Sunday, November 16, 2014

ท้อแท้ได้บ้าง แต่อย่าท้อถอยเด็ดขาด

build-successช่วง
นี้ได้พบเจอกับเพื่อนเก่าๆ หลายคน รุ่นน้องที่เรียนด้วยกันบ้าง
ต่างก็บ่นว่าเกิดความท้อแท้ในชีวิต ผมเห็นเขายิ่งบ่น
ก็ยิ่งท้อหนักเข้าไปอีก จริงๆ
แล้วผมเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ต้องเคยรู้สึกท้อแท้ใจมาบ้าง
ไม่ว่าคนนั้นจะรวย จะจน จะมีหรือไม่มีเงิน
บางคนท้อแท้จนสิ้นหวังในชีวิตไปเลยก็คือ บางคนก็ท้อแท้เป็นช่วงๆ
ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นมีมรสุมอะไรเข้ามาในชีวิตของตนบ้างและรุนแรงสักแค่
ไหน
บางคนก็เปลี่ยนเอาความท้อแท้กลั่นออกมาจนเป็นพลังในการต่อสู้ของชีวิตตนเอง
เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตของตน
เวลาเรารู้สึกท้อเรามักจะไม่มีแรงที่อยากจะทำอะไรเลย
การงานที่เคยทำได้ดี มันก็จะแย่ลงจนคนอื่นสังเกตได้
โดยที่เราเองอาจจะไม่รู้ตัวเลย หรือรู้ตัวแต่ก็ไม่สนใจ
เพราะใจมันไม่สู้แล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะสนใจไปทำไม
แต่สิ่งนี้ล่ะครับที่จะทำให้ชีวิตของเรายิ่งถอยหลังลงไปอีก
บางครั้งเราจะรู้สึกเหมือนกับว่าไม่อยากทำอะไรเลย
แต่การที่เราไม่ทำอะไรเลยนั้น มันทำให้เรายิ่งท้อ ยิ่งท้อก็ยิ่งไม่ทำอะไร ไม่ทำอะไร ก็ยิ่งท้อ มันก็วนไปเรื่อยๆ ครับ เราจำเป็นที่จะต้องตัดวงจรนี้ออกไปให้ได้


การตัดวงจรนี้ก็โดยการเริ่ม
ลงมือทำอะไรสักอย่างก่อน อย่าอยู่เฉยๆ หรือไม่อยากทำอะไร
หาอะไรก็ได้ครับที่เราอยากทำ หรือที่เราชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง
เล่นเกมส์ ฯลฯ เริ่มจากสิ่งที่เราชอบก่อน
แล้วพอความรู้สึกเริ่มดีขึ้นก็ค่อยเริ่มลงมือทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานให้
มากขึ้น



อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถช่วยได้ก็คือ ให้ลองขับรถออกไปนอกบ้าน
หรือจะนั่งรถเมล์ก็ได้นะครับ ยิ่งถ้าได้นั่งรถเมล์แล้วจะยิ่งเห็นสิ่งต่างๆ
มากมาย เพราะเราไม่ต้องใช้สมาธิในการขับรถ ลองสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว
ผู้คนที่เดินทางไปมา บางคนนั่งรอรถเมล์ที่ป้ายด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะได้เจอกับคนที่เรารักเราชอบ
บางคนเดินเก็บขยะตามถังขยะ ด้วยความหวังว่าจะเจอเศษอาหารที่เหลือๆ
ที่จะพอช่วยประทังชีวิตเราไปได้ในแต่ละมื้อ
บางคนก็นอนหลบแดดอยู่ข้างถังขยะบ้าง ตามมุมเสาไฟบ้าง


เดินทางดูอะไรไปเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มเห็นวิถีชีวิตของผู้คนมากขึ้น
ป้าคนกวาดถนนยังคงกวาดเศษขยะ
เศษใบไม้ตามทางเท้าด้วยใบหน้าที่ท่วมไปด้วยเหงื่อ พอเข้ามาถึงใจกลางเมือง
เราก็จะเริ่มเห็นความวุ่นวายของผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา
ราวกับว่ากำลังเดินไล่ล่าตัวอะไรอยู่ ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ
บางคนก็เดินเข้าออกบริษัทต่างๆ
ด้วยความหวังว่าจะได้ทำงานที่ตนถนัดและร่ำเรียนมา
บางคนก็นั่งทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อแลกกับเงินเดือน
และความสำเร็จในชีวิตของตนเอง


ลองพิจารณาผู้คนเหล่านี้สิครับ บางคนแย่กว่าเราด้วยซ้ำ
แต่ทำไมเขาถึงยังตั้งหน้าตั้งตาทำ ทำ ทำ
ก็เพราะชีวิตยังคงต้องเดินหน้าต่อไปน่ะสิครับ ถ้าเราไม่ทำ
เราก็ไม่มีอะไรกิน ไม่มีความสำเร็จที่เราคาดหวังไว้


สำหรับผมเอง
การที่ได้มองดูชีวิตผู้คนเหล่านี้มันช่วยทำให้ผมรู้สึกเกิดแรง
เกิดพลังที่จะสู้ชีวิตต่อไป ความท้อแท้ที่เกิดขึ้นมันจะเริ่มหายไป และหมดไป
และเริ่มเข้าสู่ความหวังอีกครั้งหนึ่ง


เพื่อนผมมีสองสามคนที่เป็นนัก ดนตรี คนแรกเล่นกีตาร์
ไปประกวดตามงานต่างๆ ก็พอจะได้รางวัลประดับบ้านบ้าง อีกคนเป่าแซกโซโฟน
และเป็นนักดนตรีของโรงเรียน
สองคนนี้ต่างก็วางเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นศิลปินและนักดนตรีที่โด่งดังให้ได้
แต่โชคชะตากลับพลิกผัน ดนตรีไม่ได้ช่วยให้เขาได้งานทำ
ไม่ได้ช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่เขาหวัง แต่กลับทำให้เขายิ่งอดอยาก
และหาเงินได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน


ทั้งสองคนก็เริ่มท้อแท้ใจ และคิดว่าจะทำอย่างไรดี
สิ่งที่เขาทำเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้นก็คือ
การที่จะต้องหาเงินมาซื้อข้าวเพื่อประทังชีวิต ดังนั้นก็เดินเข้าโรงรับจำนำ
เอาเครื่องดนตรีคู่กายไปจำนำ แซกโซโฟน
อาจจะดูมีค่ามากกว่ากีตาร์ราคาไม่กี่พัน ดังนั้นก็เลยจำนำได้ง่ายกว่า
ส่วนอีกคนก็ต้องหิ้วกีตาร์เข้าโรงรับจำนำไปเรื่อย รับจำนำแต่ให้ราคาไม่ดี
บางที่เห็นก็ไม่รับแล้ว


คนแรกที่จำนำได้ ก็นำเงินไปหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น
หาซื้ออาหารประทังชีวิตไป แต่ถามว่าพอเงินหมดแล้วจะทำอย่างไร
คราวนี้ยิ่งหนักกว่าเดิมเพราะเครื่องมือหากินคู่กายก็ไม่อยู่แล้ว
แล้วเขาจะทำอะไร นี่คือผลจากความท้อแท้สิ้นหวัง และการคิดสั้นๆ
เพื่อให้อยู่ไปวันๆ


แต่อีกคนหนึ่งพอจำนำกีตาร์ไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรกินเหมือนกัน
ก็ไปนั่งพักเหนื่อยอยู่แถวๆ สวนจตุจักร ไม่มีอะไรทำ
ก็เลยเอากีตาร์ขึ้นมาบรรเลงเพลงที่ได้ฝึกฝนมา
คิดแค่ว่ามันอาจจะช่วยลดความรู้สึกหิวลงไปได้บ้าง เขาหลับตาบรรเลงไปเรื่อยๆ
สักพักก็เริ่มมีคนสนใจในบทเพลงที่เขาบรรเลง
เพิ่มหยิบเงินและใส่ลงไปในซองกีตาร์ที่เขาวางไว้กับพื้น ห้าบาทบ้าง
สิบบาทบ้าง บางคนชอบใจมากๆ ก็ให้เป็นร้อยเลยก็มี
เพราะด้วยฝีมือของเขานั้นเรียกว่าอยู่ในขั้นมืออาชีพจริงๆ


วันนั้นเขา ได้ทำในสิ่งที่เขารัก
และไม่อดตาย เครื่องมือในการหากินก็ยังอยู่ครบ ความท้อแท้เริ่มหายไป
กลายเป็นความหวัง และเริ่มมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตด้วยสิ่งที่เขามีอยู่



วันรุ่งขึ้น เขาก็เริ่มตระเวนเล่นดนตรีตามข้างถนน เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ
จตุจักรบ้าง สยามบ้าง ไนท์พล่าซ่า บ้าง
จนวันหนึ่งก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหา และถามเขาว่า “ไปเล่นดนตรีกับพี่มั้ย พี่เห็นเรามาหลายวันแล้ว ฝีมือดีมาก พี่ชอบ น่าจะเล่นเพลงในแนวเดียวกันได้ดี” นั่นก็คือโอกาสที่เริ่มเข้ามาหาเขา ถ้าวันนั้นเขาจำนำกีตาร์ตัวนี้ไป วันนี้คงไม่มีโอกาสแบบนี้


จาก วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้เล่นดนตรีกับวงดนตรีใหญ่
และผันตัวเองไปเป็นคนเบื้องหลัง แต่งเพลง ทำดนตรี
และเป็นนักดนตรีในห้องอัดเสียงคอยเป็นมือปืนรับจ้างอัดเสียงให้กับศิลปิน
ดังๆ หลายคน


จะเห็นว่าความท้อแท้นั้นเกิดได้ แต่อยากไปจมกับมันมากนัก
ต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่เรารักและถนัดที่จะทำ 
ทำไปเถอะครับ ทำอย่างอดทน และมั่นคง 
ผมเชื่อว่าถ้าเราทำมันอย่างเต็มที่แล้ว ความหวัง และกำลังใจในชีวิตของเรา
มันจะเริ่มกลับคืนมาสู่ชีวิตเรา
และเราจะเริ่มเห็นโอกาสว่ามันเปิดรอเราอยู่ตรงหน้านี่เอง
แต่ไอ้ความท้อแท้มันมาบังเราซะจนเรามองไม่เห็นโอกาสดีๆ เลย


จงอย่าให้ความท้อแท้ มาทำให้เราท้อถอยนะครับ ชีวิตของเรายังมีโอกาส และความหวังรอเราอยู่เสมอครับ สู้ต่อไปนะครับ



 บทความโดย อาจารย์ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร

No comments:

Post a Comment