Townsville ตอนนี้เรากำลังสร้างบ้านหลังใหม่ที่นั่น”

นอกเหนือจากธุรกิจอาหารเสริมของเขาแล้วนั้น เขายังเปิดสถาบันการศึกษาด้าน Bitcoin อีกด้วย โดยสถาบันการศึกษาดังกล่าวถูกเปิดตัวมาได้ห้าเดือนแล้ว ซึ่งเป้าหมายหลักๆก็คือเพื่อสอนผู้คนลงทุนในเหรียญ cryptocurrency โดยในตอนนี้เขาได้ช่วยผู้คนไปแล้ว 2,500 คน เขายังสร้างเพจในเฟสบุคนามว่า Crypto Calls Australia อีกด้วย

โดยหลังจากการลงทุนในเหรียญ cryptocurrency นั้น ในตอนนี้เขาได้ขยายสาขาของร้านเขาเพิ่มขึ้นอีก 5 แห่ง โดยมีสองในเมือง Townsville, หนึ่งใน Mount Isa, หนึ่งใน Bundaberg และอีกหนึ่งใน Sydney

ข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายๆคนออกมากล่าวว่า Bitcoin นั้นคือฟองสบู่ และกำลังจะแตกแล้ว

ก่อนหน้านี้นาย Jamie Dimon หรือ CEO ของ JPMorgan ก็ได้ออกมากล่าวโจมตี Bitcoin โดยเขาเรียกมันว่า “หลอกลวง” เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่เจ้าชายซาอุ Alwaleed bin Talal เชื่อว่า Bitcoin นั้นจะ ‘ระเบิดจากภายใน’ เนื่องจากว่ามันไม่มีกฎหมายมาสนับสนุน

กระนั้น นาย Sloggett กล่าวว่าผู้คนควรที่จะศึกษาและพิจารณาถึงความเสี่ยงให้ดีก่อนลงทุน เขายังอ้างว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของเขาถูกถือในรูปแบบสกุลเงินดิจิตอล

The post Bitcoin ช่วยชาวออสเตรเลียรายนี้ผ่อนบ้านจนหมด สร้างบ้านหลังใหม่จากกำไรที่เหลือ appeared first on Siam Blockchain.

Saturday, October 28, 2017

เว็บผู้ให้บริการเทรด Bitcoin ฟิวเจอร์ที่ใหญ่ที่สุด OKEx เตรียมลิส ETH, ETC และ BCC

เว็บ OKEx ที่เป็นบริษัทลูกของ OKCoin ผู้ให้บริการด้านการซื้อขายเหรียญ cryptocurrency แบบฟิวเจอร์ได้ออกมาประกาศว่าจะทำการลิสเหรียญยอดนิยมในอันดับท็อป 10 อย่าง Ethereum, Ethereum Classic และ Bitcoin Cash ลงบนกระดานซื้อขายฟิวเจอร์ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้

โดยอ้างอิงจากบล็อกโพสของทาง OKEx ที่ได้ออกมาประกาศในวันนี้ โดยมีใจความว่าพวกเขาจะทำการลิสเหรียญ ETH, ETC และ BCC เข้าไปในกระดานซื้อขายฟิวเจอร์ หลังจากที่ได้ทำการปรับโครงสร้างระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเป้าหมายในการลิสเหรียญดังกล่าวขึ้นไปนั้นมีเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด อีกทั้งยังมีการวางแผนค่าธรรมเนียมอีกด้วย

โดยใจความในการประกาศมีอยู่ว่า

“เหรียญ ETH, ETC และ BCC จะถูกเปิดให้เทรดได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 5 โมงเย็น เวลาจีน”

ในส่วนของค่าธรรมเนียม ทาง OKEx จะทำการเปลี่ยนเป็นโมเดลค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขาย Maker/Taker สำหรับเหรียญดังกล่าวให้เป็น 0.025% สำหรับ Maker และ 0.075% สำหรับ Taker

การซื้อขายเหรียญ cryptocurrency บนตลาดฟิวเจอร์คือการซื้อขายสัญญาของเหรียญนั้นๆบนตลาด โดยสัญญานั้นจะมีวันหมดอายุที่แน่ชัด โดยผู้ซื้อและขายสัญญาสามารถที่จะทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลงทีละมากๆผ่านการซื้อขายบน margin หรือการ leverage กล่าวคือเป็นการยืมเงินของทางเว็บมาทำการซื้อขาย และคืนในภายหลังเมื่อสัญญาถูก settle แล้ว

เว็บ OKCoin ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2013 โดยนาย Star Xu ด้วยเงินลงทุน 10 ล้านดอลลาร์จาก VC รายหนึ่ง โดยในขณะนั้นเป็นตลาดแลกเปลี่ยน Bitcoin ที่มุ่งเน้นให้บริการเฉพาะลูกค้าในประเทศจีนเท่านั้น ภายหลังในปี 2014 นาย Star ได้ออกมาประกาศเปิดตัวตลาดฟิวเจอร์ผ่านโดเมน OKCoin.com โดยมีฐานให้บริการอยู่ที่ฮ่องกง เจาะกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง OKCoin.com ได้ประกาศว่าพวกเขาจะทำการหยุดให้บริการตลาดฟิวเจอร์ทั้งหมด และจะย้ายไปให้บริการในเว็บใหม่ OKEx.com ซึ่งก็คือเว็บปัจจุบัน ณ ขณะนี้

The post เว็บผู้ให้บริการเทรด Bitcoin ฟิวเจอร์ที่ใหญ่ที่สุด OKEx เตรียมลิส ETH, ETC และ BCC appeared first on Siam Blockchain.

รัฐ Kansas ในสหรัฐฯสั่งผู้ลงเลือกตั้งห้ามใช้ Bitcoin รับบริจาคเผย “เลวร้ายยิ่งกว่ารัสเซีย”

คณะกรรมาธิการของรัฐบาลแห่งรัฐ Kansas ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกมาห้ามไม่ให้บุคลากรที่ทำงานให้กับรัฐบาลภายในใช้ Bitcoin และรวมถึงพรรคการเมืองที่กำลังหาเสียงในรัฐดังกล่าวไม่ให้รับริจาคเป็น Bitcoin อีกด้วย

โดยอ้างอิงจากสื่อท้องถิ่น Lawrence Journal-World คณะกรรมมาธิการด้านจริยธรรมแห่งรัฐ Kansas ได้ตัดสินใจออกมาประกาศไม่ให้นักการเมืองในรัฐรับเงินบริจาคเป็น Bitcoin ในขณะที่กำลังลงหาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากว่าพวกเขาเป็นห่วงทางด้านความไร้ตัวตนของผู้ใช้ Bitcoin

นาย Mark Skoglund หรือกรรมการบริหารของคณะกรรมาธิการดังกล่าวได้อธิบายถึงการประกาศห้ามว่าเนื่องจากมีผู้ลงเลือกตั้งรายหนึ่งที่เข้ามาถามว่าเขาสามารถรับบริจาคเป็น Bitcoin ได้หรือไม่

กระนั้น ก่อนหน้านี้ทาง Federal Election Commission ที่มีอำนาจออกกฎหมายควบคุมการเลือกตั้งในประเทศได้เคยออกมาประกาศอนุญาตให้นักการเมืองในประเทศสหรัฐฯที่ลงสมัครหาเสียงสามารถรับ Bitcoin เป็นช่องทางบริจาคได้ โดยมีเงื่อนไขจำกัดอยู่บ้าง ซึ่งก็มีนักการเมืองบางคนอย่างเช่นนาย Patrick Nelson แห่งพรรครีพับบลิกันที่กำลังลงสมัครเลือกตั้งรัฐสภาในเมืองนิวยอร์ค รับบริจาคเป็น Bitcoin อยู่

“นั่นหมายความว่าพวกเรากำลังหันเข้าหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างเช่น Blockchain และ Bitcoin”

กล่าวโดยนาย Nelson ในขณะนั้น

อย่างไรก็ตามรัฐ Kansas ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นด้วยกับการนำเอา cryptocurrency เข้ามาผสมกับการเลือกตั้ง และนาย Jerome Hellmer หรือคณะกรรมการอธิบายว่าพวกเขากำลังเป็นห่วงในด้านของความเสี่ยงที่มามากเกินไปในการนำเอา Bitcoin มาเป็นตัวรับบริจาค ถ้าหากว่าไม่มีรายงานขั้นตอนที่ถูกต้อง เขาเถียงว่าพวกกลุ่มลอบบี้ยิสต์สามารถที่จะใช้ประโยชน์จากความไร้ตัวตนของ Bitcoin เพื่อนำมาสร้างอิทธิพลในการเลือกตั้งได้ เขายังแนะนำว่า Bitcoin นั้นอาจจะมีผลอันตรายกับการเลือกตั้งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว ที่มีการกล่าวหารัสเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะของนายโดนัล ทรัมป์

“ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือความน่าจะเป็นของการสร้างอิทธิพลในการเลือกตั้ง โดยอาจจะมีพวกนักบ็อบบี้ยิสต์พยายามที่จะเข้ามา” เขากล่าว “ถ้าหากคุณคิดว่าพวกรัสเซียเป็นต้นเหตุของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว รอดูให้ดีเถอะ มันเกิดขึ้นแน่”

นาย Hellmer ยังกล่าวเสริมว่าความไม่โปร่งใสของ Bitcoin นั้นไม่สามารถไปร่วมกันได้กับนโยบายด้านความโปร่งใสที่ทางคณะกรรมการต้องการให้มีขึ้น “มันโคตรจะขัดแย้งกับความโปร่งใสที่ทางเรามีให้กับสาธารณะเลย”

The post รัฐ Kansas ในสหรัฐฯสั่งผู้ลงเลือกตั้งห้ามใช้ Bitcoin รับบริจาคเผย “เลวร้ายยิ่งกว่ารัสเซีย” appeared first on Siam Blockchain.

หุ้น Overstock พุ่งกว่า 30% หลังจากออกมาประกาศเปิดตัว ICO มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์

หุ้นของบริษัทผู้ให้บริการด้านร้านค้าปลีกออนไลน์ Overstock (OSTK) ได้พุ่งขึ้นกว่า 30% ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ผู้บริหาร Patrick Byrne ออกมาประกาศถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดขาย ICO ของเขา โดยเขาอ้างว่าจะสามารถระดมเงินทุนได้ถึง 500 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้านี้ทางสยามบล็อกเชนเคยรายงานว่าบริษัท tZERO ที่เป็นบริษัทลูกของ Overstock นั้นได้จับมือร่วมกับบริษัทอื่นๆเพื่อเปิดตัวระบบแพลทฟอร์มซื้อขาย ICO แห่งแรกของประเทศสหรัฐฯที่ถูกกฎหมาย ด้วยการที่ Overstock มีใบอนุญาตที่สามารถเปิดให้บริการระบบซื้อขายทางเลือก (ATS) ได้นั้น ทำให้เว็บเทรดของพวกเขาจะสามารถลิสเหรียญ ICO ที่ถูกกฎหมายได้

นาย Byrne ได้ออกมาเผยให้เห็นในภายหลังว่าทาง tZERO นั้นจะเปิดขายเหรียญ ICO เพื่อระดมเงินทุนมาพัฒนาระบบดังกล่าว และเขาได้ประกาศถึงรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ ICO ของเขาในงาน Money 20/20 ที่จัดขึ้นที่เมืองลาส เวกัสอีกด้วย ที่สำคัญ เขากล่าวว่าเหรียญ tEZRO นั้นจะมีลักษณะเป็นสินทรัพย์ ซึ่งนั่นหมายความว่านักลงทุนจะได้รับผลประโยชน์จากผลกำไรของบริษัท ซึ่งก่อนที่จะจบงานนั้น เขาได้ออกมาอ้างว่า ICO ของเขาจะสามารถระดมทุนได้ถึง 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำลายสถิติ ICO ที่ระดมทุนได้มากที่สุดในปัจจุบันของ Filecoin ที่ 257 ล้านดอลลาร์

การประกาศดังกล่าวนั้นทำให้หุ้นของบริษัท Overstock พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม โดยหุ้น OSTK นั้นได้พุ่งขึ้นจาก 35 ดอลลาร์ต่อหุ้นไปสู่ 46 ดอลลาร์ต่อหุ้นภายในเพียงแค่ 7 วัน ซึ่งคิดเป็น 30% โดยหากนับจากปีที่แล้วนั้น ราคาหุ้นของบริษัท Overstock ได้เพิ่มขึ้นมาเกือบสามเท่า โดยนักวิเคราะห์คาดว่าเกิดจากการที่ทิศทางของบริษัทเริ่มหันไปลงทุนในเทคโนโลยี Blockchain ผ่าน Medici Ventures หรือบริษัทลูกของพวกเขา

ดูเหมือนว่าบริษัท Overstock นั้นไม่ใช่เพียงแค่บริษัทเดียวที่ได้รับอานิสงค์จากการกระโดดเข้ามาในวงการ Blockchain โดยยังมีบริษัท MGT Capital ที่ราคาหุ้นของพวกเขาได้พุ่งขึ้นไปสูงขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ออกมาประกาศปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ และการเริ่มหันมาลงทุนในการขุดเหรียญ cryptocurrency และบริษัท Riot Blockchain ที่ก่อนหน้านี้เคยรีแบรนด์บริษัทของตัวเอง และประกาศว่าพวกเขาจะหันมาลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพด้านคริปโตอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจากหลายๆฝ่ายก็ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการ ‘hype’ หรือทำให้ตื่นเต้นกันในวงการการลงทุนด้าน blockchain ที่อาจทำให้บางคนมองว่าการทำแบบนี้คือการออกมาปั่นราคา เนื่องด้วยการที่ปัจจุบันในหลายๆประเทศนั้นยังไม่มีกฎหมายมารองรับในด้านดังกล่าว แต่ด้วยธรรมชาติของเทคโนโลยี blockchain ที่ทำให้การส่ง cryptocurrency หากันระหว่างประเทศสามารถทำได้ในระดับวินาที ซึ่งอาจทำให้บางคนตกเป็นเหยื่อของการปั่นราคาดังกล่าวได้

The post หุ้น Overstock พุ่งกว่า 30% หลังจากออกมาประกาศเปิดตัว ICO มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ appeared first on Siam Blockchain.

ราคาเหรียญ ZCoin ทะลุ 15 ดอลลาร์หลังจากผู้ก่อตั้งประกาศ Hard fork และติดตั้ง Znodes

ราคาเหรียญคริปโตที่มีผู้ก่อตั้งเป็นคนไทยนามว่า ZCoin (XZC) ได้มีการพุ่งขึ้นทะลุระดับ 15.38 ดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 12.28% ของในช่วง 24 ขั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้ก่อตั้งออกมาประกาศว่าจะทำการ hard fork และติดตั้ง Znodes เพื่อช่วยในการเก็บประวัติในการธุรกรรม

โดยอ้างอิงจากคุณปรมินทร์ อินโสมหรือผู้ก่อตั้ง ZCoin เหรียญคริปโตที่มุ่งเน้นไปทางด้านความเป็นส่วนตัวโดยสมบูรณ์แบบในการทำธุรกรรม และผู้ก่อตั้งเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตในไทย TDAX และ Satang.com นั้น ได้ให้สัมภาษณ์กับสยามบล็อกเชนว่าทางทีมนักพัฒนามีแผนการที่จะ hard fork เหรียญดังกล่าวในในเร็วๆนี้ ซึ่งทางคุณปรมินทร์คาดว่าจะมาถึงในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 โดยเป้าหมายในการทำการ hard fork ดังกล่าวนั้นมีขึ้นเพื่อแก้ไขตัว libzerocoin ที่มีช่องโหว่อยู่ในขณะนี้ด้วยความช่วยเหลือจากนักพัฒนาจาก Blockstream และรวมถึงบั๊กอื่นๆด้วย

“แก้ไข libzerocoin ที่มีช่องโหว่น่ะครับ ได้ Tim Ruffing ที่ทำงานอยู่ Blockstream มาช่วยครับ แก้ไขส่วนตรงนี้ ที่เหลือก็บัก เล็กๆ น้อยๆ ครับ”

กล่าวโดยคุณปรมนทร์

นอกจากนี้ ทางทีมนักพัฒนาของ ZCoin ยังมีแผนการที่จะติดตั้ง znode ที่จะมีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลด้านธุรกรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดย znodes ที่ว่านี้จะมีลักษณะคล้ายๆกับ masternode ของเหรียญ Dash กล่าวคือผู้ที่รัน znode ที่ว่านี้จะได้รับเหรียญ ZCoin มาแบบฟรีๆโดยที่ไม่ต้องขุดเหมือนกับ miner แต่ทว่าผู้ที่จะรัน znode ได้นั้นจำเป็นต้องใส่เหรียญ ZCoin ของพวกเขาลงข้างในก่อนเป็นจำนวนหนึ่ง ทว่าจำนวนดังกล่าวนั้นยังไม่ได้ถูกเปิดเผยโดยคุณปรมินทร์ เขายังกล่าวเสริมอีกว่า

“ซึ่งเป็นเหตุให้ทุกคนพยายามซื้อ zcoin ไว้ เพื่อจะเตรียมทำ znodes”

ปัจจุบันเหรียญ ZCoin มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 50 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.6 พันล้านบาท และอยู่อันดับที่ 89 ของโลก แม้ว่าราคาปัจจุบันที่ระดับสูงกว่า 15 ดอลลาร์จะยังห่างไกลจากจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 19.20 ดอลลาร์ของวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เส้นของกราฟด้านบนก็แสดงให้เห็นว่าราคานั้นได้ผ่านแนวต้านจุดสำคัญมาแล้ว

เหรียญดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งเหรียญคริปโตที่ถูกสร้างโดยคนไทย ซึ่งนอกเหนือจากนี้ก็ยังมี OmiseGO, HappyCoin และ Hommalicoin อีกด้วย

ก่อนหน้านี้คุณปริมินทร์เคยกล่าวว่าจะมีการลิสเหรียญ ZCoin ขึ้นไปบนกระดานซื้อขาย TDAX ของเขา และยังมีแผนการที่จะแจกเหรียญดังกล่าวให้กับผู้ใช้งานที่สมัครสมาชิกเว็บในช่วง soft launch อย่างฟรีๆคนละ 1 XZC โดยเขากล่าวในช่วงนั้นว่า

“น่าจะคนล่ะ 1 ZCOIN น่ะครับผม หลังจากที่ทาง TDAX ใส่ ZCOIN เข้าไปน่ะครับ ซึ่งคาดว่าน่าจะสิ้นเดือน หรือ กลางเดือนหน้า”

The post ราคาเหรียญ ZCoin ทะลุ 15 ดอลลาร์หลังจากผู้ก่อตั้งประกาศ Hard fork และติดตั้ง Znodes appeared first on Siam Blockchain.

ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Bitcoin อินเดีย Zebpay คาดผู้ใช้งานต่อเดือนเพิ่มถึง 5 แสนคนปีหน้า

ผู้ให้บริการกระเป๋าและซื้อขาย Bitcoin สัญชาติอินเดียนาม Zebpay มียอดดาวน์โหลดบริการแอปพลิเคชัน หนึ่งล้านครั้งบนโทรศัพท์มือถือระบบ Android และคาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้ใหม่ราวห้าแสนรายต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากสองแสนราย ณ ปัจจุบัน

แอปฯ Zebpay ได้เปิดตัวเมื่อปี 2015 และเป็นที่รู้จักในหมู่คนอินเดีย ควบคู่ไปกับแอปฯ Unocoin และแอปฯ Coinsecure ส่วนแอปฯ Zebpay มีความแตกต่างจากตัวอื่นเพราะมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายต่ำที่สุด

ผู้ร่วมก่อตั้งแอปฯ Zebpay นาย Saurabh Agarwal ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Forbes ว่า “เราทำงานอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจและแก้ปัญหาในความเข้าใจในเรื่องของ bitcoins พวกเราคิดว่าโทรศัพท์มือถือเป็นอะไรที่มีอิทธิพลมากในอินเดีย และอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน เราจึงตัดสินใจที่จะทำแอปฯเฉพาะในประเทศอินเดียเท่านั้น”

แอปฯ Zebpay มียอดดาวน์โหลดห้าแสนครั้งในเดือนพฤษภาคม 2017 ใช้เวลาสองปีเท่านั้นหลังจากการเปิดตัว และใช้เวลาเพียงสี่เดือนเท่านั้นสำหรับแพลตฟอร์มนี้ที่มียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและมียอดดาวน์โหลดถึงหนึ่งล้านครั้ง และนี่เป็นการเน้นย้ำว่า Bitcoin เป็นที่รู้จักในประเทศอินเดียเป็นอย่างมาก

ผู้ร่วมก่อตั้งแอปฯ Zebpay คาดว่า ณ ตอนนี้จะให้การบริการเฉพาะด้านการซื้อขายเหรียญ Bitcoin เท่านั้น ส่วนเหรียญอื่นๆ ก็ได้มีการแพลนเอาไว้เช่น Ethereum, Ripple หรือ Litecoin ปัจจุบันแอปฯ Zebpay มีจำนวนผู้ใช้ 2,500 ราย/วัน ในเดือนพฤษภาคม 2017 และจำนวนดังกล่าวมีจำนวนมากกว่าสองเท่าใน ณ ปัจจุบัน นาย Sandeep Goenka ผู้ร่วมก่อตั้งแอปฯ Zebpay กล่าวว่า:

“เรากำลังหาผู้ใช้งานเพิ่ม 200,000 คนต่อเดือน และหลังจากสองเดือน จะก็จะหาเพิ่มให้เป็น 500,000 คนต่อเดือน

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดียนาย Arun Jaitley ได้กล่าวถึงการเติบโตของตลาด bitcoin ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า แอปฯ Coinsecure ต้องหยุดให้บริการซื้อขายชั่วคราวเพราะไม่สามารถจัดการผู้ใช้งานให้ “เติบโตอย่างก้าวกระโดด” ในประเทศอินเดียได้

เมื่อเดือนที่แล้วรองผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดียเปิดเผยว่าทางการกำลังดำเนินนโยบายด้านการกำกับดูแลด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับสำหรับ Bitcoin และ Cryptocurrencies ในประเทศ ทั้งหมดนี้บ่งชี้ได้ว่า bitcoin จะถูกต้องตามกฎหมายและอาจจะถูกหักภาษีด้วย

The post ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยน Bitcoin อินเดีย Zebpay คาดผู้ใช้งานต่อเดือนเพิ่มถึง 5 แสนคนปีหน้า appeared first on Siam Blockchain.

Friday, October 27, 2017

“Bitcoin ยังมีศักยภาพที่เหลืออยู่” กล่าวโดยผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Paypal นาย Peter Thiel

(Y) หรือว่าช่วงเวลาของการรักษากำไร Bitcoin มาถึงแล้ว

บทความนี้ถูกเขียนโดยนักเขียนกิตติมศักดิ์ คุณยุทธวิธีหรือผู้ก่อตั้งกลุ่ม Crypto Trading Club และมืออาชีพในด้านการเก็งกำไรเหรียญ cryptocurrency ที่เคยทำนายราคาของ Bitcoin ถูกถึงสามครั้งติดต่อกัน โดยถือเป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ผู้อ่านควรใช้วิจารญาณในการอ่าน

Bitcoin Gold hard fork ผ่านไป ทุกท่านคงได้รับ BTG สมใจอยาก ทันทีที่ BTG ประกาศ hardfork สำเร็จ ราคา BTC ก็ร่วงลงมาทันตาเห็นไปยัง 5,3xx USD

มาเมื่อวานฟื้นตัวอย่างไว และตอนกลางคืนสามารถพุ่งแตะระดับ 5,8xx USD

หลายคนดีใจ เฮสนั่น ราคา BTC กลับมาแล้ว เรายังเหลือ hardfork ที่ชื่อ B2X อีกครั้ง ราคาต้องกลับขึ้นไปแน่นอน

แต่ยังก่อน ก่อนที่จะดีใจ ผมอยากให้ท่านมองดูกราฟเสียก่อน มันมีอะไรบอกอยู่ว่า อันตรายซ่อนอยู่

กราฟ 1W พบ StochRSI กำลังไต่เข้า Overbought zone ซึ่งเป็นสัญญาณให้ขายออก

กราฟ 1D (บนกลาง) โครงสร้าง Head And Shoulder กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ซึ่งเป็นสัญญาณลงที่ค่อนข้างแม่นยำ

แถม 1D ข้างล่างเจอ RSI ทำ Bearish Divergence เช่นเดียวกับ 4H (ขวาบน) ให้สังเกตุเส้นสีแดงที่ไปทิศทางสวนทางกับราคาด้านบนในกราฟ

1H (ซ้ายล่าง) แม้ว่าราคายังอยู่เหนือเส้นเหลือง แต่ก็อยากลงมาอยู่ข้างล่างเต็มประดา

5M ไม่ต้องพูดถึง นำหน้าลงไปก่อนแล้ว

B2X Hardfork กว่าจะเกิดต้องใช้เวลาร่วม 3 สัปดาห์ และช่วงนี้ก็ยังทะเลาะกันไม่เลิก หากราคาลงช่วงนี้ ผมจะไม่แปลกใจ มันเหมาะที่จะเทให้ราคาลงไปก่อน แล้วค่อยลากขึ้นมาเมื่อเวลา hard fork ใกล้ถึง

ภาวะเช่นนี้ ตราบใดที่ราคาไม่สามารถขึ้นเหนือ 6,400 ดอลลาร์ แนะนำให้มองลงมากกว่าที่จะมองขึ้น มีกำไรให้รักษากำไร ออกมาดูห่างๆไปก่อน

เป้าหมายแรกของผม: 4,800 – 5,000 ดอลลาร์

เป้าหมายที่สองของผม: 4,000 – 4,400 ดอลลาร์

เปลี่ยนเป็นมองขึ้น หากราคาสามารถขึ้นเหนือ 6,400 ดอลลาร์ ซึ่งในความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าเป็นไปได้ยากในช่วงเวลานี้

ขอให้ทุกท่านโชคดี

หมายเหตุ: การลงทุนในตัวเหรียญคริปโตเคอเรนซีมีความเสี่ยงสูงมาก ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการตัดสินใจลงทุน ทางสยามบล็อกเชนจะไม่รับผิดชอบในความสูญเสียในทุกกรณี

The post (Y) หรือว่าช่วงเวลาของการรักษากำไร Bitcoin มาถึงแล้ว appeared first on Siam Blockchain.

สามปัจจัยที่จะช่วยให้ราคา Bitcoin กลับมาใกล้เคียงที่ 6,000 ดอลลาร์

รัฐบาลฝรั่งเศสเปิดตัวโปรแกรม ‘UNICORN’ สนับสนุนการระดมทุนผ่าน ICO

ผู้ออกกฎหมายด้านการเงินแห่งประเทศฝรั่งเศสหรือ Autorité des marchés financiers (AMF) ได้เปิดตัวโปรแกรมใหม่โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยบังคับใช้กฎหมายในด้าน blockchain และการระดมทุนผ่าน initial coin offerings (ICOs)

ทาง AMF เปิดตัวโปรแกรมดังกล่าวเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้กฎหมายด้านดังกล่าวมีความเข้าที่เข้าทางมากขึ้น การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่หัวหน้าของ AMF นามว่า Robert Ophele ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะพัฒนากฎหมายมาควบคุมเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเร็วไว

โดยทาง AMF กล่าวว่าพวกเขากำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งจะประกอบไปด้วยระหว่างการพัฒนากฎหมายที่มีอยู่เพื่อให้รองรับการระดมทุนผ่าน ICO ที่มีอยู่ และการร่างกฎหมายฉบับใหม่ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น ทาง AMF ยังกล่าวว่าพวกเขาอาจจะออกแนวทางสำหรับองค์กรที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามอีกด้วย แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะทำการตัดสินใจนั้น ทาง AMF จะเปิดรับฟังความเห็นจากสาธารณะก่อน ไปจนถึงวันที่ 22 ธันวาคม

ที่น่าสนใจคือ ทาง AMF ได้ทำการเปิดตัวโปรแกรมใหม่นามว่า UNICORN ที่มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านแนวทางกฎหมายให้กับองค์กรที่ต้องการจะออกเหรียญ ICO ในประเทศฝรั่งเศส

โดยพวกเขากล่าวว่า

“มันจะถูกเรียกว่า UNICORN (ย่อมาจาก Universal Node to ICO Research & Network) ซึ่งตัวนี้มีความเป็นไปได้ที่จะถูกบังคับใช้ไปพร้อมๆกับกฎหมายที่มีอยู่ โดยจะมีเป้าหมายเพื่อช่วยออกกรอบแนวทางที่จะทำให้การพัฒนาโครงการของพวกเขาเป็นไปได้ และจะช่วยให้แน่ใจว่าทั้งผู้ออกเหรียญและนักลงทุนจะเข้ามาปฏิบัติตามกฎ”

ความพยายามดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการการศึกษาเทคโนโลยีดังกล่าวของทาง AMF ด้วย พวกเขายังเผยว่าจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยพัฒนากฎหมายและให้ความรู้ทางด้านเศรษฐกิจ

“ทาง AMF ต้องการที่จะสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาทำงานวิจัยในหัวข้อนี้ และตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบเกี่ยวกับตัวกฎหมายนี้กับการเงินภายในหนึ่งปี” กล่าวโดย AMF

อย่างไรก็ตาม ประเทศฝรั่งเศษไม่ได้เป็นประเทศแรกที่มีแนวคิดดังกล่าว ก่อนหน้านี้ผู้ออกกฎหมายในประเทศไทยหรือ ก.ล.ต. ก็มีแผนการที่จะออกกฎเกณฑ์มากำกับการระดมทุนผ่านเทคโนโลยีไฮเทคดังกล่าวนี้ โดยจะเริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็นในช่วงต้นเดือนหน้า ก่อนที่จะออกกฎมาบังคับใช้ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2018

The post รัฐบาลฝรั่งเศสเปิดตัวโปรแกรม ‘UNICORN’ สนับสนุนการระดมทุนผ่าน ICO appeared first on Siam Blockchain.

“กองทรัสต์ Bitcoin อาจมีเพิ่มมูลค่าสามเท่า” กล่าวโดยนักวิเคราะห์จาก Wall Street

นักวิเคราะห์แห่ง Wall street หรือนาย Thomas Lee ได้ออกมาทำนายว่ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนใน Bitcoin หรือ Bitcoin Investment Trust (OTC: GBTC) อาจจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าภายในปี 2022 ถ้าหากว่าราคา Bitcoin ที่เขาเคยออกมาทำนายไว้เป็นไปตามคำทำนาย

นาย Lee หรือผู้ก่อตั้งร่วมบริษัทด้านการตลาด FundStrat Global Advisors เป็นผู้ที่รู้จักกันดีใน Wall Street ฉายา “นักลงทุนสายหมีแห่งตลาดหุ้น” แต่เขานั้นกลับเป็นนักลงทุนสายกระทิงกับ Bitcoin โดยก่อนหน้านี้เขาได้สร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการออกมาทำนายว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะพุ่งไปถึง 25,000 ดอลลาร์ และเขาก็ยังแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลงกับคำทำนายของเขา ด้วยการออกมากำชับรอบสองถึงตัวเลขดังกล่างอีกด้วย

โดยอ้างอิงจากรายงานของ Bloomberg นั้น นาย Lee ได้แนะนำลูกค้าของเขาที่ FundStrat ว่าราคาของกองทรัสต์ Bitcoin นั้นมีโอกาสที่จะพุ่งขึ้นถึงสามเท่า ถ้าหากว่าการทำนายราคาเหรียญ Bitcoin ของเขานั้นแม่นยำ โดยในปัจจุบัน กองทรัสต์ Bitcoin (ที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนของ Grayscale Investments) ถือเป็นเครื่องมือในการลงทุนเกี่ยวกับ Bitcoin เพียงตัวเดียวในตลาดซื้อขายสหรัฐฯ ซึ่งจะแตกต่างจากกองทุน Bitcoin ETF ที่ก่อนหน้านี้มีบริษัทเป็นจำนวนมากพยายามที่จะขอใบอนุญาตจาก SEC แต่ก็ถูกปฏิเสธ โดย GBTC นั้นจะเป็นการถือครองสินทรัพย์อ้างอิงโดยตรงจาก Bitcoin ไม่ใช่ทำการซื้อขายผ่านสัญญาอนุพันธ์ใดๆ

อย่างไรก็ตาม มูลค่าของกองทรัสต์ดังกล่าวนั้นได้ถูกหยิบยกไปเป็นประเด็นถกเถียงในหลายเดือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากว่าราคาของมันถูกซื้อขายด้วยเรทพรีเมียมที่มีอัตราสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของตัวมันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น GBTC นั้นได้พุ่งนำหน้าตัวเลข NAV ไปถึงสองเท่า แม้ว่าค่า spread จะลดลงมาถึง 20% แล้วในช่วงเดือนนี้

แม้จะมีอัตราเรทพรีเมียมที่สูง นาย Lee ก็ได้เขียนในรายงานว่า “GBTC ที่ราคา 688 ดอลลาร์และราคาพรีเมียมของ NAV ถึง 20% นั้นเป็นอะไรที่น่าดึงดูดใจมรการเข้ามาหา Bitcoin” เขายังอธิบายต่อว่าค่า spread ของ NAV นั้นไม่แม่นยำ เนื่องจากว่ามันไม่ได้นำเอาตัวเลขจาก Bitcoin Cash และ Bitcoin Gold เข้าไปใช้เป็นตัวแปรคำนวณเป็นด้วย

อย่างไรก็ตามนาย Lee แนะเตือนลงทุนว่าให้ระวัง GBTC ว่ามันอาจจะเจอปัญหาด้านสภาพคล่อง ถ้าหากว่าตลาดเกิดการ panic

“อะไรจะเกิดขึ้น?” นาย Lee เขียน “ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดในมุมมองของเราก็คือ GBTC ที่เป็น ETN [exchange-traded note] อาจจะประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง ถ้าหากว่ามันมีการ panic ขึ้นมา แต่หลังจากการตรวจสอบ GBTC และ Bitcoin ที่ถูกผูกไว้กับมันอยู่อย่างจริงจังแล้ว เรามองว่านี่คือปัญหาระยะสั้น”

โดยในขณะที่กำลังเขียนข่าวอยู่นี้ ราคาหุ้น GBTC กำลังถูกซื้อขายอยู่ที่ 704 ดอลลาร์ ในขณะที่ราคาของเหรียญ Bitcoin อยู่ที่ 5,953 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาถึง 8% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

The post “กองทรัสต์ Bitcoin อาจมีเพิ่มมูลค่าสามเท่า” กล่าวโดยนักวิเคราะห์จาก Wall Street appeared first on Siam Blockchain.

“มันคือฟองสบู่ของแท้” นาย Warren Buffet กล่าวเน้นย้ำ Bitcoin

นักลงทุนระดับพันล้านในตำนานวอเร็น บัฟเฟตต์ดูเหมือนว่าจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งคนที่ที่กล่าวว่าตลาด Bitcoin นั้นใกล้จะถึงฟองสบู่แล้ว

โดยอ้างอิงจากสำนักข่าว MarketWatch นายบัฟเฟตต์ได้ถูกสัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวตอบคำถามสื่อมวลชนที่จัดขึ้นใน Omaha เมื่อไม่นานมานี้ ในขณะที่นายบัฟเฟตต์กำลังพูดถึงหัวข้อในหลายๆเรื่องนั้น เขาได้หยิบยก cryptocurrency ขึ้นมาพูดถึงด้วย

“ผู้คนออกมาตื่นเต้นกับการเคลื่อนไหวของราคาของมัน และ Wall Street ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้มัน” นอกจากนี้เขายังได้กล่าวอีกว่า Bitcoin นั้นคือ “ฟองสบู่ของแท้” อ้างอิงจากสำนักข่าวดังกล่าว นายบัฟเฟตต์ยังได้วิจารณ์ถึงแนวคิดของการตีมูลค่าให้กับ Bitcoin อีกด้วย

โดยเขากล่าวว่า

“คุณไม่สามารถให้มูลค่า Bitcoin ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่ asset ที่มีมูลค่าอะไรเลย”

ความเห็นของนายบัฟเฟตต์มีขึ้นท่ามกลางการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin ในช่วงนั้น ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4,300 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทว่าหลังจากนั้นราคาก็พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 6,000 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา

การที่นายบัฟเฟตต์ออกมากล่าวโจมตี Bitcoin ในครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นอะไรที่ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเมื่อปี 2014 เขาเคยบอกให้นักลงทุน “อยู่ให้ห่างจาก Bitcoin ไว้”

“จริงๆแล้วมันคือภาพลวงตา” เขากล่าวในตอนนั้น

นายบัฟเฟตต์นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่คนเดียวที่มีแนวคิดแบบดังกล่าว เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ เจ้าชายซาอุดิ Alwaleed bin Talal ก็คาดหวังว่า Bitcoin นั้นจะล้มเหลวด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เห็นต่างคนอื่นๆก็มีบ้าง อย่างเช่นเมื่อสามวันที่ผ่านมา ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์คนามว่า Aswath Damodaran หรือฉายา “คณะบดีแห่งการประเมินมูลค่า” ได้ออกมาเถียงผ่านบล็อกของเขาว่า Bitcoin นั้นเป็นสกุลเงิน และไม่ใช่การหลอกลวง

The post “มันคือฟองสบู่ของแท้” นาย Warren Buffet กล่าวเน้นย้ำ Bitcoin appeared first on Siam Blockchain.

รถไฟเหาะกำลังแล่น? ราคา Bitcoin กลับมาแตะ 5,900 ดอลลาร์อีกครั้ง

Bitcoin กำลังถูกซื้อขายอย่างคึกคักอีกครั้ง

โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ราคา Bitcoin อ้างอิงจากเว็บ Coinmarketcap นั้นอยู่ที่ 5,938.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 7.26% จาก 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หลังจากพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 6,100 ดอลลาร์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เหรียญราชาแห่ง cryptocurrency ตัวนี้ก็ได้พบกับการเทขายอย่างรุนแรงจากนักลงทุนที่สลับไปถือเหรียญ altcoin ตัวอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ราคาเหรียญ Bitcoin Gold (BTG) มีการร่วงลงมาอย่างรุนแรงในวันแรกที่ทำการซื้อขาย ราคาของ Bitcoin (BTC) ก็ได้กลับมาเป็นขาขึ้นจากจุดราคาที่ 5,376 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเม็ดเงินกำลังไหลเข้ามาในตลาดแล้ว

หลายคนเชื่อว่าสาเหตุหลักๆนั้นเกิดจากข่าวลือว่า Amazon อาจจะออกมาประกาศรับ Bitcoin ในการประกาศตัวเลขรายได้ประจำไตรมาสในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่านี่เป็นเพียงแค่ข่าวลือ (ที่ถูกปล่อยออกมาในรูปแบบจดหมายนักลงทุน) ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ และถูกจับได้ว่าไม่เป็นความจริงมาหลายครั้งแล้วในอดีต

ราคาในไทย

อย่างไรก็ตาม ราคา Bitcoin ในประเทศไทยอย่างเช่นตลาด Bx นั้นก็มีการพุ่งขึ้นของราคาเช่นกัน โดยอยู่ที่ 195,001 บาท (5,880 ดอลลาร์) และมีโวลลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 325.389 BTC

ในขณะเดียวกันตลาดกระดานแลกเปลี่ยนของคนไทยอย่าง TDAX นั้นมีราคาที่พุ่งขึ้นมาสูงกว่าของ Bx อย่างเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 191,059 บาท และมีโวลลุ่มการซื้อขายอยู่ที่ 4.88 BTC

The post รถไฟเหาะกำลังแล่น? ราคา Bitcoin กลับมาแตะ 5,900 ดอลลาร์อีกครั้ง appeared first on Siam Blockchain.

Thursday, October 26, 2017

สมาคม Bitcoin ฮ่องกงกังวลฮาร์ดฟอร์ค SegWit2x กล่าวนี่คือ “ความพยายามที่บ้าบิ่น”

สมาคม Bitcoin แห่งฮ่องกงได้ออกมาเปิดเผยถึงความกังวลและต่อต้าน SegWit2x ของพวกเขาผ่านหน้าเว็บ โดยความเห็นของพวกเขานั้นอาจกล่าวได้ว่ากำลังเป็นที่ได้รับความสนใจในกลุ่มผู้ใช้งาน Bitcoin อย่างมาก

โดยในมีทอัพของพวกเขาที่ถูกจัดขึ้นโดย Bitcoin Association of Hong Kong นั้น ได้มีการพูดถึง 2x ว่าเป็น “ความพยายามที่บ้าบิ่น” ที่จะทำให้เกิด “ความเสียหายและการทำลายล้าง”

“เนื่องจากการผสมกันระหว่างการไรซึ่งความปรองดองในกลุ่มนักพัฒนา และการไร้ซึ่งระบบ replay protection เราพิจารณาว่า SegWit2x นั้นคือความพยายามอันบ้าบิ่นที่จะสร้างความเสียหายและการทำลายล้างต่อระบบ ecosystem” อ้างอิงจากการประกาศที่มีขึ้นในวันนี้

“ดังนั้นเราจึงขอต่อต้าน SegWit2x อย่างเต็มเต็มกำลัง”

ดูเหมือนว่าการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการ hard fork ของสมาคมดังกล่าวนั้นเริ่มที่จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับของกลุ่มอื่นๆทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่นในเกาหลีใต้ ที่เคยออกมากล่าวแสดงความไม่เห็นด้วยเมื่อช่วงต้นเดือนนี้เช่นกัน

มีบริษัทด้าน Bitcoin ที่เกิดใหม่มากมายได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับในเรื่องนี้แทบจะทุกๆวัน ทว่าพวกเขาเลือกที่จะ ‘เดินทางสายกลาง’ กล่าวคือไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ทว่าถ้าหากเชนของ 2x ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นในภายหลัง พวกเขาก็พร้อมที่จะไหลตามน้ำ

ในขณะที่บางบริษัทก็กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เกี่ยวกับการฟอร์ค ยกตัวอย่างเช่น Coinbase ที่ออกมาเปลี่ยนใจ ประกาศว่าจะลิสเหรียญฮาร์ดฟอร์ค SegWit2x ให้เป็น altcoin โดยใช้ชื่อว่า B2X แต่ไม่ใช่ Bitcoin

ในขณะที่กลุ่มผู้ลงนามในฮ่องกงนั้นดูเหมือนว่าจะยังไม่กลับคำตัดสินใจของพวกเขาแต่อย่างใด

“ใครก็ตามที่ต้องการจะทำ hard fork และสร้างเหรียญใหม่ที่คาดว่าจะให้มาแทน Bitcoin พวกเขาควรที่จะมาถามกลุ่ม community ของ Bitcoin เพื่อขอการสนับสนุนอย่างเหมาะสม และทำการ hard fork ก็ต่อเมื่อได้รับการสนับสนุนจาก community อย่างล้นหลามเท่านั้น” อ้างอิงจากการประกาศ

“ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางทีม SegWit2x ยังไม่เคยทำแบบนี้เลย”

The post สมาคม Bitcoin ฮ่องกงกังวลฮาร์ดฟอร์ค SegWit2x กล่าวนี่คือ “ความพยายามที่บ้าบิ่น” appeared first on Siam Blockchain.

Bitcoin ไม่มีความเสี่ยงที่จำเป็นต้องออกกฏหมายมารองรับ โดยธนาคารกลางสิงคโปร์

สิงคโปร์ไม่มีแผนการที่จะควบคุม cryptocurrencies อย่าง Bitcoin กล่าวโดย CEO ของธนาคารกลางสิงคโปร์

The Monetary Authority of Singapore (MAS) ซึ่งเป็นธนาคารกลางและหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศจะไม่ควบคุม Cryptocurrencies แต่จะ “คาดหวัง” ว่าให้ Cryptocurrency เป็นสื่อกลางเข้ามาช่วยควบคุมการต่อต้านการฟอกเงิน กล่าวโดย กรรมการผู้จัดการของ MAS นาย Ravi Menon

จากการสัมภาษณ์นาย Menon ของสำนักข่าว Bloomberg เขาถูกถามว่าถ้า Cryptocurrencies เช่น Bitcoin จำเป็นต้องมีการควบคุมหรือไม่ ถ้าสิงคโปร์คือแหล่งสำหรับการระดมทุน ICO

นาย Menon กล่าวว่า “มีเพียงศาลไม่กี่แห่งที่มีอำนาจในการควบคุม Cryptocurrencies เท่านั้น” ก่อนที่จะเปิดเผยว่า อาจจะต้องใช้อำนาจในการควบคุมดูแลหากจำเป็น

นาย Menon กล่าวว่า:

“ตัวสกุลเงินของมันเองไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะใช้กฏระเบียบ และแนวทางของเราก็คือ การสังเกตใช้ Cryptocurrency และประเมินว่ากฏระเบียบใดเหมาะสมที่จะใช้กับมัน”

ล่าสุด นาย Menon ก็ได้กล่าวว่า:

“มันคือความจริงที่ทราบกันดีว่า Cryptocurrencies มักถูกกล่าวหาว่าใช้ในรูปแบบที่ผิดกฏหมาย ดังนั้นเราจำเป็นจะต้องมีนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ACT/CFT ในการใช้ Cryptocurrency ”

นาย Menon ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Bitcoin ว่าในปี้นี้ Bitcoin ได้รับความสนใจมาก โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้้นจาก 1,000 ดอลล่าร์ ในปี 2017 สู่ราคาสูงที่สุดในประวัติการณ์ที่ระดับ 6,200 ดอลล่าร์ เมื่อไม่นานมานี้

นาย Menon กล่าวว่า:

“ผู้คนก็แค่เห็นมันเป็นเพียงการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าเท่านั้น แต่ผมคิดว่ามันเป็นการเข้าใจผิดในการใช้ Cryptocurrencies พวกเขาสามารถที่จะประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในแต่ละกรณีได้ มูลค่าของมันไม่สำคัญหรอก แต่มันอยู่ที่การประยุกต์ใช้ในแต่ละเหตุการณ์ต่างหากล่ะ”

“พวกเขาสามารถชำระเงินข้ามประเทศได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะพวกแรงงานข้ามชาติที่จะส่งเงินกลับไปยังหมู่บ้านของพวกเขาใช่หรือไม่? นาย Menon ถามในมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้สกุลเงิน cryptocurrencies”

นาย Menon กล่าวเพิ่มเติมว่า:

“ถ้าการโอนเงินข้ามประเทศด้วยระบบ blockchain ทำให้เกิดผลประโยชน์มากขึ้น นั่นก็ควรจะเป็นคำถามมากกว่าการถามว่าราคาของ Bitcoin หรือ Ethereum จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือไม่”

MAS ได้ลงทุนในการทดสอบและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของตนเองภายใต้ชื่อ ‘Project Ubin‘ และ MAS ได้ออกเหรียญ Token ดอลล่าร์สิงคโปร์ผ่านระบบ Ethereum ในการทดลองเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

The post Bitcoin ไม่มีความเสี่ยงที่จำเป็นต้องออกกฏหมายมารองรับ โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ appeared first on Siam Blockchain.