Monday, March 5, 2018

ผลิตภัณฑ์ของ Ripple มีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างใช้งานอย่างไร

เหรียญ Ripple หรือ XRP ที่กำลังอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลก และได้รับความสนใจจากนักลงทุน cryptocurrency เป็นอันดับต้น ๆ (มากขนาดที่ทำให้ราคาของมันพุ่งไปกว่า 1,000% ในช่วงต้นปีนี้) และรวมถึงการประกาศเพิ่มหุ้นส่วนที่เป็นสถาบันการเงินอีกหลาย ๆ แห่งที่ทำให้ไม่มีนักลงทุนคริปโตคนไหนแทบจะไม่รู็จักมัน

กระนั้น หลาย ๆ คนควรจะทราบว่าการเติบโตของตัวเลขดังกล่าวนี้มีขึ้นมาจากโปรเจคผลิตภัณฑ์ด้านการจ่ายเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อธนาคารและสถาบันการเงินเสียเป็นส่วนใหญ่

พวกเขาไม่เพียงแค่เคลมว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขานั้นถูกกว่าและเร็วกว่าเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพมากกว่าบริการอื่น ๆ ในตลาดปัจจุบันอีกด้วย

แต่กระนั้น ไม่ใช่ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ของ Ripple จะถูกออกแบบขึ้นมาโดยมีความสัมพันธ์กับมูลค่าตลาดรวมของเหรียญ XRP ที่มีมากกว่า 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์แน่นอน

อันที่จริงแล้ว XRP นั้นคือเหรียญคริปโตที่ผู้ใช้งานสามารถทำการซื้อและขายได้ และถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเท่านั้น

บทความนี้จะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หลัก ๆ สามตัวที่ Ripple กำลังให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ xCurrent, xRapid และ xVia และรวมถึงเหรียญ XRP ด้วย

xCurrent

แพลทฟอร์มดังกล่าวถูกสร้างบน distributed ledger ที่มีชื่อว่า Interledger โดย xCurrent นั้นจะไม่ได้ทำงานเหมือนกับ XRP (ที่ใช้ระบบแยกต่างหากนามว่า XRP Ledger)

Interledger นั้นถูกสร้างและพัฒนาโดยผู้บริหารของ Ripple แต่ไม่ได้ถูกบริหารและจัดการโดยพวกเขา ระบบดังกล่าวถูกส่งมอบให้กลุ่ม World Wide Web Consortium (W3C) เป็นผู้ดูแลต่อ โดยกลุ่มดังกล่าวนั้นเป็นผู้ดูแลในด้านมาตรฐานอินเทอร์เนตของโลก

ดังนั้นเป้าหมายหลักของ xCurrent คือการหยิบยื่นบริการที่ทำให้สกุลเงินทุก ๆ สกุลสามารถใช้ทำงานร่วมกันได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะ cryptocurrency เท่านั้น

xCurrent จะช่วยทำให้ธนาคารสามารถประมวลผลธุรกรรมกับธนาคารอื่น ๆ ได้โดยการมีตัวเชื่อมต่อที่ถือมูลค่าในหลาย ๆ สกุลเงิน แม้ว่าคนที่จ่ายต้องการจะจ่ายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ แต่ผู้รับต้องการรับเป็นสกุลเงินยูโรก็ตาม

ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังมีฟีเจอร์ระบบส่งข้อความที่ “ถูกใช้เพื่อส่งข้อมูลและติดต่อสื่อสารกันระหว่างธนาคารอีกด้วย” กล่าวโดยนาย Thomas Stefan หรือ CTO ของ Ripple

แพลทฟอร์มส่งข้อมูลดังกล่าวสามารถทำให้มีการอัพเดตแบบ real-time ได้ ดังนั้นข้อผิดพลาดใด ๆ ก็แล้วแต่อย่างเช่นชื่อผู้รับผิด จะไม่ทำให้การจ่ายเงินนั้นช้าลง นอกเหนือจากนี้มันยังสามารถใช้เพื่อติดตามจุด endpoint ได้ แต่ยังสามารถปกปิดข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าเป็นความลับได้

นาย Thomas อธิบายว่า

“มันช่วยหยิบยื่นข้อมูลที่มีความถูกต้องแม่นยำแบบตัวเดียวสำหรับการทำธุรกรรมให้กับฝ่ายต่าง ๆ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นส่วนตัวของลูกค้าในแง่ของข้อมูลด้านการจ่ายเงินได้”

ดังนั้นหากลองสังเกตดูให้ดีจะพบว่า xCurrent นั้นไม่ได้มีควมเกี่ยวข้องกับ cryptocurrency อย่าง XRP เลยแม้แต่น้อย แต่ระบบดังกล่าวก็ยังสามารถช่วยจัดการประมวลผลธุรกรรมให้ได้ทั้งสกุลเงินธรรมดาทั่วไปอย่างยูโร และดอลลาร์ และรวมถึง cryptocurrency อย่าง Bitcoin, Ether และอื่น ๆ อย่าง XRP ได้ด้วย

xRapid

อย่างไรก็ตาม เมื่อเหรียญ XRP นั้นถูกซื้อขายผ่านระบบของ xCurrent นั้น ทาง Ripple จะเรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่า xRapid

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ มีทั้งมือใหม่ และผู้ที่อยู่ในวงการคริปโตมานานแล้วต่างก็แสดงความสนใจอยากจะลองทำธุรกรรมส่งเหรียญ XRP ผ่าน xRapid

โดยหากจะให้อธิบายอย่างง่าย ๆ นั้น xRapid คือโซลูชันด้านสภาพคล่องที่บริษัทลูกค้าสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญ XRP กับสกุลเงินไปมาได้ผ่านโพรโตคอลการจ่ายเงิน xCurrent ที่เร็วกว่า ซึ่งนั่นหมายความว่าบริษัทเหล่านี้จะเป็นผู้สร้าง demand สำหรับเหรียญ XRP ในตลาดได้โดยตรง

และแม้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะรองรับ cryptocurrency เหรียญอื่น ๆ นั้น แต่ทาง Ripple ก็เคลมว่าเหรียญ​ XRP จะมีข้อได้เปรียบอื่น ๆ มากกว่า

นาย Thomas กล่าวว่า

“ในขณะที่ asset แบบดิจิตอลตัวอื่น ๆ อาจจะนำมาใช้กับระบบได้ แต่ XRP นั้นเร็วกว่าและถูกกว่า โดยค่าธรรมเนียมนั้นอยู่ที่เศษของดอลลาร์ และใช้เวลา 3 วินาทีต่อธุรกรรมเท่านั้น”

ปัจจุบันผู้ให้บริการด้านการโอนเงินรายใหญ่อย่าง Western Union และ Moneygram เริ่มที่จะนำเอา xRapid มาทดสอบแล้ว และคาดว่าผู้ให้บริการอื่น ๆ คงจะตามมาในเร็ว ๆ นี้

และในขณะที่มีเพียงแค่บริษัทเดียวในปัจจุบันอย่าง Cuallix ที่เริ่มนำเอา xRapid มาใช้งานอย่างจริงจังแล้วในการประมวลผลเงินจริง ทาง Ripple ได้ทวีตข้อความเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาโดยอ้างว่ามีสามใน 5 บริษัทด้านการโอนเงินระดับโลกอาจจะตามมาใช้บริการของพวกเขาเร็ว ๆ นี้

นาย Thomas ยังเชื่ออีกด้วยว่า xRapid จะมาดึงดูดให้สถาบันการเงินจากทั่วโลกเริ่มมาสนใจมันมากขึ้นในอนาคต

“สิ่งที่ทำให้มันมีค่าก็คือการใช้งานที่แท้จริง” กล่าวโดยนาย Thomas “สามารถวัดสิ่งนี้ด้วยการดูได้ว่าสภาพคล่องนั้นไหลเข้าไปในเหรียญ XRP มากขนาดไหน ดังนั้นผมคิดว่ามันเป็นจุดขายของเรา, คือระบบจะพยายามเติมสภาพคล่องเข้าไป, และพอมีสภาพคล่องมากขึ้นแล้ว, มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังจะทำ”

สำหรับ Ripple นั้น xRapid แสดงถึงการพัฒนากลุ่มองค์ยักษ์ใหญ่ที่เรียกว่า RippleNet มาจนถึงช่วงปลาย ๆ แล้ว โดยพวกเขาเชื่อว่า XRP นั้นจะเป็น asset ที่เป็นจุดศูนย์รวมที่จะสามารถเชื่อมต่อโพรโตคอลด้านการจ่ายเงินที่กระจัดกระจายกันอยู่ตอนนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวได้

นาย Thomas กล่าวว่า

“ด้วยการเป็นตัวเก็บมูลค่านั้น มันเป็นบางสิ่งที่เราได้ลงทุนพัฒนามันไปและได้ผลตอบแทนมาเป็นสื่งที่เรียกว่า XRP โดยการถือเหรียญ XRP นั้น พวกเราถือเป็นกลุ่มผู้ที่เชื่อในศักยภาพระยะยาวของ XRP ว่ามันจะมีมูลค่าสูงขึ้จกว่านี้ เมื่อมีคนหันมาใช้มันมากขึ้น”

xVia

ไม่เพียงเท่านั้น ทาง Ripple ยังสนใจที่จะดึงให้ลูกค้าของพวกเขาเข้ามาใช้ผลิตภัณฑ์ xVia อีกด้วย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็น interface สำหรับการจ่ายเงินที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้การใช้งาน xCurrent และ xRapid มีความง่ายขึ้น

ระบบดังกล่าวคงไม่ต่างจากการที่ WhatsApp ซ่อนระบบการส่งข้อความที่มีความซับซ้อนไว้ภายใต้ user interface ที่สะอาด และใช้งานง่ายเท่าไรนัก โดย xVia จะถูกใช้เพื่อ “คลุม” ระบบความยุ่งยากซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ของ Ripple ตัวอื่น ๆ

กระนั้น xVia จะไม่ได้ใช้เหรียญ XRP มาแต่แรกอยู่แล้ว แต่ผู้ใช้งานก็สามารถเลือกที่จะใช้ได้

หาก xCurrent สามารถช่วยติดตามการทำธุรกรรมได้ xVia ก็จะทำแบบเดียวกันได้ โดยผู้ใช้งานยังสามารถสร้างใบกำกับภาษีของธุรกรรมของพวกเขาได้อีกด้วย

แม้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะยังอยู่ในช่วงสุดท้ายของการทดสอบและพัฒนา แต่บริษัทผู้ให้บริการด้านการจ่ายเงินสัญชาติบราซิลนาม Beetech และแคนาดา Zip Remit นั้นได้ออกมาประกาศแล้วว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้

กระนั้น บนเว็บบอร์ด Reddit ก็ยังมีผู้ที่มาโพสเพื่อแสดงความงุนงงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ว่านี้ เนื่องจากว่าความสามารถของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไปซ้ำกับแบบแรก

The post ผลิตภัณฑ์ของ Ripple มีอะไรบ้าง และแต่ละอย่างใช้งานอย่างไร appeared first on Siam Blockchain.

No comments:

Post a Comment